ความน�ำ จอห์น ดับเบิลยู. แคมป์เบลล์ จูเนียร์ บรรณาธิการ ประกาศใน วารสาร Astounding Science Fiction ฉบับเดือนธันวาคม 1949 ว่า จะตีพมิ พ์ ‘นิยายเรือ่ งใหม่ ทรงพลัง ชวนให้อศั จรรย์ใจ’ ของแอล. รอน ฮับบาร์ด เริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดมา ‘แบ่งเป็นสองภาค หยิบยก แก่นเรือ่ งอัตราเวลาเชิงอนุพนั ธ์ของยานอวกาศเดินทางใกล้ความเร็วแสงมา แต้มแต่งเป็นนิยายได้อย่างน่าชม’ การตอบสนองของผู้อ่านยืนยันค�ำยกย่องและการรับประกันของ แคมป์เบลล์ ในแต่ละเดือน จะมีการส�ำรวจประชามติโดยวัดจากโปสการ์ด และจดหมาย กล่าวถึงนิยายซึ่งตีพิมพ์ในเดือนที่ผ่านมา ในฉบับเดือน มิถุนายน 1950 แคมป์เบลล์ประกาศว่า “ท่องดวงดารา” ครองอันดับหนึ่งในฉบับเดือนมีนาคม พิจารณา จากเนื้อหาจดหมายแล้ว ควรค่าแก่ต�ำแหน่งนี้ เนื้อเรื่องคลี่คลายไปได้ หมดจด กระตุ้นความคิดให้เสพคุณค่าแท้จริงของเนื้อหา พล็อตเรื่อง “ท่องดวงดารา” ปลุกจดหมายเชิงเทคนิคให้ดังเซ็งแซ่ เห็นได้ว่า กระตุ้น ต่อมความคิดได้ดีแท้ นิยายเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ยั่วเย้าการอภิปรายเชิงเทคนิค หากแต่จุด แรงบันดาลใจให้ผู้อ่านเช่น วิลเลียม เอ็น. ออสติน ร้านหนังสือวูลฟ์เด็น ในซีแอตเติล มลรัฐวอชิงตัน หลังจากวิพากษ์นิยายเรื่องอื่นในเล่ม เขา 2
กล่าวต่อ บทส่งท้ายของ “ท่องดวงดารา” ของฮับบาร์ดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากมองผิวเผิน จะเห็นว่าภาคแรกคล้ายเป็นแต่เพียงบทน�ำ ขมวดทิง้ ท้าย ได้ทรงพลังยิ่ง ครั้นผ่านการพินิจตรึกตรอง เพียงครู่เดียว ก็เห็นได้ว่า ทั้งสองส่วนเกลื่อนกลืนกันได้เรียบลื่น ได้ผลงานล�้ำค่า ทั้งเนื้อเรื่องเรียง ร้อยล�ำดับ ฉายอารมณ์และลักษณะตัวละครออกมาได้เด่นชัด บวกรวม กับไอเดียชัน้ เลิศ แม้จะมีขนาดสัน้ ผมไม่ลงั เล ทีจ่ ะระบุยนื ยันว่าเป็นงาน วรรณกรรมชัน้ ดี เท่าเทียมกับนิยายวิทยาศาสตร์ชนั้ ยอด ควรค่าแก่การพิมพ์ เป็นปกแข็งเพื่ออนุชนรุ่นหลัง เป็นเช่นนั้นจริง “ท่องดวงดารา” ตกทอดมาให้ผู้อ่านรุ่นหลังได้รับ ทราบ ในระยะต่อมา มีการตีพิมพ์ในสหราชอาณาจักร เยอรมนี ญี่ปุ่น สวีเดน เดนมาร์ก ฝรั่งเศส และอิตาลี พิมพ์เป็นปกแข็งหลายคราว และในฉบับต่างประเทศ อยู่ในชื่อใหม่ว่า Return to Tomorrow แม้ชื่อจะเปลี่ยน แต่เนื้อหาก็ยังทิ้งผลกระทบใหญ่หลวงไว้ในแวดวงนิยาย วิทยาศาสตร์ ดังเช่นค�ำกล่าวของเจอร์รี พอร์เนลล์ นักเขียนนิยาย วิทยาศาสตร์ชั้นน�ำ “ท่องดวงดารา” ของ แอล. รอน ฮับบาร์ด เป็นหนึ่งในนิยาย วิทยาศาสตร์ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา ฮับบาร์ดเขียน “ท่องดวงดารา” ราวเดือนพฤษภาคม 1949 อาจ จะอยู่ในวอชิงตัน ดีซี. ในช่วงนั้น เขาเขียนนิยายอีกหลายเรื่อง รวม ทั้งตอนสุดท้ายของชุด Ole Doc Methuselah และ Beyond All Weapons แม้ Beyond All Weapons จะเป็นเรือ่ งทีน่ กั วิจารณ์วรรณกรรม ยกย่องว่าเป็นนิยายบุกเบิกของนิยายวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ น�ำเอาแนวคิด ทฤษฎีการยืดขยายของเวลาของไอน์สไตน์มาใช้เป็นคราวแรก แต่ “ท่อง ดวงดารา” ผลงานทีต่ ามมาในเดือนถัดมา ถือเป็นฉบับเต็ม บรรยายแก่น 3
ความคิดนั้นได้ครบถ้วน ‘บุกเบิกปลายขอบฟ้าใหม่ ทรงอิทธิพล และ เจาะลึกเชิงเทคนิค’ จากค�ำบรรยายในบรรณานุกรมเป็นทางการของ The Fiction of L. Ron Hubbard ทฤษฎีการยืดขยายของเวลาเป็นเรือ่ งทีฮ่ บั บาร์ดเคยคุน้ เมือ่ ครัง้ เข้า เรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ต้นทศวรรษ 1930 ในสาขานิวเคลียร์ฟิสิกส์ (ในยุคนั้นเรียกว่า สาขาปรากฏการณ์เชิง อะตอมและโมเลกุล) มีผหู้ นึง่ ซึง่ กล่าวอ้างว่าเป็นหนึง่ ในไม่กคี่ นของประเทศ ที่เข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ นั่งครองต�ำแหน่งศาสตราจารย์ คณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ฮับบาร์ดกล่าวถึงเรื่องนี้กลั้วเสียงหัวเราะ ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์ผู้นี้จะส�ำคัญตน ชูคุณค่าตัวเองขนาดหนัก ผมไปขอพบท่านเพื่อสัมภาษณ์ขอความเห็นของท่านมาท�ำรายงาน ผมอยากฟังจากปากของท่านในรายละเอียดเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพที่ นายไอน์สไตน์หว่านโปรยไปรอบข้างเรียกเสียงฮือฮา ผมไม่เคยพบการ หยามหมิน่ ค�ำเยาะเย้ยถากถางสาหัส ตะคอกกรอกหูเร็วจนฟังแทบไม่ทนั เช่นวันนั้น ฮับบาร์ดไม่ย่อท้อ ยังเขียนรายงานฉบับนั้นจนแล้วเสร็จ ผมกล้าพูดได้ว่า หนึ่งในสิบสองคนที่เข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพของ ไอน์สไตน์ อยู่ในภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ผม เขียนบทความน่าอ่านชิน้ นี้ บรรยายทฤษฎีของไอน์สไตน์จนครบถ้วน...เพือ่ ให้มนุษย์ชาวบ้านทุกผู้ทุกคนอ่านเข้าใจกระจ่าง ใช่ว่าศาสตราจารย์ท่านนั้นจะให้อภัยผม ท่านตื่นตะลึง ไม่กล้าพูด หยาบหยามผมนับจากวันนั้นเป็นต้นมา ใน “ท่องดวงดารา” ฮับบาร์ดบรรยายการยืดขยายของเวลาไว้ดังนี้
4
ห้วงอากาศล�้ำลึก มนุษย์เล็กจ้อย และเวลาเป็นศัตรูที่เฝ้าคุกคามไม่ หยุดหย่อน จากนั้น เขาก้าวล่วงไปถึงข้อสรุปปัญหาด้วยสมการบรรทัดเดียว เมื่อมวลเคลื่อนเข้าหาอนันต์ เวลาเคลื่อนเข้าหาศูนย์ สองนักคณิตศาสตร์, ลอเรนต์ซกับฟิตซ์เจอรัลด์ เป็นผู้ตั้งสมการนี้ ขึ้นมา และแอลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักปรัชญาเชิงทฤษฎี เป็นผู้น�ำไปปรับ ใช้ ทว่า แม้ลอเรนต์ซกับฟิตซ์เจอรัลด์ และไอน์สไตน์มอบระบบสุริยะ ให้มนุษยชาติ...ทั้งสามก็ปฏิเสธไม่ให้มนุษย์เดินทางท่องไปในหมู่ดวงดารา ในการขยายผลหนึ่งในทฤษฎีวิทยาศาสตร์ส�ำคัญของยุคสมัยของ เรา แอล. รอน ฮับบาร์ดท�ำเหมือนคราวแรกที่เข้ามาในสังเวียนนิยาย วิทยาศาสตร์ในปี 1938 เขาแต้มหน้าตามนุษย์เข้าไปในทฤษฎี ผู้คน พานพบปัญหา มนุษย์ดิ้นรนกระเสือกกระสน ต้องตัดใจเลือกหนทางเดิน บาดหัวใจ ความเข้มข้นทรงพลังของ “ท่องดวงดารา” มิใช่เพียงแก่นเรือ่ งแปลก ใหม่ไม่เหมือนใคร หากยังเด่นด้านตัวละคร...นักเดินทาง ‘ท่องกาลเวลา ยาวนาน’ พลิกหน้ากระดาษไปพบและรู้จักแต่ละคนได้แล้ว แรกสุด จะ เป็นอลัน คอร์เดย์ ขุนนางระดับทีส่ บิ วิศวกร-ช่างส�ำรวจ ชีวติ หนุม่ ฉกรรจ์ เขลาไร้เดียงสา จะเปลี่ยนไปไม่มีวันหวนคืน และคนที่สอง จอมโหด โดดเด่ น ตั ว เอกในนิ ย ายวิ ท ยาศาสตร์ แ ทบทุ ก เรื่ อ ง, กั ป ตั น โจซี ลิ น ผูบ้ งั คับการยาน ฮาวน์ด ออฟ เฮฟเวน...เตรียมรัดเข็มขัด กลัน้ หายใจรอ การทะยานขึ้น เดินทาง ‘ท่องกาลเวลายาวนาน’ ร่วมกับลูกเรือเดนตาย
5
บทน�ำ
ห้วงอากาศล�้ำลึก มนุษย์เล็กจ้อย และเวลาเป็นศัตรูที่เฝ้าคุกคามไม่ หยุดหย่อน นานแสนนานในยุคโบราณกาลเวลาลืมเลือนไปสิ้น มนุษย์ค้นพบ ก�ำแพงกักกั้น แม้จะเป็นห้วงสมัยก่อนการเดินทางออกสู่อวกาศ ก็ทราบ ว่าก�ำแพงกั้นอยู่ที่นั่น สมการบรรทัดเดียว หากไร้สมการข้อนี้...สมการ พืน้ ฐานเรือ่ งมวลและเวลา มนุษย์ไม่อาจก้าวรุดหน้า แต่มนุษย์รดุ หน้า ใช้ เครื่องปฏิกรณ์ฟิชชั่น น�ำเอาพลังงานจากการแตกตัวของอะตอมมาเป็น พลังขับดัน วิศวกรผงาดเด่น ความหวังวาดไว้ยิ่งใหญ่ แต่การสลัดแอกเป็นไท กลายเป็นคุกจองจ�ำได้เท่าเทียมกัน เมื่อมวลเคลื่อนเข้าหาอนันต์ เวลาเคลื่อนเข้าหาศูนย์ สองนักคณิตศาสตร์, ลอเรนต์ซกับฟิตซ์เจอรัลด์ เป็นผู้ตั้งสมการนี้ ขึน้ มา และแอลเบิรต์ ไอน์สไตน์ นักปรัชญาเชิงทฤษฎี เป็นผูน้ ำ� ไปปรับใช้ แม้ลอเรนต์ซกับฟิตซ์เจอรัลด์ และไอน์สไตน์มอบระบบสุรยิ ะให้มนุษยชาติ... ทั้งสามก็ปฏิเสธไม่ให้มนุษย์เดินทางท่องไปหมู่ดวงดารา กระนั้น แม้สมการนี้จะตั้งขึ้นมายากเย็นโดยผู้ยิ่งใหญ่ ได้รับการ 6
ยืนยันแรกสุดโดยนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ และซ�ำ้ อีกครั้งด้วยการน�ำมาใช้งาน จริง ยังมีกลุ่มผู้ค้อมรับแต่ทว่าหาญท้าทายกฎข้อนี้ ยานกลุ่มหนึ่งกับ ลูกเรือเปิดเส้นทางนี้ให้ด�ำรงอยู่ผ่านกาลเวลาหลายยุคสมัย คนนอกคอก คนที่โลกลืม เดินทางท่องอวกาศระหว่างดวงดาว ต้องค�ำสาปและการ ผินหลังให้จากมนุษย์ด้วยกัน คนกลุ่มนี้ขีดเส้นทางการเดินเรือ เดินทาง ไปห้วงอวกาศเวิ้งว้างกว้างไกล เป็นไทแก่ตัว...และเป็นนักโทษจองจ�ำด้วย ตรวนเวลา อาสาสมัคร แม้จะทราบชะตากรรมของตน เข้ามาสังกัดกลุ่มนัก เดินทาง...แต่ทว่า รู้ซึ้งถึงชะตากรรมของตนถ่องแท้แล้วหรือ? ในสังคมคนกลุ่มนี้ ยังมีคนนอกคอก ถูกกีดกันให้พ้นสังคมด้วยนิสัย ประหลาดหรือสถานการณ์บังคับ และยังมีนักผจญภัยเผชิญโชคผู้ไม่แยแส ใส่ใจสมการข้อนี้ ดังนั้น ดวงดาวไกลแสนไกลได้รับการเยี่ยมเยือนและ ส�ำรวจบางส่วน ไม่ใส่ใจแยแสชะตากรรมของนักเดินทาง พวกเขาเรียกว่า การเดินทาง ‘ท่องกาลเวลายาวนาน’ ระยะ เวลาแสนสั้นส�ำหรับยานอวกาศและลูกเรือ หากแต่ยาวนานส�ำหรับโลก ผู้เดินทางเคลื่อนใกล้ความเร็วแสง เวลาเคลื่อนเข้าใกล้ศูนย์ อัตราเร็ว ต่างกัน ส่งผลแปรเปลี่ยนต่อชีวิตมนุษย์ เพราะผู้เดินทางท่องกาลเวลา ยาวนานใช้เวลานอกโลกไม่กสี่ ปั ดาห์...ระบบสุรยิ ะสัง่ สมเวลายาวนานหลาย สิบปีในช่วงที่นักเดินทางหายหน้าจากไป คุณค่าเชิงเศรษฐกิจส�ำหรับการเดินทางท่องกาลเวลายาวนาน มีนอ้ ย นิด การเดินทางหกสัปดาห์สแู่ อลฟา เซนทอรี พาลูกเรือกลับมาสูโ่ ลกใน อีกเก้าปีถดั มา แทบไม่มสี นิ ค้าล�ำ้ ค่าติดมือกลับมาด้วย ไม่เหมือนดาวฤกษ์ อืน่ ไกลโพ้น การพาณิชย์ระหว่างดวงดาวมิใช่การลงทุนค้าขายทีเ่ ป็นตัวเงิน ...เป็นแต่เพียง ‘ก�ำไร’ ของลูกเรือ ยานระหว่างดวงดาวติดตัง้ เครือ่ งยนต์ขบั เคลือ่ นเพือ่ เดินทางในอวกาศ รอบนอก ในบางคราว หากได้ข่าวเจ้าหน้าที่ทางการกางตาข่ายรอคร่าตัว 7
ยานดวงดาวพอจะติดเครื่องหลีกหนีแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ออกสู่ ดวงดาว หรือไม่ อาชญากรอาจขโมยยานเพื่อหนีหน้าซ่อนตัวนานหลาย ปีระหว่างดวงดาว...ไม่ว่าจะมีเหตุใดจูงใจใด ผลที่เกิดขึ้นก็ไม่แตกต่างกัน ผู้ใดที่หายไปจากเวลาโลกนานนับศตวรรษ ยากจะย้อนคืนกลับมา เขาจะทราบความเป็นไปในโลกน้อยต่อน้อย ผู้คนที่เคยรู้จักล้มตายตาม อายุขยั ไปสิน้ ไม่เหลือบ้านเหย้าเรือนพัก ไม่มที วี่ า่ งใดให้สอดคืนกลับ หาก จะเริม่ ต้นด้วยการผจญภัยเผชิญโชค ในท้ายทีส่ ดุ ก็จบลงสถานเดียว...ต้อง เดินทางย้อนกลับไปท่องกาลเวลายาวนานอีกรอบ ทิ้งเวลาโลกสั่งสมไว้อีก หลายสิบปีเบือ้ งหลัง ในขณะทีล่ กู เรือยังอยูใ่ นช่วงวัยหนุม่ สาวเกือบเท่าเดิม สัมพันธ์ฉันเพื่อนพ้อง หาได้แต่ในยานอวกาศหนึ่งเดียวนั้น ความหวังเดียวที่เหลือ คือรอคอยเวลา รอคอยใครสักคนค้นหา สมการใหม่มาท�ำลายก�ำแพงกางกั้น เมื่อมวลเคลื่อนเข้าหาความเร็วแสง เวลาเคลื่อนเข้าหาศูนย์ ผู้ถูกผลักไสให้พ้นจากสังคมโลก คนนอกคอก ยังหลงเหลือชีวิต ยืนยาวอยู่ในยาน...ไม่เคยสิ้นหวัง
8
บทที่ 1
อลัน คอร์เดย์ ชะงักค้างกลางก้าวย่าง ตาพร่าไปชั่วขณะจากแสง เจิดจ้าของยานทะยานขึน้ จากโลกมุง่ หน้าสูด่ าวอังคาร โครงเหล็กฐานปล่อย ร้อนแดงตัดกับท้องฟ้าสีหมึก แสงเรื่อหม่นมัวลงทีละน้อยเมื่อเย็นตัว คอร์เดย์ไม่อยากจะตาบอดกับแสงเจิดจ้าที่เห็น ทนท�ำใจไม่ได้แม้แต่วินาที เดียว เขาถูมือเหนื่อยล้ากับเสื้อคลุมเครื่องแบบ ลูบกระเป๋าตรวจดูว่า เอกสารและกระเป๋าเงินยังอยู่ครบถ้วน ทางทิศเหนือ มหานครนิวชิคาโก เมืองกว้างใหญ่แผ่เสียงครวญคราง อือ้ อึง ใต้พนื้ มหานครห้าระดับ ซ่อนคนอดอยากหิวโหย ซ่อนคนป่วยเจ็บ ซ่อนคนพิการไร้ผดู้ แู ล อารยธรรมก่อตัวจากบึงพรุ เสาแท่งหินสูงตระหง่าน สุดสง่า น�ำ้ พุในสวนสวยเปล่งสีสนั หลากหลายแปรเปลีย่ น ร้านรวงกะพริบ แสงวิบวับเชื้อเชิญผู้สูงศักดิ์และผู้มั่งคั่ง ซ่อนกลบเสียงครวญครางของ ขอทาน เสียงกรีดร้องโหยหวน...เสียงกระซิกร�่ำไห้สิ้นหวัง แม้จะแผ่วเบา แต่ก็ครางค�ำรามต่อเนื่อง จนสักวันจะทลายหอคอยตระการตาให้ราบ กองเกลื่อนกับพื้น ในสายตาของวิศวกร-ช่างส�ำรวจ ขุนนางชั้นที่สิบ นิวชิคาโกเป็นแต่ เพียงหลุมศพที่เขาจะกลบฝังเวลานานปีในการศึกษาหาความรู้ ฝึกงาน 9
ภาคสนาม และเงินติดตัวที่มีอยู่น้อยนิด ท้ายที่สุด เขาเดินออกจากที่นั่น ออกมาสูโ่ ลกกว้างด้วยสภาพจนกรอบเหมือนตอนเดินเข้าไป ส�ำหรับวิศวกร ขุนนางชั้นที่สิบ ผู้คนรอบข้างสุภาพย�ำเกรงเนื่องเพราะวุฒิการศึกษาและ สายเลือดขุนนาง...แต่กระถดหลีกห่าง เพราะคนทีเ่ สาะหางานท�ำ จะต้อง จนยิ่งกว่าจน เขาได้ยินข่าวบอกต่อว่า ดยุคคนใหม่แห่งดาวอังคาร ต้องการช่าง ก่อสร้างสาธารณูปโภค เขาแน่ใจได้ว่าวิศวกรชั้นที่สิบ ถือได้ว่าโดดเด่น เป็นเอกในดินแดนใหม่ แต่ทว่า การเดินทางไปถึงดาวอังคารต้องใช้เงิน ก้อนโต จะมีเงินก็ต้องมีงานมั่นคง อลัน คอร์เดย์ต้องประหยัดเงินที่มีอยู่ ในอีกห้าปี บิดาของเธอลั่นวาจาไว้ว่าจะอนุญาตให้เขาแต่งงานกับ เธอ หากเขามีฐานะเป็นปึกแผ่น มีกิจการเป็นของตนเอง ชิก้าร�่ำไห้ เขา พยายามปลอบใจเธอ “เขาเล่ากันว่ามีงานรออยู่ที่ดาวอังคาร ดยุคคนใหม่อ้าแขนรับ อย่า ร้องไห้ไปเลย แค่ไม่นานเอง ผมจะไปท�ำงานที่นั่นสองปี สองปีไม่นานก็ ล่วงผ่านไปแล้ว อย่าร้องไห้, ที่รัก ได้โปรด อย่าร้อง” แต่สองปีนานเกินไป ห้าปีแทบไม่ตอ้ งคิด ขอเพียงบิดาของเขาไม่ดว่ น สิน้ ใจไปในภาวะล้มละลาย...แต่กไ็ ม่ใช่ความผิดของท่านเซอร์ ความผิดของ เขาเองที่เสียเวลาเรียนเพลิน เลือกลงวิชาพิเศษเพิ่มเติม “สองปี...ผมจะกลับมา ผมให้สัตย์สาบาน เงยหน้ามองผมให้เต็มตา ผมเคยผิดค�ำพูดต่อคุณบ้างไหม? อย่างนี้ค่อยดีหน่อย เรายังมีหวัง...” เขาวาดภาพงดงามให้เธอใจชืน้ บ้านหลังใหม่ทจี่ ะสร้างด้วยกัน ธุรกิจ ใหม่ที่เขาจะหอบเงินมาซื้อ ขยายกิจการเป็นปึกแผ่นมั่นคง เขาลาจาก รอยยิ้มเชื่อมั่นอิ่มใจของเธอ แต่เขาไม่เชื่อมั่นในตัวเองนัก ดาวอังคารเป็น ดินแดนไร้ความแน่นอน แม้คา่ จ้างจะสูงกว่าบนโลก การออกเดินทางของ เขาเริ่มไม่มีความแน่นอน เขาสอบถามยานอวกาศสี่ล�ำในค�่ำคืนนี้ ไม่มี ยานใดยินดีขนส่ง...หากไม่มีเงินสดเป็นค่าโดยสาร 10
“เอ็งพิลกึ ว่ะ, หนุม่ ” กัปตันยานคนท้ายสุดกล่าว “...ขุนนางมาเสนอ หน้าขอโดยสารฟรีได้อย่างไรกัน? ฉันนึกว่าพวกวิศวกรร�ำ่ รวยอูฟ้ กู่ นั ทัง้ นัน้ ” จะมีประโยชน์อะไรที่จะอธิบายขยายความให้นักท่องอวกาศโชกโชน ทราบถึงการล้มละลายของบิดา แม้ขุนนางชั้นที่สิบก็ถังแตกได้ แต่จะยัง เหลือเกียรติศักดิ์สมฐานะหากไม่ขอทาน “ท�ำไมเอ็งไม่ขายม้าแข่งโปโลสักตัว ซื้อตั๋วชั้นเคบินนอนสุขสบาย พอควร?” กัปตันเฒ่าเยาะซ�้ำ “...บ้านนี้เมืองนี้เป็นอะไรไปแล้ว ชั้นที่สิบ มาขอโดยสารฟรีแลกกับการคุกเข่าขัดพื้น การผจญภัยไม่ได้สวยหรูอย่าง ที่วาดไว้ ไม่ใช่เรื่องฝันหวานเล่นสนุกยามว่าง กลับบ้านเหอะ, ไอ้หนู ไป นอนอ่านหนังสือ” อลัน คอร์เดย์รสู้ กึ ถึงความล�้ำลึกของเงามืดแผ่มาคลุมร่างเมือ่ แสงเรือ่ แดงของจรวดขับดันเหือดหายไปแล้ว ไม่ปลอดภัยนักที่จะมาท่องราตรีอยู่ ในทุ่งราบ เขาถูสันหมัดอารมณ์พล่าน เขาไม่รังเกียจหากจะมีการต่อสู้ ชกต่อย แต่เขามีงานต้องท�ำ เสียงเยาะเย้ยถากถางในค�่ำคืนนี้ท�ำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นไอ้หน้าโง่ ขุนนางชั้นที่สิบที่ไม่มีเงินสองพันเป็นค่าโดยสาร เป็นภาพบาดตา เขาได้ แต่คิดว่าน่าจะสวมกางเกงเก่าขาดปุปะ ฝึกฝนการโกหกจนช�่ำชอง แต่ สุภาพบุรุษไม่โกหก จะกระเป๋าแห้งหรือไม่ เขาก็ยังคงเป็นสุภาพบุรุษ แสงไฟกะพริบแวบวับจากซอยสกปรกกองสุมด้วยขยะ เขาเดินมา ใกล้โรงเหล้าซอมซ่อ หลุดออกนอกดินแดนของนายทหาร เขาไม่มปี นื ติดตัว และเสื้อคลุมไหมสีขาวเป็นเป้าโดดเด่นให้ฝ่าเท้าลอยมากระทบ เขาเดิน มุ่งหน้าตรงไปหาแสงนั้น แมวด�ำสะดุ้งตื่นขู่ฟ่อ กระโจนตัวลอย วิ่งตัดหน้าหายไปในความมืด อลันหัวเราะเสียงสั่น เสียงแผดตวาดไม่คาดฝันท�ำให้มือเขาสั่น...ประสาท เสียเพราะแมวจรจัด! 11
จากนัน้ เขาได้ยนิ ท�ำนองเพลง เสียงโน้ตอ้อยอิง่ วังเวง หลอกหลอน สะพรึงกลัว ดังแว่วมาจากเปียโนโบราณ...เสียงเนิบช้า สามัญหากแต่ ซับซ้อน ในทุ่งราบดินแดนคนเหี้ยม อะไรก็เกิดได้ทั้งนั้น หากจะเชื่อตาม ค�ำรายงานผ่านสื่อมวลชน แต่คงไม่มีใครคาดว่าจะได้ยินเสียงเพลงเสนาะ โสต อลันพอจะมีความรูเ้ รือ่ งดนตรีอยูบ่ า้ ง แต่เขาไม่เคยได้ยนิ ท�ำนองเพลง เช่นนี้มาก่อน เสียงลอยอ้อยอิ่งกลางอากาศเหมือนแม่เหล็ก ก่อนจะทัน รู้ตัว เท้าของเขาก้าวเดินไปหยุดหน้าอาคารกระจกซอมซ่อ เขม้นจ้องอยู่ หน้าบานประตู โรงเหล้าแดนเถื่อน ขี้เมานอนกลิ้งอยู่กลางทางเดิน คราบเลือดแห้ง กรังบนศีรษะ เสียงกรนสนั่นหวีดหวิวออกจากซอกฟัน ท�ำนองดนตรีลอย ข้ามร่าง เสียงเพลงวังเวงชวนให้หนาวเยือก อลันเดินเข้าไปในวงแสงสีเหลือง ดันประตูเข้าไปภายใน จากความ สงัดสงบนิง่ เขาคาดว่าสถานทีน่ นั้ น่าจะว่างเปล่า มีเพียงนักเปียโนคนเดียว กลางดึก แต่ในแสงเรือ่ สีฟา้ สดใสห้อยแขวนระหว่างพืน้ ห้องกับเพดาน บุรษุ กลุ่มใหญ่นั่งเบียดเสียดนิ่งงัน แก้วเครื่องดื่มถือค้างในมือ เพลงสรรเสริญ อลันคิดในใจ ดื่มด�่ำล�้ำลึกถึงระดับนั้นแม้จะเล่นให้ กลุ่มคนหน้าเหี้ยม และแล้ว เขาก็มองเห็นว่า คนโฉดกลุ่มนี้ไม่ได้ฟังเพลง ทุกคนรอคอย...หวาดกลัว อีกฟากหนึง่ ของห้องสกปรก ผูเ้ ล่นนัง่ หลุบตาทุม่ ความสนใจให้ปลาย นิ้วพรมพลิ้วบนแป้น ไม่สนใจผู้ฟัง เปียโนแตกบิ่น มีรอยปืนไหม้พาด เป็นทาง ผู้เล่นเครื่องสายสามนายหดหู่ซึมเศร้าเท่าเทียมกัน นั่งรวมใน กลุ่มคน...รอคอยและหวาดหวั่น หนุ่มผู้นั้นยังคงเล่นเพลงต่อไป หนุ่มหน้าตาประหลาด ในแสงเรื่อฟ้า ใบหน้าคมคายเกินไป ขาว ซีดเกินไป และหล่อเหลาเกินไป คุณลักษณ์โดดเด่นผสานกันในใบหน้า สีหน้าอิม่ เอิบอัศจรรย์ใจโผล่ผดุ ขึน้ มาชัดทีส่ ดุ หมวกและถุงมือนักบินอวกาศ 12
วางอยู่บนเปียโน เสื้อเชิ้ตและกางเกง ชุดสีขาวโพลนมักจะกลบซ่อนอายุ แท้จริง แต่ไม่ใช่ส�ำหรับชายผู้นี้ คาดรอบเอวเป็นเข็มขัดทองค�ำสุกปลั่ง ซองปืนบรรจุอาวุธคู่กายที่อลันไม่เคยเห็นจากทีไ่ หนมาก่อน ห้องเงียบสงัด กลั้นลมหายใจนิ่ง รอคอย มือดีดโน้ตตัวท้ายสุด ลอยค้างกลางอากาศ สดับเสียงผะแผ่วเลือน หายไปในกังวานเส้นลวดโลหะ จากนั้น ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน อลันเพิ่งจะ สังเกตว่าไม่ใช่คนหนุ่ม เค้าหน้าเคลิ้มฝันเลอะเลือนจางหายไป ประกาย อืน่ แผ่ซา่ นเข้ามาแทนที่ ชายผูน้ นั้ อายุนา่ จะอยูใ่ นช่วงวัยห้าสิบ ประกายตา แข็งกร้าว ริมฝีปากบางหยักหยัน ใบหน้าเรียวเหี้ยมเกรียม แต่ก็ยังพอ กล่าวได้เต็มปากว่าคมสันหล่อเหลา...สวยแกร่งเหมือนเพชร เจ้าของร้านค้อมตัวเข้าใกล้ “ท่านผู้สูงศักดิ์...ขอให้เราให้บริการ... คนพวกนี้” สายตาไร้ความรูส้ กึ เครียดกร้าวกวาดผ่านใบหน้า ชายผูน้ นั้ เดินลงจาก เวทีเปียโน เขาทราบว่าเขาท�ำอะไรไปแล้วกับกลุ่มบุรุษในห้อง ท�ำอะไรลง ไปแล้วด้วยท�ำนองเพลง รอยยิม้ ของเขาบ่งบอกเช่นนัน้ หากเรียกการหยัก ริมฝีปากว่ารอยยิ้ม “บั๊กโค!” เขาเอ่ย ชายผมสีดอกเลาร่างสูงใหญ่กระโดดลุกขึ้นยืน “...รินให้เต็มแก้ว ใช่แล้ว, ขอให้พวกเขาดื่มให้กับยาน ฮาวน์ด ออฟ เฮฟเวน” ชายร่างยักษ์หันไปสั่งการ ร้านสะเทือนเลื่อนลั่น แต่คนที่ได้ยินรู้ แน่แก่ใจว่าเขาเปล่งเสียงเบาแล้ว “...รินเติมเต็มแก้ว ดื่มกินให้เต็มคราบ ดื่มเพื่อกัปตันโจซีลินและยาน ฮาวน์ด ออฟ เฮฟเวน...อา, เจ้าอย่าหวัง” บัก๊ โคคว้าคอเสือ้ ของชายทีป่ ราดไปหาประตู ลูกเรือผูน้ นั้ โดนก�ำปัน้ เข้าเต็ม ปาก ร่างทรุดฮวบกองบนเก้าอี้ ชายร่างยักษ์ยื่นหน้าแผดเสียงข้างหู “รินเต็มแก้ว ดื่มให้หมดเลย” หญิงเสียงแหบห้าวตะโกนลั่น “ใครกัน?” ผู้เล่นเปียโนหันมาหา แสดงความสนใจต่ออลัน 13
“รินเหล้าอีกสองรอบ!” บัก๊ โคแผดเสียงลัน่ “...จากนัน้ เราจะได้กาง สมุดเปิดอ้าให้พวกแกเซ็นชื่อลงทะเบียน ผิดหรือถูก จูปิเตอร์เป็นพยาน... แกต้องเซ็นชื่อ” ลูกเรืออีกคนถลันหลบ หญิงเสียงห้าวยื่นเท้าไปขัดขาก่อนจะหนีไป ถึงประตู “นั่งลง” นักเปียโนกล่าวต่ออลัน ทิ้งตัวลงนั่งตามสบายข้างประตู ทางออก “ฉันคือโจซีลิน” “อลัน คอร์เดย์” เขาแนะน�ำตัว ยื่นมือออกไป แต่กัปตันโจซีลิน ไม่สนใจจะสัมผัสมือด้วย “ดูจากชุดเครื่องแบบ วิศวกร ชั้นที่สิบ” โจซีลินกล่าว “...ดื่มสัก แก้ว?” “อา...ไม่ละครับ...ขอบคุณ” เขาข่มความแค้นเคืองให้สงบ กัปตัน ยานอวกาศปฏิเสธที่จะสัมผัสมือกับวิศวกร ขุนนางชั้นที่สิบ! หยามหยัน เปิดเผยและท�ำให้สับสนไม่แน่ใจ “ยานจะไปที่ดาวอังคารหรือเปล่า?” อลันถาม โจซีลินรินเหล้าสองเป๊กลงในแก้ว ไสข้ามโต๊ะมาให้ “ดื่มเสีย” อลันอ้าปากจะปฏิเสธ แต่มอี ะไรสักอย่างในตัวของโจซีลนิ ทีแ่ ผ่ออกมา ท�ำให้ความตั้งใจของเขาคลอนแคลน วุ่นวายใจ เขายกเหล้าดื่ม “เรียนจบอะไร?” โจซีลินถาม “วิศวกร-ช่างส�ำรวจ” อลันตอบ มือล้วงหยิบเอกสาร โจซีลินโบกมือสั่งห้ามไม่ประสงค์จะเหลือบแลเอกสาร “เคยเดิน ทางออกสู่อวกาศหรือเปล่า?” “ไม่ครับ แต่ผมคิดว่าคง...” “อายุเท่าไหร่?” “ยี่สิบหก” “ทารกไร้เดียงสา” โจซีลินตอบ “...แล้วก็โง่หาที่เปรียบมิได้ แกมา 14
ท�ำอะไรในหล่มขยะนี่ ดึกดื่นอย่างนี้? มาฆ่าใครสักคน?” “ท่านครับ ผม...” “นั่งลง” โจซีลินออกค�ำสั่ง “...ตอบค�ำถาม!” “เรื่องส่วนตัว” “อา, เรื่องผู้หญิง แอบลอบ...” “เก็บลิน้ สกปรก” อลันตวาดห้าม “พ่อของผมล้มละลาย ผมเดินทาง ไปยังดาวอังคารเพื่อไปท�ำงานให้ดยุค หากท�ำได้ เพียงเท่านี้มีเกียรติ พอแล้วไม่ใช่หรือ?” “หลังจากที่ท�ำงานสองปีแล้ว?” โจซีลินถามต่อ “ผมจะกลับมายังโลก ท�ำธุรกิจส่วนตัว และแต่งงาน...” เขาชะงัก ค้าง เขาไม่ประสงค์จะดึงเธอเข้ามาในเรือ่ งนี้ และแล้ว ในช่วงอับอาย เขา สังเกตเห็นความตายในสายตาของโจซีลิน มือเอื้อมตบโดยไม่มีเสียงเตือน ร่างของอลันล้มคว�่ำลงบนพื้นโรย ขี้เลื่อย เขาลุกจากเก้าอี้ล้มคว�่ำ มือสองข้างยื่นไปหมายคว้าล�ำคอของ โจซีลนิ ชายสองคนยึดแขนสองข้าง มีดปลายแหลมเสียบเข้ามาในเนือ้ ชาย โครงหนึ่งในสี่นิ้วแล้ว “ปล่อยมันไป” กัปตันโจซีลินสั่ง “...ไอ้หนุ่มหน้าโง่ ดื่มให้หมดแก้ว ไสหัวกลับบ้านได้แล้ว” มือของกัปตันสั่นระริกในตอนที่รินเหล้าลงแก้ว เหล้ากระฉอกแต้มวงด�ำบนโต๊ะวงแหวน แต่ลูกเรือไม่ปล่อยอลันง่ายนัก มือยังกุมไว้แน่น วินาทีนั้น เขารู้สึก ถึงการเสียกิรยิ าในการสะบัดดิน้ รน เขายืนนิง่ แผ่นหลังเหยียดตรง ชายร่าง ยักษ์เดินตรงไปยืนข้างกัปตัน “เฮลโล้...” เสียงแผดตะเบ็ง “...ชั้นที่สิบ ยศแผงคอเสื้อประกาศ ชัดเชียวนิ สุดยอด สมาชิกใหม่สุดแสนเข้าท่า มันเรียนจบอะไรมาหือ, กัปตัน?” “วิศวกร-ช่างส�ำรวจ” กัปตันโจซีลินตอบด้วยเสียงเย็นเยือก “...มัน 15
ไม่ไปด้วย” “เหลือเชื่อ จะมีพระผู้เป็นเจ้าองค์ไหนประทานเหตุผลให้ได้ไหมว่า ท�ำไมไม่ไป?” ไอ้ยักษ์พล่ามต่อ “...หลิ่วตามองข้างเดียวก็รู้ว่าน่าจะสอน ให้แยกบั้นท้ายแผนที่ดาวทรงกลมออกจากส่วนหน้าได้ไม่ยาก หุ่นก็งาม เอ็งจะต้องชอบยาน ‘ละครสัตว์หมัด’ ของเราแน่ๆ, ไอ้หนุ่ม” “ฉันบอกว่ามันไม่ไปด้วย” โจซีลินตวาด “บ๊ะ, กัปตัน กัปตันกับข้าฯ เฝ้ายามสองยามสามยาม ในระหว่าง ที่ไอ้หัวขี้เลื่อยพวกนี้นอนหลับอุตุสำ� ราญใจ...มีรองต้นหนมายืนอยู่ต่อหน้า แล้ว...” “ผมจะเซ็นสัญญาถ้าเดินทางไปดาวอังคาร” อลันบอก โจซีลินเขม้นจ้องด้วยสายตาหยามหมิ่นเข้มข้น “ดาวอังคาร, ได้เลย ไอ้หนุม่ ไอ้ขยี้ าปล่อยมือสกปรกออกจากหนุม่ หน้าสวยคนนี้ เอาเอกสารมาให้เขา” โจซีลินลุกขึ้นยืน คว้าแก้วกระดกเหล้าลงคอ มือเอื้อมไปด้านหลัง ประหนึ่งว่ามีตาติดอยู่ทิศนั้น คว้าแขนหญิงที่ยื่นขาไปขัดลูกเรือให้ล้มคว�ำ่ เขาดึงเธอมาชิดตัว ลืมอลันไปโดยสิ้นเชิง เธอไม่มีทีท่าขัดขืน แต่สายตา ยังเหลือบมองหนุ่มน้อย ตาเยิ้มเคลิ้มฝันคล้ายคลุมด้วยผ้าป่านบาง “เซ็นชือ่ รับลูกเรืออีกสิบห้านาย” โจซีลนิ สัง่ “...ทีเ่ หลือปล่อยไปก่อน เราออกเดินทางเที่ยงคืน เข้าใจ?” “ชีวิตวางเป็นเดิมพัน” ไอ้ยักษ์ตอบ โจซีลนิ ดึงแขนหญิงผูน้ นั้ ออกประตู เรียกแท็กซี่ “...ร้านอาภรณ์หรู” อลันได้ยินเสียงสั่ง และแล้ว เขาก้มลงมองสมุดบันทึก มองเห็นชือ่ ตัวเอง “...ยาน ฮาวน์ด ออฟ เฮฟเวน มุ่งหน้าสู่แอลฟา เซนทอรี, บีเทลจูส และเมืองท่าอื่น” ใบหน้าของเขาเผือดขาว กระโดดถอยหลังก้าวใหญ่ แต่ไอ้ขี้ยากับเพื่อน กุมแขนไว้แน่น 16
บอก
“ท�ำใจดีๆ เข้าไว้ สักวันเอ็งจะได้เดินทางไปยังดาวอังคาร” ไอ้ยักษ์
“กักตัวฉันไว้ไม่ได้” อลันตะโกน “...ท�ำอย่างนั้นไม่ได้ พวกแก เดินทางท่องกาลเวลายาวนาน!” ไอ้ยักษ์ยิ้มกริ่ม “ข้าฯ ชื่อบั๊กโค เฮล แกคงไม่มาที่นี่ถ้าแกไม่จน ตรอก แล้วท�ำไมต้องกระบิดกระบวนไปกับการเดินทางท่องกาลเวลา ยาวนาน? ใครจะไปรู้? อีกสิบหรือสิบห้าปี เราอาจได้ย้อนกลับมาที่นี่... นั่นเป็นเวลาโลก แกก็ไม่ได้แก่ไปกว่าเดิม ท�ำใจให้...” “ปล่อยฉันไป” อลันกรีดร้อง ปลายมีดเสียบเข้าเนือ้ ครึง่ นิว้ พยายาม กดร่างเขาให้ติดผนังห้อง “ปล่อยฉันไป!” อลันตาเหลือกลาน หวาด กลัวแทบขาดใจแล้ว มีมีดหรือไม่ก็ตาม เขารู้จักสมการสัมพัทธภาพของ ลอเรนต์ซ-ไอน์สไตน์ เขาทราบผลที่เกิดขึ้นเมื่อยานแล่นด้วยความเร็ว 99 เปอร์เซ็นต์ของความเร็วแสง และหญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย... บั๊กโคยื่นมือไปหา สับสันมือเข้าต้นคอ ไอ้ขี้ยาถอดเข็มขัดรัดแขน ทั้งสองข้างของอลันติดล�ำตัว “ไม่จ�ำเป็นต้องโวยวายส่งเสียงเรียกสายตรวจ” บั๊กโคกล่าว “...อีก สิบห้าคนทีเ่ หลือเดินเท้าก้าวเข้ามาลงชือ่ เสียแต่โดยดี เราจะสนุกสุดเหวีย่ ง กินดื่มเต็มขนาด เหล้าหญิงไม่อั้น เงินทองเต็มกระเป๋า ไอ้เพื่อนยาก เรา จะได้ทอดสายตามองประวัติศาสตร์ยาวนาน...”
- แอลฟา เซนทอรี ดาวฤกษ์ดวงที่ใกล้ที่สุด ห่างจากดวงอาทิตย์ 4.3 ปีแสง ความสุกสว่าง 4.3 บางคราวเรียกว่า ดาวไรเจล เค็นทอรัส - แสงเดินทางด้วยอัตราเร็ว 186,000 ไมล์ต่อวินาที 17
บทที่ 2
เขาเคยรู้จักหลายสิ่งหลายอย่าง แต่สภาพที่เป็นอยู่คล้ายละเมอฝัน ความรูป้ ระสานกลืนไปกับความกลัวจนกระทัง่ ห้วงความคิดปัน่ ป่วนเหมือน ตกอยู่ในพายุฝันสยอง เข็มขัดรัดร่างติดกับเตียงเหล็ก เขามองเห็นเพียงแค่เงาวูบวาบและ ตาข่ า ยเหล็ ก ของเตี ย งนอนเหนื อ หั ว ลวดลายละลานตาแปรรู ป เป็ น สัญลักษณ์และตัวเลข หมุนคว้าง หน้ากระดาษต�ำราไอน์สไตน์พลิกวูบวาบในหัว สัญลักษณ์ในสูตร ค�ำนวณของไอน์สไตน์เต้นระริกใต้เปลือกตา เรื่องราวที่กาลครั้งหนึ่งเขา คิดว่าชวนให้อยากรู้อยากเห็น ปรากฏการณ์น่าสนใจยิ่ง...บัดนี้กลายเป็น ความจริงอุบาทว์ตา มือเย็นเฉียบไร้ความรูส้ กึ ของโลกวิทยาศาสตร์ บิดคล่องแคล่วเขียน ตัวหนังสือ 'เมื่อใดที่ความเร็วของมวลเฉียดใกล้ 186,000 ไมล์ต่อวินาที เวลาเคลื่อนเข้าใกล้ศูนย์ และเมื่อมวลเคลื่อนเข้าใกล้ 186,000 ไมล์ต่อ วินาที มวลเคลื่อนเข้าใกล้อนันต์' ความจริงนี้ได้รับการค้นพบเมื่อหลาย ศตวรรษล่วงมาแล้ว ยังยืนตระหง่านท้าทาย...ก�ำแพงกั้นขวางการเดินทาง 18
ท่องกาลเวลายาวนาน บัดนี้ อลันมองเห็นฝันสยองกระจ่างชัด เวลา เคลื่อนเข้าใกล้ศูนย์...เวลาเคลื่อนเข้าใกล้ศูนย์...เวลาเคลื่อนเข้าใกล้ศูนย์ สามสัปดาห์สู่แอลฟา เซนทอรีด้วยอัตราเร็วหนึ่งแสนแปดหมื่น หกพันไมล์ตอ่ วินาที! 'เมือ่ มวลเคลือ่ นเข้าใกล้อนันต์ เวลาเคลือ่ นเข้าหาศูนย์ ส�ำหรับมวลก้อนนั้น' สามสัปดาห์สู่แอลฟา เซนทอรี ส�ำหรับมวลก้อนนั้น ส�ำหรับมวลก้อนนั้น "แต่เวลาคงที่ ที่อัตราเร็วก�ำหนดแน่ชัด" ที่อัตราเร็วก�ำหนดแน่ชัด นั่นหมายถึงโลก นั่นหมายถึงนิวชิคาโก นั่นหมายถึงสตรีที่จะเป็นภรรยา ของเขา หน้ากระดาษของต�ำราเล่มนั้นพลิกเปิดในหัว ตัวเลขเลือนรางใน สายตา เขากระถดตัวหนี เช่นเดียวกับชายทรหดเข้มแข็งที่สุดเคยขดตัว ด้วยความหวาดหวั่น เขาอยู่ในการเดินทางท่องกาลเวลายาวนานร่วมกับ คนที่สังคมไม่ต้อนรับ คนนอกคอกแห่งอวกาศ จากความปวดเมื่อยบน เนื้อตัว เขาทราบดีว่าเขาหลุดห่างหนีไกลจากนาฬิกาบนโลก เดินทางพุ่ง ดิ่งไปบนเส้นทางมรณะเฉพาะตัว เขาทราบเรือ่ งผูเ้ ดินทางท่องกาลเวลายาวนานน้อยต่อน้อย บางคราว เป็นชิน้ ข่าวในหนังสือพิมพ์ หรือไม่กเ็ ป็นโบราณวัตถุในพิพธิ ภัณฑ์ หรือของ ประดับชิน้ เล็กชิน้ น้อยในห้างสรรพสินค้า ทีไ่ ม่แคลงใจมีเพียงประการเดียว คือ ความสามารถในการดูแลตัวเอง นั่นยังไม่ถึงเวลา เขาคิดถึงสาวน้อย คิดถึงสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ หัวใจบิดปวดรวดร้าวในอก เธอจะรอคอย เขาทราบดีว่าเธอจะรอคอย เพราะเขารักเธอมานาน แสนนาน นับตั้งแต่วัยเยาว์ เขาเป็นหลักชัยให้เธอเสมอมา... มีบางอย่างสะกิดท่อนแขน เขาเหลือบมองตืน่ ตกใจ ใบหน้าอูมแดง พุ่มผมสีเทายื่นหน้ามาใกล้ "เฮลโล้, ตืน่ อีกแล้วหรือ? ไม่เอาน่า ไม่ตอ้ ง ไม่ตอ้ งดิน้ รน, หนุม่ น้อย เขาบอกว่ารับมาท�ำหน้าที่รองต้นหน ให้ฉันดูแลเป็นอย่างดี แกจะต้อง 19
ประคองยานไปให้ตลอดรอดฝั่ง รอดพ้นอุกกาบาต, ใช่ไหม?" "ไสหัวไปลงนรก" อลันตวาด "กล้ายืนยันได้ว่าเราสองจะไปพบกันที่นั่น เหอ เหอ คนแถวนี้ ไม่มีใครเร่งรีบดุ่มเดินอยู่แล้ว นรกได้สมาชิกใหม่มากหน้าหลายตาจาก เวลา-ศูนย์" ชายชราหัวเราะร่วน ชืน่ ชมความหัวไวของตน กล่าวซ�้ำอีกครัง้ "...นรกโป่งแทบแตกจากเวลา-ศูนย์" หมอชราอิม่ เอมใจเป็นพิเศษ กระโดด ถอยหลังหมุนตัวเต็มรอบ จากนั้น ปั้นหน้าเครียดเคร่ง ยื่นหน้ามาจ้องตา อลันอีกครั้ง "...ฉันคือนายแพทย์สเตรนจ์ แกไม่ได้เสพยาหรือติดยาใน ตอนที่แกหนีออกจากบ้านมา, ใช่ไหม?" "ผมไม่ได้หนีออกจากบ้าน ขึ้นมาบนยานนี้โดยไม่มีทางเลือก" "ให้ยาผิด ตายดับเอาง่ายๆ สารประกอบเธต้าเจ็ดไปไม่ได้กับฝิ่น ออกฤทธิ์ขัดกัน ฆ่าคนไข้ให้ตายได้ ต้องถามให้แน่ใจก่อน แต่แกต้อง ท�ำงานรองต้นทันทีที่ตื่น แย่ว่ะ, งานยาก" เงียบสงัดทั่วล�ำเรือ มีเพียงการสะเทือนเล็กน้อย เสียงฝีเท้ากระทบ พืน้ โลหะดังกังวานได้ยนิ ชัดเจนเมือ่ โจซีลนิ เดินเข้ามาในห้องพยาบาล กัปตัน ไม่สนใจเขา มองตรงไปยังช่องพักข้ามฟากห้อง อลันเพิง่ ทราบว่าเขาอยูใ่ น ห้องพยาบาล ไม่ได้อยู่ตามล�ำพัง อีกสิบห้าคนผูกมัดติดเตียง โจซีลินกวาดสายตามอง แค่นเสียงหยามหยัน "ซอมซ่อปวกเปียก สิ้นดี ฉันต้องการพนักงานโทรศัพท์ส�ำหรับสะพานเดินเรือส�ำรองท้ายยาน ปลุกขึ้นมาสักคน เร็วด้วย" หมอสเตรนจ์ลบรอยยิ้มจากใบหน้า คิ้วขมวดเป็นกังวล "ครับผม, กัปตัน" มือคว้าหยิบเข็มฉีดยาจากเด็กคนหนึ่งที่อลันไม่เคยเห็นมาก่อนถือ ส่งให้ เด็กพนักงานพยาบาลหน้าขรึม อายุน่าจะไม่เกินแปดขวบ ผมตัด เกรียนติดหนังหัว ผิวเนื้อสะอาดเพียงแค่รอบวงปาก ชุดเสื้อคลุมแพทย์ กรอมเท้าเนื่องเพราะสวมชุดของผู้ใหญ่ หมอประจ�ำยานปักเข็มเข้าท่อนแขนของชายฟากตรงข้าม ชายผู้นั้น 20
พลิกตัวไปมา หมอสเตรนจ์ออ้ มแอ้มกล่าวต่อกัปตัน "ไม่อาจรับประกันได้วา่ สุขภาพ จะสมบูรณ์แข็งแรง ฉันพยายามจะจัดการ แต่พวกมันบางคนแกร่งสิ้นดี ต่อต้านแข็งขืน ไอ้หนุม่ คนนี.้ .." หมอชีม้ อื มาหาอลัน "...ไม่รบั ค�ำเสนอแนะ การสะกดจิต ได้แต่ละเมอเพ้อพก..." โจซีลินหันขวับมาหาหมอสเตรนจ์ ใบหน้าคมสันขาวซีดกว่าเดิม "เช่นนั้นหมอก็คงเมาไม่ได้สติเมื่อวานนี้" "ฉันน่ะหรือ, กัปตัน..." "แกเมา..." กัปตันโจซีลินพูดเบากว่าเดิมเมื่อความโกรธเข้มข้นขึ้น "...ฉันบอกหมอแล้ว อย่าไปยุ่งกับเขา ใครจะไปสนใจว่าจะเกิดอะไรกับไอ้ พวกกะลาสีงี่เง่าพวกนี้ แต่นี่คนมีความรู้มีสมอง อย่าไปยุ่งกับเขา ไอ้โง่, เลิกเสียทีได้ไหมกับการสะกดจิต..." กัปตันลดเสียง สะกดข่มความโกรธ "...อย่าไปยุ่งกับเขา จะมีความผิดปกติทางจิตหรือไม่ก็ตามที มีอีกหลาย อย่างที่หมอต้องเรียนรู้เรื่องวิสัยมนุษย์" หมอสเตรนจ์ออ้ มแอ้มแก้ตวั หาทางจะเลีย่ งหลบ แต่กปั ตันขัดจังหวะ "ปลดมันออกมา" กัปตันชี้ไปยังลูกเรือที่เพิ่งฟื้นคืนสติ หมอสเตรนจ์ปลดเข็มขัดรัดเนื้อตัวของลูกเรือ อลันท�ำได้เพียงแค่ กวาดสายตามองไปรอบห้อง เฉกเช่นสัตว์ขงั ในกรง มองหาประตูทางออก หลบหนีออกจากที่นี่ มีประตูอยู่สองบานหัวท้ายห้อง ระหว่างกลางมีอีก บาน ประตูกลางนี่เองที่มีอักษรก�ำกับว่า 'ทางออกฉุกเฉิน' กงล้อหมุน เปิดประตูแสดงชัดว่าไม่ใช่เรือ่ งล้อเล่น เปิดได้งา่ ยโดยไม่ได้ตงั้ ใจ กงล้อเปิด ประตูมีทั้งสิ้นสี่วง ขนาดใหญ่ อลันคิดในใจว่า น่าจะเป็นระบบควบคุม ความเสียหายที่พบได้ในยานขนาดใหญ่ เขาคาดเดาว่า ประตูบานนี้น่า จะเปิดออกสู่ห้องเก็บยานหนีภัย หากเป็นเช่นนั้น...ความหวังลุกโพลงใน ใจระลอกใหม่ ลูกเรือใหม่กวาดสายตามองไปรอบห้องเช่นกัน หนุ่มผมบลอนด์ 21
รอยล�ำแสงเผาพาดผ่านหน้าผาก ใบหน้าซีดขาวอันเป็นลักษณะประจ�ำตัว ของนักเดินทางท่องอวกาศ เดินเรือไปยังดาวศุกร์ห้าปีเต็ม สะดวกสบาย แม้เสี่ยงภัยอยู่บ้าง อัตราเร็วในการเดินทางหมื่นไมล์ต่อชั่วโมง สัปดาห์ เดียวถึงเมืองท่าสองฟาก...คนละเรือ่ งกับการเดินทางท่องกาลเวลายาวนาน ตาเหลือกลาน ความหวาดหวั่นปรากฏบนใบหน้า แสดงว่าทราบถึงผลที่ เกิดขึ้น หนุ่มผู้นั้นเจ้าเล่ห์ ปล่อยให้เด็กพยาบาลพยุงตัวขึ้นยืน แสร้งท�ำเป็น ก้มลงเพื่อยืดเหยียดแขนขา เมื่อเงยหน้าอีกครั้ง มือตวัดฟาดสุดแรง หลัง มือข้างหนึ่งฟาดเข้าเต็มอกของโจซีลิน อีกข้างเหวี่ยงหมอสเตรนจ์กระเด็น ไปไกล ประกายตาบ้าคลั่งเสียสติไปแล้ว ส่วนหนึ่งจากตัวยา อีกส่วนจาก ความหวาดกลัว ในระหว่างที่โจซีลินซวนเซ วิ่งตรงไปยังประตูทางออก ฉุกเฉิน หลังบานประตูอาจมียานหนีภัย หลังบานประตูอีกบาน...จะเป็น อิสรภาพ ในขณะที่มืออวบใหญ่หมุนควงกงล้อเปิดประตู กงล้อที่หนึ่ง สอง และสาม มือวางจับแน่นบนกงล้อทีส่ แี่ ละสุดท้าย เมือ่ เสียงระเบิดสะเทือน เลื่อนลั่นดังขึ้นในห้องพยาบาล อลันเบิง่ ตามอง นักเดินทางท่องอวกาศยืนนิง่ ลมหายใจห้วงสุดท้าย สะบัน้ ขาด มือหลุดจากกงล้อสุดท้าย ร่างเซถลา ลอยละล่องด้วยความเร่ง ของยาน คว้าจับเสาเพื่อพยุงตัว ประกายตาอ่อนล้าขอโทษขอโพย ก่อน จะทรุดฮวบขาดใจตายบนพื้นห้อง โจซีลินลุกจากพื้นห้องสกปรก หอบหายใจจากแรงฟาด ปืนประจุ ชักจากซองอยูใ่ นมือ อากาศทีถ่ กู ฉีกแยกประจุสสี นั แปรเปลีย่ น กระเพือ่ ม เป็นระลอกจนดูเหมือนว่ากัปตันหายใจออกมาเป็นพวยควัน กัปตันเดินไปหมุนกงล้อปิดประตูทางออกฉุกเฉิน อากาศในห้อง ไหลพรูออกไป ดูดหิวกระหายตะกละตะกรามจากห้วงอวกาศภายนอก กัปตันเดินย้อนกลับมา สอดปืนเข้าซอง 22
"ปลุกขึ้นมาอีกคน, หมอ" ร่างแคระแกร็นเหมือนภูตเฝ้าทรัพย์สีหน้ากระวนกระวาย หมอ สเตรนจ์ชะโงกหน้าไปหาขอบเตียง ที่นั่นบ้าง ที่นี่บ้าง เข็มในมือพร้อม ใช้งาน เสียงแหลมเล็กกรีดความเงียบสงัดในห้องพยาบาล ในขณะทีผ่ ชู้ ว่ ย เสื้อคลุมยาวจากคอจรดพื้นห้อง ยืนอยู่ใกล้ตัว กระบวนการที่อลันพบว่าเป็นเรื่องปกติ งานสามัญประจ�ำวันส�ำหรับ การเดินทางท่องกาลเวลายาวนาน...งานจิตบ�ำบัด การบ�ำบัดเหี้ยมโหด ไม่มีสัมผัสเบามือละเมียดละไม เพราะหากต้องสกัดจิตมนุษย์ให้หายไป สักครึ่ง ให้ได้คนไร้ความคิดท�ำงานสมประโยชน์ได้ในยานอวกาศ ก็ต้อง ท�ำลายความทรงจ�ำ ขโมยบุคลิกภาพ กระทืบวิญญาณขบถให้สิ้น ไม่มี เวลาเหลือเฟือให้บ�ำบัดรักษา ยาราคาถูก ลูกเรือมีค่ายิ่ง การสะกดจิต ร่วมกับยาเสพติด ถือเป็นวิถีจิตบ�ำบัดทรงประสิทธิภาพ ยานเดินทาง ท่องกาลเวลายาวนานไม่เคยมีลูกเรือเต็มอัตราศึก ลูกเรือที่ถูกแปลงเป็น คนปัญญาอ่อนแต่พอถือหางเสือได้ จะดีเสียยิ่งกว่าคนเต็มคนที่มีความคิด ขบถอยู่ในหัวใจ แม้จะมีค�ำสั่งห้ามเด็ดขาดจากผู้บังคับการเรือ อลันยังสะดุ้งตื่นจาก ห้วงเลอะเลือน ลืมตาพบใบหน้าอวบอูมแดงเรื่อของหมอเพี้ยนอยู่ใกล้ ใบหู คราวหนึง่ อลันบิดท่อนแขนจนหลุดเป็นอิสระจากสายรัดรัง้ มือเอือ้ ม คว้าบีบคอหมอสเตรนจ์ไว้ คงบีบคอจนตายหากหมอไม่ถือเข็มฉีดยาที่มี ตัวยากว่าครึ่งในหลอด "ป่าวมีประสงค์รา้ ย" หมอสเตรนจ์กล่าวในภายหลัง "...จะไม่มภี ยั พาล ใดๆ ต่อแกจากมือของฉัน" หมอหัวเราะร่วน "...ฉันเพียงแค่สนใจใคร่รู้ เรื่องของสังคมและยุคสมัยของแก ขุนนางชั้นที่สิบมีความหมายอย่างไร ฉันคิดว่าแกอาจจะมีค�ำบรรยายเรื่องจิตบ�ำบัดยุคใหม่สักชิ้นสองชิ้นซุกอยู่ ใต้กะโหลกที่พอจะเจือจานแบ่งปันให้ฉันได้บ้าง กลับโลกคราวนี้ ฉันเมา 23
แประ ไม่ได้หาต�ำราติดมือมาด้วย ฉันไม่ใคร่ดมื่ เมามายเท่าไหร่ แต่นานๆ ครั้ง ย้อนกลับไปโลก เห็นทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหลือเค้า ก็อยากจะเมา ให้ลมื โลก" ใบหน้าของหมอแปรเปลีย่ น ความรูส้ กึ หลากหลายผุดขึน้ มาบน ใบหน้า ท้ายที่สุด ก็ปรับเข้ามาหาสภาพปกติ หัวเราะร่วนอีกครั้ง "ชาวโลกรุ่นใหม่ฉลาดขึ้น แต่ก็นั่นก็เป็นธรรมดา คาดได้อยู่แล้ว ฉลาดขึ้น ฉลาดขึ้น เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ คนรุ่นแกไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เมื่อ ครั้งที่ฉันเป็นเด็ก เขาประดิษฐ์เทคนิคก�ำจัดไอเสียวีเวอร์ได้...มีอะไรหรือ?" อลันเบิ่งตามอง สายตาสิ้นหวัง "...หมออายุเท่าไหร่?" หมอสเตรนจ์ยักไหล่ "ห้าสิบ หกสิบปี เวลายาน...ปี 'ละครสัตว์ หมัด' นัน่ เป็นส�ำนวนประจ�ำยาน เราเรียกยานล�ำนีว้ า่ 'ละครสัตว์หมัด'..." "หมอเกิดเมื่อไหร่?" อลันคาดคั้น หมอชราเสเปลีย่ นไปหาเรือ่ งอืน่ "แกนอนหลับให้เต็มตาเถอะ อีกวัน สองวัน กัปตันอาจจ�ำเป็นต้อง..." "เทคนิคก�ำจัดไอเสียวีเวอร์อายุเก่าแก่สามพันกว่าปี!" อลันกล่าว "... หมอแก่เท่าไหร่แล้ว ไม่ใช่เวลายาน!...เวลาโลก หมออายุเท่าไหร่กันแน่?" หมอชรากระถดตัวหนี แต่แล้วก็ครองมาดเข้มดุจเดิม "...แกไม่ต้อง เป็นกังวลเรือ่ งสติสตังของแก สมองของแกเรียนรูม้ ามาก ฉันเพียงแค่อยาก รู้ว่าแกบันทึกอะไรไว้ในสมอง ฉันเป็นคนสอดรู้สอดเห็น ในเมื่อแกไม่ยอม พูด ฉันก็พอเข้าใจได้ รับรองได้วา่ แกปลอดภัย โจซีลนิ หรือใครก็ตาม ฉัน จะเป็นคนบอกเอง ดูเหมือนว่าขุนนางชัน้ ทีส่ บิ จะฝังการต้านการสะกดจิตไว้ นับแต่วนั ทีล่ มื ตามาดูโลกเติมเปลือกหุม้ ตัวไม่มชี อ่ งว่างแม้สกั นิด แกไม่เปิด รับการสะกดจิต ไม่ตอบค�ำถามใดๆ ฉันจะบอกโจซีลนิ รับรองได้วา่ กัปตัน จะต้องประหลาดใจแน่นอน น่าสนใจ...น่าสนใจยิ่ง ดูเหมือนว่าสายเลือด ขุนนางจะทดสอบกันขนาดหนัก ตั้งความหวังไว้สูง ชั้นที่สิบ..." "ฟังนะ..." อลันตอบ "...หากไม่นับวิชาพื้นฐานเชิงสังคม ผมไม่เคย ฝึกอบรมในสาขาทีห่ มอสนใจ ผมทราบว่าเด็กเกิดในตระกูลขุนนางผ่านการ 24
ฝึกมาส่วนหนึง่ มากไปกว่านัน้ ไม่รเู้ รือ่ งใดเลย ผมเป็นวิศวกรโดยการศึกษา รูว้ ธิ สี ร้างสะพาน แต่การท�ำลายจิตมนุษย์เป็นคนละเรือ่ ง อย่ามายุง่ กับผม" เขาหันหน้าเข้าผนังอุดมด้วยร่องรอยสึกกร่อน เดินทางออกจากโลก เดินทางสูก่ ารท่องกาลเวลายาวนาน เดินทางสู่ ดวงดาว เขาไม่รอู้ ตั ราเร็วของยาน ไม่รวู้ า่ ว่าความเร็วเฉียดใกล้ความเร็วแสง หรือไม่ แม้จะเคลือ่ นเชือ่ งช้าเพียงแค่ 94 เปอร์เซ็นต์ของความเร็วแสง ก็ ยังหมายความว่า แต่ละวินาทีทกี่ ระดิกบนยาน ฮาวน์ด ออฟ เฮฟเวน จะ หมายถึงหลายร้อยวินาทีกระดิกบนโลก หากยาน ฮาวน์ด ออฟ เฮฟเวน ใช้เวลาหกสัปดาห์ไปกลับระหว่างโลกกับแอลฟา เซนทอรี...เวลาโลกจะ ผ่านพ้นไปเก้าปี "เมื่อมวลเคลื่อนเข้าใกล้ความเร็วแสง เวลาเคลื่อนเข้าใกล้ศูนย์" นั่น เป็นค�ำสาปทัง้ ประโยค สมการสยอง สูตรค�ำนวณคณิตศาสตร์ไร้อารมณ์... แต่เป็นค�ำสั่งประหาร ค�ำพิพากษาชีวิตของอลัน คอร์เดย์ เที่ยวเดินทางสู่แอลฟา เซนทอรี ถือเป็นการเดินทางสั้นที่สุด ผู้คนที่เขาเคยรู้จักบนโลก จะอายุสักเท่าใดในตอนที่เขาย้อนกลับไป ยังโลก? จะแก่ตัวไปมากแค่ไหน?
25