บทน�ำ
มิสตีเรียส
1. ประจุหรือห่อหุ้มห่มคลุมด้วยองค์ประกอบความลึกลับ, ซ่อนเร้นอ�ำพราง จากความรู้หรือความเข้าใจของมนุษย์, ยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายไขปริศนา หรือค้นพบ, แหล่งก�ำเนิด ลักษณะหรือวัตถุประสงค์คลุมเครือ
นิ ย ายปรั ม ปราเล่ า ขานกั น สื บ มาถึ ง บทสนทนาสุ ด พิ ลึ ก พิ ลั่ น ใน ประวัติศาสตร์โลกวรรณกรรมยุคใหม่ เกิดขึ้นในบ่ายฤดูใบไม้ร่วง อากาศ เย็นยะเยือกหมอกขุน่ ขาวลอยอ้อยอิง่ ในปี 1896 ในโครธอร์น หมูบ่ า้ นเล็ก ในมณฑลเบิร์กเชียร์ ฟากหนึ่งของคณะสนทนา จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ชื่อกระฉ่อน ดร.เจมส์ เมอร์เรย์, บรรณาธิการพจนานุกรมอังกฤษออกซฟอร์ด วันที่จดจารจารึก 2
ไว้เป็นวันที่เขาเดินทางห้าสิบไมล์โดยรถไฟจากออกซ์ฟอร์ดเพื่อมาเยือน มนุษย์ลึกลับนาม นพ.ดับเบิลยู. ซี. ไมเนอร์ ผู้เป็นเอกในมวลหมู่ผู้สอบ ทานอาสาสมัครหลายพันหลายหมืน่ คนทีป่ อ้ นข้อมูลทรงค่าอันเป็นแก่นกลาง ก่อก�ำเนิดพจนานุกรมเล่มนี้ เวลาล่ ว งผ่ า นไปเกื อ นยี่ สิ บ ปี ที่ ผู ้ ยิ่ ง ใหญ่ ทั้ ง สองได้ แ ลกเปลี่ ย น จดหมาย ส่งข่าวคราววิพากษ์กระบวนการเขียนและการรวบรวมค�ำบรรจุ ในพจนานุกรม ติดต่อสม�่ำเสมอหากไม่เคยได้พบปะกันซึ่งหน้า ดูเหมือน ว่านพ. ไมเนอร์ไม่ประสงค์หรือไม่อาจละทิง้ นิวาสถานในโครธอร์น ไม่เคย ย่างกรายไปที่ออกซฟอร์ด นายแพทย์ลึกลับผู้นี้ไม่เคยขยายความให้ ค�ำอธิบายใด จะมีก็แต่เพียงถ้อยความแสดงความเสียใจ ดร.เมอร์เรย์ ผูแ้ ทบจะไม่มเี วลาว่างพอจะปลีกตัวจากภาระหน้าทีใ่ น ห้องอันจัดไว้เป็นพิเศษเพื่อเขียนพจนานุกรม หออักษรศาสตร์อันเลื่องชื่อ ในออกซฟอร์ด เฝ้ารอใจจดใจจ่อถึงวันทีจ่ ะได้เดินทางมาพบ และขอบคุณ บุรุษลึกลับผู้อุทิศเวลาช่วยเหลือ วาระอันเหมาะสมมาถึงเมื่อพจนานุกรม เดินทางไปได้ครึ่งทาง เกียรติประวัติเป็นทางการหว่านโปรยยกย่องชมเชย คณะท�ำงาน ดร.เมอร์เรย์ประสงค์จะให้ผรู้ ว่ มงานทุกคน รวมทัง้ นพ.ไมเนอร์ ผู้อ�ำพรางตน ได้รับการยกย่องในงานอันหาค่ามิได้ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกัน สรรค์สร้างออกมาเป็นรูปเล่ม ดร.เมอร์เรย์ตัดสินใจเดินทางมาเยี่ยมเยือน
หลังการตัดสินใจเป็นมั่นเหมาะแล้ว ดร.เมอร์เรย์ส่งโทรเลขมา แจ้ ง ข่ า ว ย�้ ำ เพิ่ ม เติ ม ว่ า เขาเดิ น ทางสะดวกเป็นที่สุดโดยรถไฟมาลงที่ สถานีโครธอร์น ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อสถานีเวลลิงตัน คอลเลจ ขนานนาม ตามชื่อโรงเรียนชายชื่อดังในหมู่บ้านนั้น เวลามาถึงราวสิบสี่นาฬิกาของ วันพุธในเดือนพฤศจิกายน นพ.ไมเนอร์ตอบรับด้วยโทรเลขความว่า พร้อม 3
รอต้อนรับด้วยความยินดี การเดินทางจากออกซฟอร์ด อากาศแจ่มใส รถไฟเทียบชานชาลาตามเวลา ถือเป็นลางดีในการเริ่มสานความสัมพันธ์ แนบแน่น เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ รถม้ามันปลาบพร้อมคนขับจอดรอท่าแล้ว เมื่อเจมส์ เมอร์เรย์ ขึ้นนั่งเรียบร้อย เสียงเกือกม้ากุบกับดังก้องถนนหิน ในเขตชนบทของมณฑลเบิร์กเชียร์ อีกยาวยี่สิบนาทีเศษ รถม้าแล่นเข้า มาในถนนกว้างสองข้างทางปลูกต้นพ็อพลาร์ยืนโอนเอนลู่ลมป็นทิวยาว รถม้าแล่นมาเทียบหน้าประตูไม้มหึมาหน้าอาคารอิฐแดงสูงตระหง่าน ผู้รับใช้ค้อมศีรษะ เดินน�ำนักประมวลพจนานุกรมเข้าไปในห้องกว้าง ชั้น หนังสือติดผนังจากพื้นจรดเพดาน หลังโต๊ะมะฮ็อกกานีขนาดใหญ่ ยืนไว้ ด้วยชายสูงสง่า ดร. เมอร์เรย์ค้อมศีรษะค�ำนับ และเอ่ยทักทายด้วยบท ที่ซักซ้อมมาจนขึ้นใจ “ทักทายยามบ่ายอันสวัสดีต่อท่าน ขอรับ ผมคือ ดร.เจมส์ เมอร์เรย์ จากสมาคมวรรณคดีลอนดอน และบรรณาธิการ พจนานุกรม อังกฤษออกซฟอร์ด นับเป็นเกียรติอย่างสูงและความยินดีที่ได้พบท่าน ในท้ายที่สุด ท่านก็คงเป็นผู้อุทิศตนช่วยเหลืองานของเราอย่างไม่ย่อท้อ, นพ. ดับเบิลยู. ซี. ไมเนอร์?” ความเงียบสงัดชั่วอึดใจ ห้วงเวลาอึดอัดชวนกระดากใจ เสียง นาฬิกากระดิกกรุกกริกลั่นห้อง เสียงฝีเท้าแผ่วในทางเดินนอกห้อง บุรุษ ผู้ยืนหลังโต๊ะท�ำงานมะฮ็อกกานีกระแอมไล่เสียง ตอบชัดเจนว่า “ได้โปรดให้อภัย ท่านที่เคารพ ผมมิใช่บุคคลที่ท่านปรารถนา ผม เป็นเพียงพัสดีเรือนจ�ำโรคจิตบรอดมัวร์ นพ.ไมเนอร์พำ� นักอยูท่ นี่ จี่ ริง หาก แต่เป็นผู้ต้องขัง คนป่วยจองจ�ำในเรือนจ�ำแห่งนี้มานานกว่ายี่สิบปี เป็น ผู้ต้องขังที่อยู่นานที่สุด”
4
แม้บันทึกทางการในคดีนี้จะเป็นความลับที่ไม่เปิดเผย เก็บซ่อนไว้ นานกว่าศตวรรษ ผมเพิ่งมีโอกาสได้อ่านข้อมูลนั้น และเรื่องที่จะเล่าสืบ ต่อจากนี้ จะเป็นเรือ่ งสุดพิลกึ พิสดาร เรือ่ งเศร้าชวนหดหูห่ ากแต่เผยความ งามพิสุทธิ์ปลอบประโลมจิตวิญญาณ
5
บทที่ 1 ฆาตกรรมกลางดึกในแลมเบ็ธ มาร์ ช
เมอร์เดอร์
1. อาชญากรรมพรากชี วิ ต ที่ ถื อ ว่ า ร้ า ยแรงที่ สุ ด ในอั ง กฤษ (สก็อตแลนด์และสหรัฐฯ) นิยามไว้ว่าการฆ่าผู้อื่นให้ถึงแก่ความตายด้วยเจตนา ไตร่ตรองไว้ก่อน มักจะเรียกว่า การฆ่าคนตายโดยเจตนา 6
ในภาษาอังกฤษออกซฟอร์ด ค�ำนีม้ กั จะใช้กบั การฆาตกรรมทีล่ งมือกระท�ำอย่าง ชั่วร้าย โหดเหี้ยม หรือทรมานเลือดเย็น การปรับใช้อย่างเคร่งครัด จะจ�ำกัด เพียงการฆาตกรรมซ่อนเร้น มีรากจากภาษาเยอรมันโบราณ กินความถึงการแก้ แค้นเป็นการส่วนตัว การใช้เลือดล้างเลือด เอ็ดเวิร์ด I, บริตตัน อธิบาย เพียงว่าผูล้ งมือและเหยือ่ จะต้องเป็นผูท้ ไี่ ม่อาจระบุได้ทงั้ สองฝ่าย ค�ำว่า ‘เจตนา หรือไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า’ เป็นนิยามตามกฎหมาย ยังไม่นับเป็นค�ำนิยามศัพท์ การฆ่าคนตายโดยเจตนา อาจหมายถึงการท�ำให้คนอื่นตาย แม้จะไม่ประสงค์จะ ให้เกิดผลนั้น การเสียชีวิตเป็นแต่เพียงผลธรรมดาที่เกิดจากการกระท�ำนั้น หาก จะนับเป็นการฆาตกรรม ผู้ลงมือกระท�ำจ�ำเป็นต้องลงมือด้วยสติสัมปชัญญะ และ การเสียชีวิตจะต้องเกิดขึ้นภายในหนึ่งปีหนึ่งวันนับแต่วันลงมือ ในสหราชณาจักร ไม่มีการแบ่งประเภท แต่กฎหมายสหรัฐฯแยกเป็นฆาตกรรมในระดับที่หนึ่ง และ ฆาตกรรมระดับที่สอง
ลอนดอนยุ ค วิ ก ตอเรี ย แม้ แ ต่ ใ นย่ า นเสื่ อ มโทรมเลื่ อ งชื่ อ ด้ ว ย อาชญากรรมนานาประเภท เช่น แลมเบ็ธ มาร์ช ก็แทบจะไม่เคยได้ยิน เสียงปืน แลมเบ็ธ มาร์ชเป็นขุมนรกชั่วร้าย ความเสื่อมโทรมและบาปชั่ว หมอบตะคุม่ ด�ำทะมึนบนริมฝัง่ แม่นำ�้ เทมส์ ตรงข้ามมหาวิหารเวสมินสเตอร์ มีคนลอนดอนจิตปกติไม่กี่คนที่จะหาญเข้ามาเดินในละแวกนี้ แลมเบ็ธ มาร์ชเป็นเขตคนชั่วเมืองเลว เงามืดริมทางเท้าจะมีโจรแฝงตัวรอคอยตีชิง วิ่งราวทรัพย์ คราวหนึ่ง เคยมีคดีฆ่ารัดคอชิงทรัพย์ ในตรอกซอยคนเดิน พลุกพล่าน จะมีนักแซ้งก์ทุกประเภท เฟกิน, บิลล์ ไซก์และโอลิเวอร์ ทวิสต์ น่าจะโปรดปรานเขตเมืองนี้ แลมเบ็ธสมัยวิกตอเรียคือภาพลอนดอน ที่ชาร์ลส ดิกเคนเขียนบรรยายไว้ เลวร้ายเพียงใด แลมเบ็ธก็ไม่เคยมีเสียงปืน อาชญากรที่ใช้ปืนเป็น 7
อาวุธประจ�ำกาย แทบจะหาไม่ได้ในแลมเบ็ธในยุคที่อังกฤษมีแกลดสโตน เป็นนายกรัฐมนตรี แม้แต่ในเขตมหานครลอนดอน ก็แทบจะไม่ได้พบ ปืน มีราคาแพงเกินไป เทอะทะ ใช้งานยาก และยากแก่การซ่อนพกพา จะ เป็นยุคโน้นหรือยุคปัจจุบัน การใช้ปืนประกอบอาชญากรรม ถือว่า ‘มิใช่ วิถีอังกฤษ’ นักหนังสือพิมพ์หยิบยกมาเขียนถึงและบันทึกไว้อย่างปรีดาว่า “เราโชคดีทอี่ าศัยอยูใ่ นประเทศทีไ่ ม่เคยพานพบอาชญากรรม ‘ยิงทิง้ ’ อัน เป็นวิถีชีวิตปกติของคนอเมริกัน” ดังนั้น เมื่อมีเสียงปืนแผดกึกก้องหลังเวลาตีสองกลางคืนเดือนส่อง สลัวของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ปี 1872 เสียงนั้นระเบิดฉีกอากาศ เสียง ทีไ่ ม่เคยปรากฏมาก่อน เสียงทีก่ อ่ ให้เกิดความสะดุง้ หวัน่ กลัว เสียงปืนสาม นัด หรืออาจเป็นสี่ เสียงเปรี้ยงกึกก้องสะท้อนสะเทือนไปในอากาศหนาว เหน็บ หมอกขุ่นขาวเจือด้วยควันคละคลุ้ง แม้จะไม่ใช่เสียงสามัญคุ้นหู แต่ก็ระบุได้ในแทบจะทันที เสียงนั้นเข้าหูต�ำรวจหนุ่ม เฮนรี ทาร์แรนต์ ต�ำรวจสังกัดสถานีเซาธ์วาร์ก เขต แอล นาฬิกาเพิ่งตีได้สองครั้ง ถ้อยความที่บันทึกไว้ในสมุดพกประจ�ำตัว ต�ำรวจเฮนรีเดินตรวจเวรวิกาลใต้ทางยกระดับบริเวณสถานีรถไฟวอเตอร์ลู ตรวจตรากุญแจคล้องประตูร้าน กระตุกดึงไล่เรียงไปทีละร้าน สบถด่า ความหนาวเหน็บถึงกระดูกของอากาศกลางดึก เมื่อมีเสียงปืน เขาดึงนกหวีดออกมาเป่า ด้วยความหวังว่าน่าจะมี เพือ่ นต�ำรวจสักนายเดินเท้าตรวจพืน้ ทีใ่ กล้เคียง อีกไม่กวี่ นิ าทีถดั มา เขาวิง่ ไปในซอกซอยคดเคีย้ วเปียกลืน่ ผ่านอาคารหลังเล็กหลังน้อยทีม่ าชุมนุมกัน พอจะเรียกได้ว่าหมู่บ้าน ซอยเล็กเปิดสู่ถนนเบลเวเดียร์ ริมฝั่งน�้ำที่เขาเชื่อ ว่าเป็นแหล่งที่มาของเสียงปืน ต�ำรวจอีกนาย เฮรี เบอร์ตัน ผู้ได้ยินเสียงนกหวีด และต�ำรวจคน ที่สาม วิลเลียม วอร์ด รุดมายังที่เกิดเหตุ จากบันทึกของเบอร์ตัน เขา รายงานว่า ได้ยินเสียงนกหวีด และได้พบทาร์แรนต์คว้าข้อมมือของชาย 8
ผู้หนึ่งประหนึ่งว่าจับกุมตัวได้แล้ว “เร็วเข้า...” ทาร์แรนต์แจ้งให้ทราบ “ไปทีถ่ นน มีคนถูกยิง” เบอร์ตนั กับวอร์ดวิง่ ไปยังถนนเบลเวเดียร์ พบร่าง นอนไม่ไหวติง ทั้งสองคุกเข่าลงข้างกายผู้ใกล้จะเสียชีวิต ผู้เห็นเหตุการณ์ รายงานว่า ต�ำรวจทั้งสองนาย ถอดหมวกและถุงมือ ค้อมตัวลงข้างกาย ของเหยื่อกระสุน เลือดไหลทะลักอาบพื้นถนนเป็นเวิ้งใหญ่ รอยคราบเลือดจะติดฝัง แผ่นหินบนถนนอยู่นานอีกหลายเดือน บรรยายด้วยพาดหัวหนังสือพิมพ์ ว่า ‘อาชญากรรมเลวร้ายน่าสะอิดสะเอียน, เหตุเลวร้าย, ผลงานของ ปิศาจ, การสังหารเลือดเย็น’ หนังสือพิมพ์เรียกขานกันว่า ‘เรื่องน่าเศร้าแลมเบ็ธ’ ยกขึ้นมาก ล่าวอ้างประหนึ่งว่าแลมเบ็ธ มาร์ชมิใช่สถานที่ ‘น่าเศร้า’ แต่ก็ยังถือเป็น เหตุการณ์ผิดสามัญ...แม้จะวัดตามมาตรฐานโฉดของแลมเบ็ธ มาร์ช แม้ ฆาตกรรมที่เกิดในช่วงหลายปี จะมีไม่น้อยที่ประหลาดพิลึกพิลั่น แต่ก็พอ จัดอันดับเรียงตามเวลาในหัวเรือ่ งเลวร้ายเล็กน้อยทีไ่ ม่ควรค่าแก่ความสนใจ แต่เรื่องเศร้าครั้งนี้ จะจุดระเบิดเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องไปอีกได้อย่างไม่น่า เชือ่ แม้จะเป็นเรือ่ งเศร้า เรือ่ งทีย่ ากจะเชือ่ ว่าได้วา่ เกิดขึน้ แล้ว แต่ผลลัพธ์ ท้ายสุดในบางจุด ห่างไกลนักจากค�ำว่า ‘น่าเศร้า’
แม้แต่ในปัจจุบันนี้ แลมเบ็ธ มาร์ชก็ยังต�่ำต้อยด้อยค่าในริมขอบ ของมหานครอันเป็นเมืองหลวง เขตเมืองเล็ก ๆ ซ่อนอยูใ่ นซอกเครือข่าย ทางหลวงและรางรถไฟ ซึง่ พาผูโ้ ดยสารเข้าออกเมืองไปยังมณฑลทางใต้ ใน ปัจจุบันนี้ รอยัลเฟสติฟฮอลล์ และเซาธ์แบงก์เซนเตอร์ ยืนตึกตระหง่าน ในบริเวณเดิมทีเ่ คยเป็นลานสวนสนุกในปี 1951 จัดไว้เป็นทีพ่ กั ผ่อนหย่อน ใจของชาวลอนดอนคนโซยากไร้ หากไม่นับตึกใหม่ ส่วนที่เหลือก็ยังเป็น 9
ดินแดนไร้เอกลักษณ์ซึมเซา อาคารแถวเรียงเหมือนห้องขังเดี่ยว จัดเป็น ที่ท�ำการของหน่วยงานรัฐที่ไร้ความสลักส�ำคัญ อาคารส�ำนักงานใหญ่ของ บริษัทขุดเจาะน�้ำมันที่มีลมกระโชกพัดหวีดหวิวในฤดูหนาว มีผับไร้ชื่อ เพิงขายหนังสือพิมพ์อีกไม่กี่แห่ง และสถานีรถไฟวอเตอร์ลูซอมซ่อ (เพิ่ง ขยายใหญ่เพื่อใช้เป็นสถานีรถไฟด่วนลอดช่องแคบอังกฤษ รถไฟด่วน กลายเป็นแม่เหล็กดูดความสนใจจากเขตเพื่อนบ้าน) ผู้ว่าการรถไฟยุคอดีตไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะสร้างสถานีรถไฟหรูที่ วอเตอร์ลู หันไปสนใจสร้างสถาปัตยกรรมมหึมาในลอนดอนเขตอื่น เช่น สถานีรถไฟวิกตอเรียและแพดดิงตัน หรือแม้แต่เซนต์แพงคราสและคิงก์’ส ครอสส์ แลมเบ็ธ มาร์ชถือครองชื่อเลวร้ายมาตั้งแต่ยุคอดีต ไม่มีคนหน้า บางเปี่ยมยศคนใดอยากจะย่างเท้าเข้ามาในดินแดนนี้ ไม่มีแม้แต่ผู้ใช้รถไฟ หวานเย็นในยุควิกตอเรีย ในยุคนี้ คนสติปกติก็ไม่คิดจะเข้าไปในแลมเบ็ธ มาร์ช จริงอยู่ พื้นที่อาจพัฒนาเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ชื่อเสียงและ บรรยากาศยังด�ำรงอยู่ไม่เสื่อมคลาย เมือ่ หลายปีเศษทีผ่ า่ นมา แลมเบ็ธ มาร์ชประจุความมอซอไว้เข้มข้น พื้นที่ต�่ำ น�้ำนองแฉะจนได้ชื่อมาร์ช(พรุ) มีสายน�้ำเล็กจนน่าสังเวชชื่อว่า เน็กคิงเกอร์ ไหลเปิดลงสู่แม่น�้ำเทมส์ ดินแดนแห่งนี้เป็นสมบัติร่วมขอ งอาร์ชบิชอปแห่งแคนเตอร์เบอรีและดยุคแห่งคอร์นวอลล์ เจ้าของที่ดิน ร�่ำรวยมหาศาล ผู้ไม่ใส่ใจจะเกร็ดเศษเงินมาพัฒนาที่ดินเหมือนเช่นลอร์ด เจ้าของที่ดินคนอื่น ๆ เช่น โกรสเวเนอร์, เบดฟอร์ด หรือเดวอนเชียร์ ผู้สร้างคฤหาสน์ จัตุรัสกลางเมือง และทางเท้างดงามบนริมฝั่งแม่น�้ำ...ฝั่ง ตรงข้าม แลมเบ็ธ มาร์ชกลายเป็นเศษเมือง เป็นที่ตั้งโกดัง บ้านพักคนงาน และบ้ า นแถวที่ สั ก จะสร้ า งให้ เ ป็ น หลั ง มี โรงงานด� ำ ขะมุ ก ขะมอม (เหนอะหนะเปรอะเปื้อนด�ำสนิทจากการผลิตยาขัดรองเท้า โรงงานเช่นที่ ชาร์ลส ดิกเคนเคยท�ำงานในวัยเด็ก) โรงงานต้มสบู่ โรงย้อมผ้า โรงเผาปูน 10
และลานฟอกหนัง ซึ่งช่างฟอกหนังใช้ ‘สารบริสุทธิ์’ ฟอกให้สีแผ่นหนัง สารบริสทุ ธิ์ เก็บรวบรวมจากฟุตบาท โดยคนงานสกปรกค่าจ้างต�ำ่ สุด คน งานวรรณะต�่ำสุดในมวลหมู่ผู้ใช้แรงงาน สารบริสุทธิ์ในการฟอกหนังตาม ความหมายยุควิกตอเรีย ก็คือ อุจจาระสุนัข เขตเมืองมอซออบไอให้หอมอวลด้วยกลิ่นยีสต์และฮ็อป จากปล่อง ไฟของหม้อหมักเบียร์ของโรงกลั่น ‘เรด ไลอ้อน’ บนถนนเบลเวเดียร์ ทางเหนือของสะพานฮังเกอร์ฟอร์ด สะพานแห่งนี้ตั้งเด่นเป็นสัญลักษณ์ ประจ�ำมาร์ช...สะพานรถไฟลอยสูงเหนือพรุเฉอะแฉะเบื้องล่าง เป็นราง รถไฟ (รวมทัง้ สายการเดินรถลอนดอน เนโครโพลิส เรลเวย์...ขบวนรถน�ำ ศพออกจากมหานครออกไปฝังยังสุสานในเขตชานเมืองของเมืองโวกิง) ภาพ รถไฟยาวเหยียด ส่งเสียงโลหะขัดสีเอีย๊ ดอ๊าดชินหู ขยับขยึกขยักกระแทก กันกึงกังบนราง แลมเบ็ธเป็นเขตเมืองทีม่ เี สียงอึกทึกและควันก�ำมะถันคละ คลุง้ ฉุนเฉียวทีส่ ดุ ในลอนดอน บวกรวมเข้ากับความโสโครกและชือ่ เลือ่ งลือ เล่าขานในเชิงชั่วร้าย ยิง่ ไปกว่านัน้ แลมเบ็ธ มาร์ชอยูน่ อกเขตปกครองของลอนดอนและ เวสต์มนิ สเตอร์ ก่อนหน้านัน้ จนถึงปี 1888 แลมเบ็ธสังกัดการบริหารส่วน ท้องถิน่ เซอร์เรย์ นัน่ ก็หมายความว่า กฎเกณฑ์เคร่งครัดทีใ่ ช้บงั คับพลเมือง มหานครลอนดอน ไม่อาจเอื้อมมือไปถึงผู้คนที่เดินทางข้ามสะพานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสะพานวอเตอร์ลู, แบล็กไฟรอาร์, เวสต์มินสเตอร์ หรือ ฮังเกอร์ฟอร์ด มาเยือนถิน่ แลมเบ็ธ หมูบ่ า้ นเล็กๆ แห่งนีก้ ลายเป็นดินแดน หฤหรรษ์ เป็นเขตปลดปล่อย เป็นแหล่งชุมนุมของร้านเหล้า ซ่องแม่นาง และโรงละครลามกกลาดเกลื่อน...สถานที่ที่ผู้คนเดินทางมาแสวงหาความ บันเทิงทุกรูปแบบ และโรคร้ายหลากประเภท เพียงแค่จ่ายเงินเพ็นนีไม่ ถึงก�ำมือ หากต้องการมาชมละครทีไ่ ม่ผา่ นเซ็นเซอร์ในลอนดอน หากต้องการ ดื่มน�้ำอมฤตกรอกยาพิษเผาล�ำคอจนถึงย�่ำรุ่ง ถ้าต้องการซื้อสื่อลามก 11
บานฉ�ำ่ ใหม่ลา่ สุด ลักลอบน�ำเข้าจากปารีส หรือต้องการซือ้ เนือ้ สดสตรีทกุ วัย โดยไม่ตอ้ งกังวลถึงนักวิง่ จากโบว์สตรีต (ชือ่ เรียกขานต�ำรวจอังกฤษยุค โบราณ)หรือพ่อแม่ของอีหนูที่จะไล่ขับ ก็ต้อง ‘ข้ามไปฝั่งเซอร์เรย์’ เมื่อ หมายความถึงแลมเบ็ธ
แหล่งเสือ่ มโทรมทุกแห่ง ค่าครองชีพราคาถูกดึงดูดคนดีมชี วี ติ สามัญ ให้มาอาศัยและท�ำงานในแลมเบ็ธ จอร์จ เมอร์เร็ตต์เป็นหนึง่ ในจ�ำนวนนัน้ เขาเป็นคนงานตักถ่านหินเข้าเตาเผาที่โรงกลั่นเรด ไลอ้อน ท�ำงานมานาน แปดปี ท�ำงานเต็มเวลา เฝ้าตักถ่านหินป้อนเข้าไปในเตา เพือ่ ให้หม้อกลัน่ เดือดปุด และอบย่างบาร์เลย์ให้กลายเป็นมอลต์ จอร์จ เมอร์เร็ตต์อายุ 34 ปี อาศัยอยูบ่ า้ นเลขที่ 24 คอร์นวอลล์ คอตเตจ บนถนนคอร์นวอลล์ จอร์จ เมอร์เร็ตต์ก็เหมือนเช่นคนงานในยุควิกตอเรีย เป็นผู้อพยพ มาจากชนบท เช่นเดียวกันอีไลซา ผู้ภรรยา เขามาจากหมู่บ้านวิลต์เชียร์ เธอจากกลอสเตอร์เชียร์ ทั้งสองเป็นคนงานในไร่ ไม่มีสหภาพแรงงาน คอยปกป้อง ไม่มีสหกรณ์ชาวไร่หนุนหลัง ค่าจ้างท�ำงานในไร่ถูกแสนถูก ท�ำงานน่าอับอายภายใต้การบงการของเจ้าของที่ดินไร้เมตตา ทั้งสองพบ กับในงานแสดงสินค้าเกษตรในค็อตสโวลด์ สาบานรักกันเป็นมัน่ เป็นเหมาะ ว่าจะหนีตามกันมาแสวงหาโลกใหม่ โอกาสที่เปิดกว้างอย่างไม่มีขีดจ�ำกัด ในลอนดอน ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงนั่งรถไฟด่วนจากสวินดอน แรกสุด คู่สามีภรรยาอาศัยในเขตลอนดอนเหนือ ลูกสาว, แคลร์ ถือก�ำเนิดใน ปี 1860 ครอบครัวย้ายลงมากลางลอนดอน และเมื่อครอบครัวใหญ่ขึ้น ค่าใช้จ่ายแพงระยับ งานกรรมกรแทบจะหาไม่ได้ ทั้งสองพบตนเองมา ปักหลักในคอกหมูสกปรกที่เรียกกันว่า แลมเบ็ธ มาร์ช สภาพแวดล้อมและบ้านพัก โลกซึมเศร้าสีเทาหดหู่เช่นภาพวาด 12
ของกุสตาฟ ดอเร วาดไว้เมื่อเดินทางมาเยือนอังกฤษจากปารีส ภาพ อาคารเก่าคร�่ำคร่าฉาบทาด้วยสีเทาด�ำของฝุ่นผงถ่านหิน บ้านเรือนปลูก เรียงเป็นแถวแออัด แต่ละห้องพักมีสวนหลังบ้านเล็กๆ ตัง้ ห้องน�ำ้ และราว ตากผ้า อากาศเปียกชืน้ เสียงโลหะกรีดก้องบาดหู กลิน่ ก�ำมะถันคละคลุง้ คนโฉดหน้าเหีย้ มคนแสวงหาความสนุกลืมโลก เดินพลุกพล่าน ครอบครัว เมอร์เร็ตต์จะหลับตาฝันถึงไร่กว้างไกล ลมอ่อนโบกโบย กลิน่ หญ้าเกีย่ วใหม่ หอมกรุ่นกลางแดดอบอุ่นหรือไม่ เราไม่อาจทราบได้ เมื่อถึงฤดูหนาว ปี 1871 จอร์จและอีไลซา ก็ไม่ต่างไปจาก ครอบครัวคนงานในย่านเสื่อมโทรมในลอนดอนยุควิกตอเรีย ครอบครัว ขยายใหญ่มีลูกแปดคน แคลร์คนโตอายุ 13 ปี ไปจนถึงคนเล็กอายุ 12 เดือน นางเมอร์เร็ตต์อมุ้ ท้องลูกคนทีเ่ จ็ด ครอบครัวเมอร์เร็ตต์ยากจน เหมือนครอบครัวอื่น ๆ ที่อาศัยในแลมเบ็ธ จอร์จน�ำเงินรายได้มาให้ ครอบครัวสัปดาห์ละ 24 ชิลลิง เงินน้อยนิดแม้จะเป็นยุคนั้น หักจ่าย ค่าเช่าบ้านให้ท่านอาร์ชบิชอป เงินส่วนที่เหลือพอซื้ออาหารประทังชีวิต เลี้ยงปากท้องคนแปดคนที่ไม่เคยกินอิ่มสมอยาก กลางดึกของคืนวันศุกร์...เช้าวันเสาร์ก่อนตีสอง จอร์จตื่นด้วยเสียง เคาะกระจกหน้าต่างจากเพื่อนบ้านที่นัดแนะกันไว้แล้ว เขาลุกจากเตียง แต่งตัวเพื่อออกไปท�ำงานกะย�่ำรุ่ง เช้าเย็นจัดหฤโหด เขาสวมเสื้อผ้าให้ อุ่นที่สุดเท่าที่มีอยู่ เสื้อโค้ตกร่อนจนหมดขน สวมทับเสื้อกั๊กและเสื้อเชิร์ต รุ่งริ่งสีเทา กางเกงผ้าลูกฟูก ผูกรัดข้อเท้าด้วยเชือกเกลียว สวมทับด้วย ถุงเท้าหนาและรองเท้าบู๊ตด�ำ เสื้อผ้าไม่สะอาดนัก แต่งานตักถ่านหินสาด เข้าเตาอีกแปดชั่วโมงเต็ม ก็ไม่จ�ำเป็นต้องแต่งกายให้สะอาดหมดจดนัก ภรรยาของเขาย้อนนึกได้ว่าเขาจุดไฟในเตาผิงก่อนออกจากบ้าน ภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นเป็นเสี้ยวหน้าของเขา ขับให้กระจ่างด้วยโคมแก๊ส ริมถนน ซึ่งเพิ่งจะติดตั้งใหม่ ลมหายใจของเขาพรูออกมาเป็นพวยขาว หรืออาจจะเป็นควันจากกล้องยาสูบก็เป็นได้ สามีของเธอเดินไปยังปลาย 13
ถนนคอร์นวอลล์เพื่อหักเลี้ยวเข้าถนนเบลเวเดียร์ ค�่ำคืนอากาศโปร่ง ดาว พราวระยิบระยับ เมื่อเสียงฝีเท้าของเขาเลือนจางหายไป จะมีก็แค่เสียง กึงกังของล้อรถไฟและเสียงค�ำรามฟืดฟาดของหัวรถจักรส่งเสียงชั่วนิรันดร์ ในเขตแลมเบ็ธ
นางเมอร์เร็ตต์ไม่มเี หตุผลใดทีจ่ ะเป็นกังวล งานปกติเหมือนยีส่ บิ คืนที่ผ่านมาที่สามีต้องท�ำงานกะย�่ำรุ่ง จอร์จเดินไปตามถนนสายเคยคุ้น เดินตรงไปยังก�ำแพงสูง ผ่านบานประตูลวดลายสวยงามของโรงกลั่น ที่เขาท� ำงานตักถ่านหินภายใต้เงาทะมึนของสิงโตแดงอันเป็นตราของ โรงกลัน่ หนึง่ ในจุดหลักสังเกตทีร่ จู้ กั กันดีในลอนดอน งานหนักเงินน้อย แต่ การได้สงั กัดในสถาบันเลือ่ งชือ่ เช่น โรงกลัน่ เรด ไลอ้อน ก็พอจะให้ความ อิ่มเอิบภาคภูมิใจได้ ค�่ำคืนนั้น จอร์จ เมอร์เร็ตต์ไปไม่ถึงที่หมาย ในขณะที่เขาเดินไป ตามถนนเทนนิสัน ทางตอนใต้ของโรงตะกั่วแลมเบ็ธ ติดกับก�ำแพงด้าน เหนือของโรงกลั่นเรด ไลอ้อน มีเสียงตะโกนแผดก้อง ชายร่างตะคุ่มขู่ ตะคอก วิ่งไล่หลังมารวดเร็ว เสียงด่าทอฟังไม่ได้ศัพท์ จอร์จหวาดกลัว สุดขีด เรื่องผิดปกติแล้ว ไม่ใช่โจรข้างทางสามัญ ไม่ใช่โจรสวมผ้าคลุม หน้าถือไม้เท้าหัวตะกั่วเป็นอาวุธที่เฝ้ารอชิงทรัพย์เหยื่อ จอร์จวิ่งหนีตาย ล้มลุกคลุกคลานไปบนถนนหินเปียกลื่นด้วยน�้ำค้างแข็ง เขาเอี้ยวคอกลับ มาดู ชายผู้นั้นยังวิ่งไล่ ตะโกนเสียงลั่น จากนั้นก็เป็นการยั้งเท้าหยุดยืน กับที่ ปืนในยกมือยกขึ้นเล็ง เสียงปืนฉีกอากาศกึกก้อง นัดแรกพลาดเป้า กระสุนพุ่งเฉียดไปกระทบก�ำแพงโรงกลั่น จอร์จ เมอร์เร็ตต์พยายามเร่งฝีเท้า ปากร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นเสียงปืน อีกนัก อาจจะมีนัดถัดมา กระสุนนัดสุดท้ายตัดก้านคอจอร์จ เมอร์เร็ตต์ 14
ผูน้ า่ สงสาร ส่งร่างเขาล้มคว�่ำหน้าฟาดพืน้ เลือดเป็นลิม่ ทะลักออกมาอาบ บนผิวถนน อีกไม่กี่นาทีถัดมา พลต�ำรวจเบอร์ตันวิ่งมาถึง คุกเข่าลงข้างคน เจ็บ หาทางช่วยเหลือปลอบใจ ต�ำรวจอีกนาย วิลเลียม วอร์ด โบกรถ ม้ารับจ้างจากถนนวอเตอร์ลูที่ยังมีการสัญจรขวักไขว่ ทั้งสองช่วยกันหาม ร่างคนเจ็บอย่างเบามือ สัง่ ให้คนขับเดินทางเร็วทีส่ ดุ ไปยังโรงพยาบาลเซนต์ โทมัส ห่างจากที่เกิดเหตุห้าร้อยหลา ลงใต้ไปตามถนนเบลเวเดียร์ อ้อม โค้งวังของอาร์ชบิชอปในลอนดอน ม้าเร่งสุดฝีเท้า เกือกม้ากระทบพืน้ ถนน หินจนไฟแลบแตกประกาย พาคนไข้ไปยังประตูหอ้ งฉุกเฉินของโรงพยาบาล การเดินทางสูญเปล่า หมอตรวจเมอร์เร็ตต์ และพยายามปิดแผล ที่ก้านคอ หลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด เลือดทะลักเป็นลิ่มไม่ยั้ง กระดูก สันหลังแตกละเอียดจากกระสุนหน้าตัดขนาดใหญ่ ผู้ประกอบอาชญากรรมที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในแลมเบ็ธ ถูก จับกุมตัวได้ในที่เกิดเหตุโดยพลต�ำรวจทาร์แรนต์ ชายร่างสูง แต่งกายดี สรุปจากรายงานของต�ำรวจว่า ‘มีมาดทหาร’ ยืนหลังตรงอกผายไหลผึ่ง สง่างาม ในมือขวายังมีปนื ลูกโม่ควันกรุน่ ชายผูน้ นั้ ไม่มที ที า่ ว่าจะหลบหนี ยืนนิ่งจ้องมองในตอนที่ต�ำรวจวิ่งเข้ามาใกล้ “ใครเป็นผู้ยิง?” ต�ำรวจถาม “ฉันเอง” มือข้างขวายกปืนขึ้นสูง ทาร์แรนต์ฉวยปืนออกจากมือ “ยิงใคร?” ชายผู ้ นั้ น ชี้ มื อ ไปยั ง กองเนื้ อ นอนคว�่ ำ หน้ า ใต้ โ คมแก๊ ส ในถนน เบลเวเดียร์ ห่างจากประตูทางเข้าโรงกลั่นไม่กี่หลา ค�ำให้การพิลึกที่ บันทึกไว้ในหลักฐานประวัติศาสตร์ ส่อให้เห็นแรงขับหนึ่งในจุดด่างพร้อย ในวิญญาณ “ผู้ชาย...” เสียงนั้นไม่บดบังส�ำเนียงหยามหยัน “...คุณคิดหรือว่า ผมจะขี้ขลาดพอจะไปยิงผู้หญิง?” 15
ต�ำรวจอีกสองนายวิง่ มาถึงทีเ่ กิดเหตุ รวมทัง้ ผูส้ นใจใคร่มงุ ดู หนึง่ ใน นัน้ เป็นพนักงานเก็บค่าผ่านทางสะพานฮังเกอร์ฟอร์ด ผูไ้ ม่กล้าจะออกมาดู ในตอนแรก “ด้วยเกรงว่าจะโดนกระสุน” และอีกคนเป็นสตรีทเี่ พิง่ เปลือ้ ง ผ้าในห้องพักบนถนนเมนนิสัน...ถนนสายที่การเปลื้องผ้าในทุกชั่วโมงของ วันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด ต�ำรวจทาแรนต์สั่งเพื่อนต�ำรวจให้ดูแลช่วย เหลือคนเจ็บ และพยายามกันผู้คนไม่ให้เข้ามามุงดู เขาจะน�ำผู้ต้องสงสัย ผู้ยินยอมให้จับกุมโดยดุษณี ไปยังสถานีต�ำรวจทาวเออร์สตรีต ในระหว่างทาง ผู้ต้องสงสัยเริ่มชวนคุย แม้รายงานของทาร์แรนต์ จะระบุว่าเงียบขรึม เยือกเย็น และมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่มีกลิ่น แอลกอฮอล์โชยออกจากปาก ชายผูน้ นั้ ยืนยันว่าเป็นเพียงอุบตั เิ หตุทนี่ า่ เศร้า เขายิงคนผิด เขาไล่ตามอีกคน มันผู้นั้นบุกรุกจู่โจมเข้าไปในห้องของเขา กลางดึก เขาไล่ขับมันออกจากห้อง และป้องกันตัวเองตามควรแก่เหตุอัน เป็นสิทธิโดยชอบธรรม “อย่ามาแตะตัวฉัน!” ผู้ต้องสงสัยตวาดด้วยเสียงอันดัง เมื่อทาร์ แรนต์วางมือบนไหล่ผตู้ อ้ งสงสัย แต่แล้ว เขาก็เปลีย่ นเสียงให้นมุ่ นวล บอก กับต�ำรวจว่า “คุณยังไม่ได้ค้นตัวผมเลย” “จะค้นตัวเมื่อไปถึงโรงพัก” ทาร์แรนต์กล่าวตอบ “คุณรูไ้ ด้ยงั ไงว่าผมไม่มปี นื อีกกระบอกซ่อนอยูใ่ นตัว ผมอาจจะควัก ปืนออกมายิงคุณก็เป็นได้?” ต�ำรวจทาร์แรนต์ ชะงัก ใบหน้าไม่เปลีย่ นสี ตอบด้วยเสียงราบเรียบ ว่า หากมีปืนอีกกระบอกซ่อนอยู่ในตัว ขอได้โปรดกรุณาเก็บไว้ในกระเป๋า ชั่วระยะเวลานี้ “แต่ผมมีมีดอีกเล่มนะ” ผู้ต้องสงสัยแจ้งให้ทราบ “ได้โปรดเก็บมีดไว้ในกระเป๋าด้วย” ต�ำรวจทาร์แรนต์สนองตอบ การค้นตัวทีส่ ถานีตำ� รวจ ไม่พบปืนอีกกระบอก หากแต่มมี ดี ล่าสัตว์ ยาวเฟื้อยในซองหนัง เหน็บไว้กับเข็มขัดด้านหลัง 16
“มีดผ่าตัด...” ผูต้ อ้ งสงสัยให้คำ� อธิบาย “...ปกติ ผมก็ไม่พกติดตัว” หลังจากทาร์แรนต์คน้ ตัวผู้ตอ้ งสงสัยโดยละเอียดแล้ว เขาหันไปเล่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนถนนเบลเวเดียร์ให้จ่าเวรลงประจ�ำวัน ต�ำรวจ ทั้งสองน�ำตัวผู้ต้องสงสัยเข้าไปในห้องสอบสวน
ชือ่ นัน้ คือ วิลเลียม เชสเตอร์ ไมเนอร์ อายุสามสิบเจ็ดปี และเป็น ไปตามทีพ่ ลตรวจสงสัย ไมเนอร์เป็นอดีตนายทหารกองทัพบก และยังเป็น ศัลยแพทย์ เข้ามาอาศัยในลอนดอนได้ปีเศษ เช่าห้องพักอาศัยตามล�ำพัง ในห้องพักหมายเลข 41 ชั้นบน ถนนเทนนิสัน นายแพทย์ผู้นี้ไม่มีความ จ�ำเป็นทางการเงินทีจ่ ะต้องใช้ชวี ติ อย่างกระเบียดกระเสียร ตรงกันข้ามกลับ เป็นผูม้ อี นั จะกิน นายแพทย์กองทัพบกเปรยว่าเขาเดินทางมาอาศัยในถิน่ นี้ ด้วยจุดมุ่งหวังอื่น แม้จะไม่ได้แจ้งเหตุผลแท้จริงในห้องสอบสวน แต่ราย ละเอียดทั้งมวลจะปรากฏในการพิจารณาคดีชั้นศาล เช้าวันรุ่งขึ้น ต�ำรวจ น�ำตัวไปฝากขังในเรือนจ�ำฮอร์สมองเกอร์เลนในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และแล้วคดีก็เพิ่มความยุ่งยากอีกชั้น นายแพทย์วิลเลียม ไมเนอร์ เดินทางมาจากนิวเฮเวน มลรัฐคอนเนกติกตั เป็นนายทหารประจ�ำกองทัพ บกสหรัฐฯ...ผู้ต้องขังเป็นชาวอเมริกัน คดีเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ จ�ำเป็นต้องแจ้งให้กงสุลอเมริกันทราบ แม้ วันถัดมาจะเป็นวันเสาร์ กระทรวงต่างประเทศส่งรายงานไปยังรัฐมนตรี อเมริกนั ประจ�ำลอนดอนแจ้งให้ทราบว่าศัลยแพทย์กองทัพบกถูกจับกุมและ ต้องขังในข้อหาฆาตกรรม เสียงปืนที่ดังก้องกลางดึกในถนนเบลเวเดียร์, แลมเบ็ธ แม้จะเป็นเรื่องผิดสามัญส�ำหรับย่านนั้น เพิ่มความพิสดารอีกชั้น กลายเป็นความเมืองระหว่างประเทศไปเสียแล้ว หนั ง สื อ พิ ม พ์ อั ง กฤษไม่ รี ร อที่ จ ะซ�้ำ เติ ม คู ่ อ ริ ข ้ า มฟากมหาสมุ ท ร 17
แอตแลนติก ระบายสีสันในบทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ เซาธ์ลอนดอน เพรสส์พาดหัวว่า “การหยามหมิ่น คุณค่าชีวิตของคนอเมริกัน” ขอให้จดจารตั้งเป็นข้อสังเกตเด่นชัดว่าความแตกต่างระหว่างพวก เรากับคนอเมริกัน และนี่ก็คือตัวอย่างน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นหน้าประตู บ้านของเรา เหยื่อแห่งความเข้าใจผิดโหดเหี้ยมเลือดเย็นทิ้งภรรยาท้องแก่ ใกล้คลอดและลูกอีกเจ็ดคน คนโตอายุเพียงสิบสามให้ต่อสู้โลกตามล�ำพัง แต่ก็ยังเป็นที่ปลาบปลื้มใจที่จะได้ตราไว้ให้ปรากฏว่ามีความช่วยเหลือหลั่ง ไหลไปหาภรรยาหม้ายและลูกก�ำพร้าพ่อ และคงจะคาดหวังได้อย่างปีติว่า ทุกผูท้ กุ คนทีพ่ อจะแบ่งปันเจือจานได้จะท�ำสุดความสามารถทีจ่ ะช่วยเหลือ เหยือ่ ของเหตุการณ์นา่ เศร้า รองกงสุลอเมริกนั ได้แสดงออกอย่างน่าประทับ ใจในการออกจดหมายเวียนไปยังคนอเมริกันทุกคนที่อาศัยอยู่ในลอนดอน วิงวอนร้องขอให้ทุกคนกระท�ำทุกวิถีทางจะที่จะช่วยบรรเทาปัดเป่าทุกข์ ทรมานอันเกิดจากฝีมือของเพื่อนร่วมชาติ นักสืบสก็อตแลนยาร์ดเข้ามาดูแลคดีนี้ เรื่องนี้ทวีความส�ำคัญขึ้นมา ถึงระดับที่จะประกาศอย่างเปิดเผยว่าสมควรตัดสินคดีอย่างเที่ยงธรรม ให้ ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝั่งมหาสมุทร ไมเนอร์ในห้องขัง ไม่ปริปากให้ ความกระจ่างใด ๆ จะมีก็เพียงแค่ว่า ไม่เคยรู้จักผู้ตาย และเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเป็นแต่เพียงความผิดพลาด สก็อตแลนยาร์ดสืบสวนหาเบื้องหลัง และมูลเหตุจงู ใจพิเศษ ผลการสืบค้น เปิดเผยให้เห็นเส้นทางชีวติ แสนเศร้า และสุดพิสดาร
18
วิลเลียม ไมเนอร์เดินทางมาถึงเกาะอังกฤษในฤดูใบไม้รว่ งปีทผี่ า่ นมา เพื่อพักฟื้นรักษาอาการป่วยไข้ หนังสือกล่าวถึงเพียงว่า “เกิดจากความ บกพร่องเป็นครั้งคราวในชีวิต” ทนายความที่ได้รับการแต่งตั้งให้ว่าความ แทนจ�ำเลย บอกใบ้วา่ มูลเหตุจงู ใจพิเศษในการเดินทางมายังอังกฤษ ก็เพือ่ สยบจิตใจให้สงบ จากอาการที่แพทย์ในยุควิกตอเรียวินิจฉัยว่า “อักเสบ ระคายเคือง...จากผลในบางบริเวณในสมอง” ทนายความเผยต่อไปว่า เมือ่ ครั้งที่อยู่ในสหรัฐฯ ไมเนอร์อยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต และยื่นใบลาออก จากกองทัพบกด้วยเหตุผลทางสุขภาพ ผู้ที่ได้พบและพูดคุยด้วย บรรยาย ลักษณะของนายแพทย์วลิ เลียม ไมเนอร์ไว้วา่ “สุภาพบุรษุ ความสามารถ และการศึกษาล�้ำเลิศ หากแต่จะมีความเพี้ยนและลักษณะนิสัยใฝ่ต�่ำ” เมื่อแรกมาถึง ไมเนอร์พ�ำนักในโรงแรมแรดลีย์ ในแถบเวสต์เอน ด์ จะเดินทางออกจากที่พักไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ในทวีปยุโรป เขาถือ จดหมายจากเพื่อนในมหาวิทยาลัยเยล แนะน�ำตัวให้เข้าพบจอห์น รับ กิน นักวิจารณ์ปากคมและจิตรกรเอกชาวอังกฤษ ทั้งสองพบปะกันครั้ง เดียว ไมเนอร์ได้รับค�ำแนะน�ำให้ถือชุดเครื่องเขียนสีน�้ำติดตัวไปด้วย เพื่อ วาดภาพสีน�้ำอันจะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายสบายใจ ดังที่ต�ำรวจคาดไว้ ไมเนอร์ย้ายจากเวสต์เอนด์หลังคริสต์มาสปี 1871 มาพ�ำนักในแลมเบ็ธ...การตัดสินใจพิลึกพิลั่นสิ้นดีส�ำหรับคนมีฐานะ และการศึกษาระดับนี้ ต่อมาในภายหลัง ไมเนอร์ให้การว่า เขาย้ายเข้า มาในแหล่งเสื่อมโทรมเพื่อเที่ยวผู้หญิง เจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกันบอกกับ สก็อตแลนยาร์ดว่าเก็บบันทึกพฤติกรรมของนายแพทย์ไมเนอร์เมื่อครั้งยัง เป็นนายทหารสัญญาบัตร ไมเนอร์โปรดปรานการแวะไปเยือนเขตพื้นที่ที่ เรียกกันว่า ‘ย่านเนื้อสด’ ในทุกเมืองที่ไปประจ�ำการ ที่ชัดที่สุดจะเป็น นครนิวยอร์ก ฐานที่ตั้งอยู่บนเกาะกอฟเวอร์เนอร์ ในทุกวันหยุด ไมเนอร์ จะเดินทางไปยังแมนฮัตตัน เที่ยวบาร์เหล้าสั่ว ๆ และเป็นที่เลื่องลือว่ามี ความกระหายอยากทางเพศในระดับสูง เคยติดเชื้อโรคส�ำส่อนอย่างน้อย 19
หนึง่ ครัง้ และจากการตรวจร่างกายในเรือนจ�ำฮอร์สมองเกอร์ เลน พบว่า เขาติดเชื้อโกโนเรีย เขาให้ค�ำอธิบายว่าติดเชื้อจากโสเภณี และพยายาม บ�ำบัดรักษาด้วยการฉีดไวน์จากลุ่มแม่นำ�้ ไรน์เข้าไปในหลอดปัสสาวะ แม้ จะเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็ไม่น่าประหลาดใจนักที่ไม่อาจก�ำจัด โรคให้หายขาด ในห้องพัก ไม่มีวัตถุสิ่งใดที่จะบ่งให้เห็นถึงนิสัยโปรดปรานของสด คาว นักสืบรายงานว่ามีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ท�ำจากหนังและตอก หมุดทองเหลืองอย่างดี มีเงินฟ่อนโต ส่วนใหญ่จะเป็นเงินฟรังก์ฝรัง่ เศสใบ ละยี่สิบ นาฬิกาพกและสายสร้อยทองค�ำ กระสุนอีเลย์ส�ำหรับปืนลูกโม่ ใบประกอบโรคศิลป์และใบตราตั้งด� ำรงต�ำแหน่งนายทหารสัญญาบัตร กองทัพบกสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังพบจดหมายแนะน�ำตัว เขียนถึงรัสกิน และผลงานภาพวาดสีน�้ำฝีมือของไมเนอร์ ทุกผู้ทุกคนที่ได้เห็น กล่าวเป็น เสียงเดียวกันว่า เป็นภาพวาดฝีมอื เยีย่ ม ส่วนใหญ่จะเป็นภาพทิวทัศน์นคร ลอนดอน หลายภาพวาดจากเนินเขาสูงเหนือคริสตัล พาเลซ เจ้าของเรือนพัก นางฟิชเชอร์ รับรองว่าเป็นผู้อาศัยชั้นเยี่ยม หาก แต่พลิ กึ คน ไมเนอร์มกั จะออกเดินทางไปหลายวัน เมือ่ กลับมาจะมีใบเสร็จ รับเงินของโรงแรมหรู เช่น โรงแรมคริสตัล พาเลซ หรือโรงแรมชาร์ริง ครอสส์ วางไว้ให้ผู้อื่นได้พบเห็น ไมเนอร์เป็นคนเช่าจู้จี้จุกจิก มักจะกวน ใจเธอบ่อยครั้งด้วยการสั่งให้ย้ายเครื่องเรือน ดูเหมือนเขาจะหวาดกลัวว่า จะมีคนบุกเข้ามาในห้องพัก ไมเนอร์มคี วามวิตกกังวลพิลกึ พิลนั่ นางฟิชเชอร์ให้การกับต�ำรวจว่า นายแพทย์ไมเนอร์ซักไซ้ไล่เรียงบ่อยครั้งว่าเธอมีคนใช้ชาวไอริชอยู่ในบ้าน หรือไม่ หากมี ขอให้ไล่ออกให้หมด เธอมีแขกมาเยือนเป็นชาวไอริชหรือ ไม่ หรือคนทีม่ าเช่าห้องเป็นชาวไอริช? หากมี จะต้องแจ้งให้เขาทราบด่วน ที่สุด ความวิตกกังวลเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะแหล่งเสื่อมโทรม ของลอนดอนเป็นที่พักของคนงานก่อสร้าง ส่วนใหญ่เป็นชาวไอริช 20
การพิจารณาคดีเริ่มในต้นเดือนเมษายน ความป่วยไข้ของนาย แพทย์ไมเนอร์ถูกตีแผ่ในรายละเอียด ในบรรดาพยานที่ขึ้นมาให้การต่อ หน้าผูพ้ พิ ากษาหัวหน้าคณะในศาลสัญจรคิงสตัน เพราะคดีเกิดในเขตพืน้ ที่ มณฑลเซอรเรย์ มิใช่ลอนดอน มีพยานสามคนผู้ทราบเรื่องเบื้องหลังของ นายแพทย์ไมเนอร์ บรรยายจนเกิดความเงียบงันไปทั้งศาล ต�ำรวจลอนดอนเป็นพยานปากแรก ให้การว่าได้ทราบเรื่องนี้มา ก่อนจะเกิดคดีฆาตกรรม ทราบว่ามีคนจิตไม่ปกติมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ นัก สืบสก็อตแลนยาร์ดชื่อ วิลเลียมสันให้การว่าไมเนอร์ไปแจ้งความต่อสก็อต แลนยาร์ดเมื่อสามเดือนก่อนเกิดเหตุ โวยวายว่ามีคนพยายามบุกรุกเข้าไป ในห้องยามค�ำ่ คืน พยายามจะวางยาพิษ ไมเนอร์เชือ่ ว่าน่าจะเป็นพวกเฟน เนียน บราเธอร์ฮูด กลุ่มชาตินิยมชาวไอริช พวกมันพยายามบุกเข้ามาใน ห้อง แฝงตัวซ่อนอยู่ในจั่ว และหาทางงัดแงะเข้ามาทางหน้าต่าง นายแพทย์ไมเนอร์แจ้งความหลายต่อหลายครั้ง หลังคริสต์มาส ไมเนอร์ถงึ กับแจ้งความให้ผกู้ ำ� กับสถานีตำ� รวจนิว เฮเวน มลรัฐคอนเน็กติกตั เขียนจดหมายถึงสก็อตแลนยาร์ด ยืนยันว่าความกลัวของไมเนอร์มีมูล หลังจากนายแพทย์ไมเนอร์ย้ายที่พักไปอยู่ที่ถนนเทนนิสัน เขายังติดต่อ กับวิลเลียมสันทุกระยะ ในวันที่ 12 เดือนมกราคม ปี 1872 เขาเขียน จดหมายแจ้งความว่าถูกวางยาพิษ และเกรงว่าพวกเฟนเนียนวางแผนจะ ปลิดชีวิตเขาให้ได้ และกลบเกลื่อนหลักฐานให้ดูเหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย หากเป็นยุคปัจจุบนั ก็คงเป็นสัญญาณวิงวอนขอความช่วยเหลือ แต่ ในยุคนัน้ ต�ำรวจไม่ได้ดำ� เนินการใด ๆ ไม่แจ้งให้ผใู้ ดทราบ จะมีกแ็ ต่เพียง การจดลงในสมุดบันทึกส่วนตัว หยามหยัน และเป็นครั้งแรกสุดที่มีการใช้ ค�ำบรรยายนายแพทย์ชาวอเมริกันผู้โชคร้ายว่า...เสียสติ 21
จากนัน้ เป็นค�ำให้การของผูส้ งั เกตการณ์นายแพทย์ไมเนอร์ในเรือนจ�ำ ฮอร์สมองเกอร์ เลน พยานปากนีช้ อื่ ว่า วิลเลียม เดนนิส ประกอบอาชีพซึง่ ในปัจจุบนั ไม่ หลงเหลืออีกแล้ว เขาท�ำหน้าที่ เป็น ‘ผูเ้ ฝ้าดูเบธเล็ม’ โดยปกติจะท�ำงาน ประจ�ำในโรงพยาบาลโรคจิตเบธเลเฮ็มของลอนดอน สถานทีเ่ ลวร้ายน่าสะ พรึงกลัวจนได้ศัพท์เรียกขานคนโรคจิตว่า ‘เบดแลม (bedlam)’ หน้าที่ ของเขาก็คอื เฝ้าจับตาดูนกั โทษโรคจิตไม่ให้โกงความยุตธิ รรมทีป่ ระสาทให้ โดยการฆ่าตัวตาย เขาได้รบั การยืมตัวให้มาเฝ้าดูนายแพทย์ไมเนอร์ในเรือน จ�ำฮอร์สมองเกอร์ เลน เขาท�ำหน้าที่นี้ตลอด 24 คืนเต็ม ๆ เดนนิสแจ้งแก่คณะลูกขุนว่า เป็นภาพทีน่ า่ สะเทือนใจโดยแท้ ในทุก เช้า นายแพทย์ไมเนอร์จะตื่นลืมตาพร้อมกับค�ำกล่าวหาขึงขังว่าเขารับเงิน ค่าจ้างมาให้ลวนลามไมเนอร์ในยามค�่ำคืน จากนั้น ไมเนอร์ถ่มน�้ำลายไม่ ยัง้ ประหนึง่ จะขับสิง่ ทีต่ ดิ อยูใ่ นปากออกมาให้พน้ ถัดจากนัน้ ก็จะกระโดด ลงจากเตียงลงมาคลานเข่าบนพืน้ ห้อง แหงนเงยหน้าดูใต้เตียงเพือ่ หาคนที่ ซ่อนตัวอยู่ เดนนิสรายงานเรือ่ งนีใ้ ห้ผบู้ งั คับบัญชา และแพทย์ประจ�ำเรือน จ�ำ เขาแน่ใจว่านายแพทย์ไมเนอร์เป็นบ้าไปแล้ว จากรายงานการสอบสวนของต�ำรวจ เปิดเผยให้เห็นถึงรายละเอียด ในแต่ละค�่ำคืน ไมเนอร์ให้การต่อต�ำรวจว่า มีคนแปลกหน้า มักจะเป็น กรรมกรชั้นต�่ำ บ่อยครั้งจะเป็นคนไอริช บุกเข้ามาในห้องตอนที่เขานอน หลับ พวกมันจะข่มขืนช�ำเราและบังคับให้ท�ำทุกท่วงท่าที่มิอาจบรรยาย ออกมาเป็นค�ำพูดได้ หลายเดือนหลังจากนั้น ผู้บุกรุกเริ่มฮึกเหิมได้ใจ ลง ทัณฑ์ทรมานตัวเขา เขาจ�ำเป็นต้องป้องกันตัว บรรจุลูกใส่ปืนลูกโม่ สอด ปืนไว้ใต้หมอนทุกคืน ในคืนเกิดเหตุ เขาสะดุง้ ตืน่ ขึน้ มากลางดึก มองเห็นคนยืนตะคุม่ อยู่ ในเงามืดปลายเตียง เขาล้วงเข้าไปใต้หมอน ดึงปืนพกออกมา ผูบ้ กุ รุกมอง เห็นปืน หันหลังกลับวิ่งหนีออกจากห้อง ไมเนอร์วิ่งตามเร็วที่สุดเท่าที่จะ 22
ท�ำได้ เขาเห็นมันวิ่งหนีไปตามถนนเบลเวเดียร์ เขาร้องตะโกนก่นด่า ยิง ไปสี่นัดจนผู้บุกรุกล้มคว�่ำลงบนพื้นถนน ศาลรับฟังด้วยอาการนิง่ งัน หญิงเจ้าของบ้านเช่าส่ายหน้าไปมา ไม่มี ใครผ่านเข้าออกบ้านของเธอได้ หากไม่มกี ญ ุ แจ เธอให้การต่อศาล ในบ้าน ของเธอไม่มีคนนอนขี้เซา หากมีผู้บุกรุก จะต้องมีคนได้ยินเสียง ค�ำยืนยันต่อศาลได้จากค�ำให้การของจอร์จ ไมเนอร์ น้องชายของ นายแพทย์กองทัพบก จอร์จบรรยายว่า การมีพี่ชายอาศัยอยู่ในบ้านใน นิว เฮเวน ไม่ต่างไปจากฝันสยอง ทุกเช้าพี่ชายจะกล่าวหาทุกผู้ทุกคนว่า แอบย่องเข้าไปในห้องนอนของเขากลางดึก พยายามท�ำมิดีมิร้าย คนชั่ว ร้ายพยายามจะยัดขนมปังแข็งท�ำจากโลหะแผ่นฉาบยาพิษเข้าไปในปากของ เขา พวกมันมีพวกพ้องซ่อนตัวอยูใ่ นห้องใต้หลังคา จะลงมายังห้องของเขา ในยามค�ำ่ คืน ท�ำการข่มขืนกระท�ำช�ำเราในทุกรูปแบบ แต่ละครัง้ ทีเ่ กิดขึน้ ถือเป็นการลงโทษต่อบาปผิดที่เขาถูกบังคับให้ทำ� ในสมัยที่อยูในกองทัพบก จะมีก็เพียงแต่การเดินทางไปยุโรปเท่านั้นที่จะสลัดปิศาจหลอนให้พ้นไปได้ เขาจะเดินทางท่องเที่ยว วาดภาพสีน�้ำ และใช้ชีวิตผ่อนคลายเยี่ยงสุภาพ บุรุษผู้เปี่ยมด้วยศิลปะวัฒนธรรม ผู้บุกรุกลงทัณฑ์ทุกค�่ำคืน อาจจะสลาย หายไปโดยสิ้นเชิง ศาลรับฟัง นิ่งงันเศร้าสร้อยในขณะที่นายแพทย์วิลเลียม ไมเนอร์ นั่งคอตกหดหู่อับอายในคอกพยาน ทนายจ�ำเลยที่ได้รับแต่งตั้ง แถลงต่อ ศาลขอความปรานี เห็นได้ชัดว่าลูกความของเขาเสียสติอย่างมิต้องสงสัย และพึงได้รับการปฏิบัติดูแลเยี่ยงนั้น ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะค้อมศีรษะรับ การพิจารณาคดีแสนสั้นหาก แต่ซึมเศร้า จ�ำเลยเป็นผู้มีการศึกษามีชาติตระกูล เป็นคนต่างชาติ และ เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร มิได้เหมือนคนโฉดหน้าเหี้ยมที่เคยพบเห็น ทุกเมื่อเชื่อวันในคอกจ�ำเลย แต่กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ศาลมีหน้าที่ ประสาทความยุตธิ รรมไม่วา่ จ�ำเลยจะมีลกั ษณะหรืออยูใ่ นสภาพใด แท้จริง 23
แล้ว ค�ำพิพากษาในคดีเช่นนี้เคยมีบรรทัดฐานตราไว้แล้ว เมือ่ สามสิบปีกอ่ น เคยมีคำ� พิพากษาศาลฎีกา คดีแม็กนอตัน ในปี 1843 จากชื่อของจ�ำเลยผู้ยิงเลขานุการของเซอร์รอเบิร์ต พีล ถึงแก่ชีวิต ศาลยกฟ้องจ�ำเลยเพราะจ�ำเลยลงมือกระท�ำ เสียสติจนถึงขั้นไม่รู้ผิดชอบ ชั่วดี กฎหมายอาญาที่มุ่งจะประสาทความยุติธรรมยิ่งไปกว่าการตัดสิน ลงโทษความผิ ด นี่ คื อ หั ว ใจของกฎหมายที่ จ ะน� ำ มาปรั บ ใช้ ใ นคดี นี้ หัวหน้าคณะผู้พิพากษาแจ้งให้คณะลูกขุนได้ทราบ หากลูกขุนเชื่อว่านาย แพทย์ไมเนอร์ไม่มี ‘สติสัมปชัญญะบริบูรณ์’ ในขณะที่เหนี่ยวไกยิงจอร์ เมอร์เร็ตต์ ก็สมควรที่จะลงความเห็นยกฟ้องปล่อยนายแพทย์ไมเนอร์ให้ พ้นข้อกล่าวหา ถือว่านายแพทย์ไมเนอร์เป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องเพราะไม่มี ‘เจตนา’ ในการกระท�ำความผิดอันเป็นองค์ประกอบส�ำคัญในคดีอาญา ส่วนการประสาทความยุติธรรม ป้องกันสังคมให้พ้นจากภัยคุกคามเป็น หน้าที่ของศาลจะพิจารณาตามควร คณะลูกขุนลงมติเป็นเอกฉันท์ โดยมิพักต้องประชุมลงมติ ในตอน บ่ายวันที่ 6 เมษายน 1872 ลงความเห็นว่าจ�ำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ตาม กฎหมาย...มิได้กระท�ำความผิดดังทีท่ กุ ผูท้ กุ คนได้ทราบ และแม้แต่ตวั จ�ำเลย เองก็รู้ตัว ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะเหลือเพียงหนทางเดียวในการตัดสินคดี ผลลัพธ์ที่พบได้เป็นครั้งคราวในยุคปัจจุบัน “จ�ำเลยจะถูกควบคุมตัวไว้ในที่ปลอดภัย ...จนกว่าจะมีพระราช เสาวนีย์โปรดเกล้าฯเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น” ค�ำพิพากษาที่จะส่งผลที่ไม่มี ผูใ้ ดคาดเดาได้ ผลกระทบสะท้อนไปในวงกว้างในโลกวรรณกรรมอังกฤษ... จนถึงยุคปัจจุบัน กระทรวงมหาดไทยรับค�ำพิพากษามาด�ำเนินการในรายละเอียด ความป่วยไข้ทางจิตของนายแพทย์ไมเนอร์รุนแรง น่าจะกินความถึงการ จองจ�ำไปชั่วชีวิต จ�ำเลยสมควรได้ชดใช้กรรมนั้นในเรือนจ�ำคนไข้โรคจิตที่ เพิ่งสร้างใหม่ อาคารใหม่อวดสายตาระบบทัณฑวิทยาของอังกฤษต่อชาว 24
โลก ตึกอิฐแดงหลังก�ำแพงสูงเสริมด้วยซี่โลหะ ตั้งบนเนินเขานอกหมู่บ้าน โครธอร์น ในราชมณฑลเบิร์กเชียร์ นายแพทย์วิลเลียม ไมเนอร์จะถูก ส่งตัวเดินทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะท�ำได้ จากเรือนจ�ำชั่วคราวในเซอร์เรย์ไป ยังเรือนจ�ำโรคจิตบรอดมัวร์ นายแพทย์วิลเลียม ไมเนอร์, ศัลยแพทย์ยศร้อยเอก กองทัพบก สหรัฐฯ ผูส้ บื เชือ้ สายจากตระกูลเก่าแก่ เป็นทีน่ บั หน้าถือตาในนิว อิงแลนด์ กลายเป็นผู้ต้องขังในบรอดมัวร์ เลขทะเบียนแฟ้มประวัติ 742 และจะ กักอยู่ในการดูแลไปชั่วกาลนานในฐานะ ‘นักโทษโรคจิต’
25