ไม่มีวันดับสูญ Unbroken Laura Hillenbrand เขียน นพดล เวชสวัสดิ์ แปล
ขอขอบคุณ คุณนพพร นิลวัฒน์ คุณเบริด
ค�ำน�ำผู้แปล
ได้รับ
ขออนุญาตผู้อ่านเขียนค�ำน�ำที่ไม่อาจเรียกว่าค�ำน�ำ บอกเท่าที่บอกได้ ละเว้นเรื่องราวที่จะขโมยความตื่นเต้นที่ผู้อ่านพึง
เรือ่ งราวชีวติ จริงของร้อยตรีลอู สิ แซมเปอรินี นักวิง่ โอลิมปิกเบอร์ลนิ กระทบไหล่ฮิตเลอร์มาแล้ว นายทหารทิ้งระเบิดประจ�ำเครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 เครื่องตกในทะเล ลอยเท้งเต้งในมหาสมทุรแปซิฟิกบนแพยาง ไม่มี อาหารไม่มีนำ�้ ฉลากแหวกว่ายใต้แพยาง เขาชกจมูกฉลามนับครั้งไม่ถ้วน (จะลอยไปไกลแค่ไหน ลอยเท้งเต้งกลางทะเลนานกี่วัน...ไม่บอก) แต่ก็ครองสถิติโลกลอยกลางทะเลบนแพยาง และแล้ว
ขาดน�้ำขาดอาหาร แสงแดดแผดเผา ฉลามลอยวนเวียนรังควาน เครื่องบินทิ้งระเบิดโผล่มาให้เห็น ยิงกราดด้วยปืนกล แพยางเกยเกาะ...เกาะที่ทหารญี่ปุ่นยึดครองอยู่ ตกนรกขุมแรก อีกขุม และอีกขุม นรกในค่ายกักกันหฤโหด ประสงค์เดียวคือ ท�ำลายศักดิศ์ รีความเป็น มนุษย์ให้สิ้นไปจากซากศพที่ยังมีลมหายใจ เชลยศึกล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงปลิดปลิวจากต้น ทหารกล้า ไม่ดับสูญ กอดกุมศักดิ์ศรีมนุษย์ไว้ประดับตน ศักดิ์ศรีมนุษย์...ไม่มีวันดับสูญ หลายคนกลับถึงบ้าน พร้อมกับแผลเป็นในวิญญาณที่ไม่มีทางรักษา ให้หายขาด สงครามสิ้นสุดแล้ว แต่ศึกในอกที่มีแต่ความคั่งแค้นอาฆาตพยาบาท ไม่มวี นั สิน้ สุด จนกว่าจะหาสุขสันติในใจตนเองได้ มีเพียงอโหสิกรรมเท่านัน้ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ กระโจนลงมาในขุมนรกของลูอี้ แซมเปอรินี สัมผัสทุกข์เข็ญเท่าที่ ซากศพเดินได้จะทานรับไหว ร่วมทางทุกย่างก้าวในการธ�ำรงศักดิ์ศรีมนุษย์ไว้ประดับตน
บทน�ำ
เท่าที่เขามองเห็น ในทุกทิศ มีแต่น�้ำ วันที่ 23 มิถุนายน 1943 ที่ไหนสักแห่งในมหาสุมทรแปซิฟิกเวิ้งว้าง ลูอิส (ลูอี้) แซมเปอรินี นายทหารทิ้งระเบิด ทัพอากาศ*, กองทัพบก สหรัฐฯ/นักวิ่งโอลิมปิก นอนแผ่บนแพยางเล็ก ลอยเท้งเต้งไปตามแรง สาดซัดของคลืน่ ไปทางทิศตะวันตก ร่างคุดคูข้ า้ งกายจะเป็นสิบเอก หนึง่ ใน พลปืนประจ�ำเครื่อง แพยางอีกหลังที่ผูกต่อกันมีลูกเรืออีกคน รอยแผล ตัดไขว้บนหน้าผาก ร่างของคนทั้งสามแดงเกรียมจากแดดแผดเผา และ ย้อมเหลืองจากสียอ้ มแพยาง ร่างเหลือเพียงหนังหุม้ กระดูก ปลาฉลามว่าย วนเวียนเชื่องช้า ครีบหลังขูดข้างแพยางแกรกกราก...รอคอย ทหารทั้งสามนายลอยฟ่องนานยี่สิบเจ็ดวันแล้ว คลื่นเขตศูนย์สูตร ยอแพยางห่างไกลจากจุดเครื่องตก อย่างน้อยที่สุดหนึ่งพันไมล์ ลึกเข้าสู่ * กองทัพอากาศสหรัฐก่อตั้งในวันที่ 18 กันยายน 1947 แยกออกจากกองทัพบก 9
น่านน�้ำในเขตครอบครองของญี่ปุ่น แพยางเสื่อมสภาพอ่อนปวกเปียก ปล่อยกลิ่นเหม็นเปรี้ยวแสบจมูก เนื้อหนังของทหารด่างดวงด้วยรอย เกลื อ กั ด ริ ม ฝี ป ากบวมเป่ ง กดรู จ มู ก และคาง พวกเขาใช้เวลาทั้งวัน เหม่อมองท้องฟ้า ส่งเสียงร้องเพลง ‘คริสต์มาสขาว’ งึมง�ำพร�ำ่ ถึงอาหาร ไม่มีใครออกมาตามหาพวกเขาอีกแล้ว ทั้งสามโดดเดี่ยวเดียวดายใน มหาสมุทรกินอาณาบริเวณหกสิบสี่ล้านตารางไมล์ หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ แซมเปอรินีอายุยี่สิบหกปีเป็นหนึ่งในนักวิ่ง ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นนักวิ่งคนแรกของโลก ที่จะข้ามเส้น ‘หนึ่งไมล์สี่นาที’ ได้ หนึ่งในด่านส�ำคัญที่สุดในโลกกีฬาที่ คนทั้งโลกเฝ้าจับตามอง บัดนี้ เรือนกายนักวิ่งโอลิมปิกเหือดหายเหลือ น้อยกว่าหนึ่งร้อยปอนด์ ขาทรงพลังเลื่องระบือ ไม่เหลือเรี่ยวแรงพอจะ ยกร่าง แทบทุกคนไม่นับคนในครอบครัว แทงบัญชีสูญว่าเขาตายไปแล้ว เช้าตรู่ของวันที่ยี่สิบเจ็ด ชายทั้งสามได้ยินเสียงแว่วแต่ไกล เสียง ทุ้มหนัก เสียงคุ้นหู เสียงลูกสูบ พวกเขามองเห็นแสงสะท้อนวาววับ กลางฟ้า...เครื่องบินลอยอยู่เหนือหัว แซมเปอรินียิงพลุสองลูก เขย่า สารย้อมลงในน�้ำทะเล สีส้มแผ่วงกว้างรอบแพยาง เครื่องบินเคลื่อน ต่อไป หายลับไปจากสายตา ทั้งสามคอตกหมดหวัง แต่แล้วเสียงนั้น หวนคืน เครื่องบินปรากฏให้เห็นอีกครั้ง ลูกเรือบนเครื่องบินล�ำนั้นมอง เห็นพวกเขาแล้ว แขนแห้งกรังหนังหุ้มกระดูก ผิวเนื้อเคลือบสีเหลือง คนบนแพ โบกมือร้องตะโกน เสียงแหบพร่าจากความกระหาย เครือ่ งบินลดความสูง บินโฉบข้างแพ แซมเปอรินีมองเห็นเงาด�ำของลูกเรือบนเครื่องบินตัดกับ ท้องฟ้าสีคราม เสียงกึกก้อง ดูเหมือนว่าน�้ำทะเลและแพยางเดือดปุด เสียงปืนกล นั่นไม่ใช่เครื่องบินกู้ภัยอเมริกัน หากแต่เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดญี่ปุ่น ชายทั้งสามพลิกร่างทิ้งตัวลงทะเล มือเหนี่ยวเกาะแพยาง หดหัว 10
คอย่นเมื่อกระสุนเจาะแพยางและเป่าน�้ำกระจุยเป็นสายต่อหน้าต่อตา กระสุนพุ่งเป็นสายก่อนขาดหายเมื่อเครื่องบินแล่นผ่านเลยไป คนทั้งสาม ดึงตัวกลับขึน้ แพยางรัว่ เกือบจะแผ่ราบ เครือ่ งบินทิง้ ระเบิดเอียงปีกวนกลับ มาอีกรอบ เมื่อเข้าแนวระนาบได้แล้ว แซมเปอรินีมองเห็นล�ำกล้องปืน เล็งตรงมายังพวกเขา แซมเปอรินเี หลียวมองเพือ่ น ทัง้ สองเหนือ่ ยล้าเกินกว่าจะพลิกตัวลงน�้ำ ทั้งสองคุดคู้บนแพ มือกุมหัว แซมเปอรินีลงน�้ำเพียงคนเดียว ที่ไหนสักแห่งใต้ผิวน�้ำ ปลาฉลามสิ้นความอดทนรอคอย พลิกร่าง กลับตัว พุ่งตรงมาหาชายข้างแพยาง
11
ภาคหนึ่ง
หนึ่ง
เจ้าหนูกบฏ
ในความมืดก่อนอรุณรุ่งสางของวันที่ 26 สิงหาคม 1929 ในห้องนอน ด้านหลังของบ้านเล็กในทอร์แรนซ์, แคลิฟอร์เนีย เด็กชายสิบสองขวบ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เงี่ยหูสดับเสียง เสียงจากข้างนอก เสียงดังกระหึ่ม ทีละน้อย เสียงทุม้ หนักบ่งบอกความมหึมาแทรกฝ่าอากาศ เสียงดังเหนือหัว เจ้าหนูลงจากเตียง วิ่งลงชั้นล่าง ตบประตูหลังให้เปิด วิ่งออกไปยัง สนามหญ้าหลังบ้าน สนามหญ้าเป็นอีกโลกหนึง่ มืดมิดจนแทบมองไม่เห็น สิง่ ใด สัน่ กระเพือ่ มด้วยคลืน่ เสียง เจ้าหนูยนื ข้างพีช่ าย ใบหน้าแหงนหงาย นิ่งค้างดั่งต้องมนต์สะกด ท้องฟ้าหายไปแล้ว วัตถุเค้าโครงสีดำ� บดบังฟ้าทัง้ ผืน แขวนลอยกลาง อากาศเหนือหลังคาบ้าน ขนาดยาวกว่าสนามฟุตบอลสองสนามครึง่ ต่อกัน สูงใหญ่เท่ามหานคร เงามืดนั้นลบดวงดาวไปสิ้น สิง่ ทีเ่ ขามองเห็นคือ โพยมยานเยอรมัน กราฟ เซปเพลิน ยาว 800 ฟุต สูง 110 ฟุต อากาศยานขนาดใหญ่ทสี่ ดุ เท่าทีม่ นุษย์เคยสร้างขึน้ มา ภายใน 15
ไม่มีวันดับสูญ
ตกแต่งหรูหรายิ่งกว่าเครื่องบินใดๆ ลอยเคลื่อนราบเรียบได้ระยะทาง ไกลสุขสบายคล้ายไม่ต้องออกแรง ขนาดใหญ่โตมโหฬารพอจะท�ำให้ผู้คน อ้าปากค้างอัศจรรย์ใจ ในฤดูรอ้ นปี 1929 นัน่ ถือเป็นสิง่ มหัศจรรย์ของโลก โพยมยานเดินทางอีกสามวัน เพื่อสร้างสถิติบินรอบโลก เซ็ปเพลิน เริ่มการเดินทางในวันที่ 7 สิงหาคมจากเลกเฮิร์สต์, นิวเจอร์ซีย์ แล่น เอื่อยเฉื่อยมุ่งหน้าไปหาแมนฮัตตัน ในฤดูร้อนบนฟิฟธ์แอฟวนู ในช่วง ทุบท�ำลายตึกโรงแรมวัลดอร์ฟ-แอสโตเรีย เพื่อสร้างตึกระฟ้าสูงที่สุดใน โลก, ตึกเอ็มไพร์สเตต ทีส่ นามแยงกี้ ในเขตบรองซ์ มีการแจกเครือ่ งแบบ ติดหมายเลข ลู เกอริกได้หมายเลข 4 เบบ รูธ ใกล้จะตีโฮมรันครั้งที่ ห้าร้อย สวมเสื้อหมายเลข 3 ในวอลล์สตรีต หุ้นพุ่งปรูดปราดสูงสุดเป็น ประวัติการณ์ หลังจากลอยเอื่อยวนรอบอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เซ็ปเพลิน ตั้งเข็ม ขึ้นเหนือ จากนั้น เลี้ยวไปหามหาสุมทรแอตแลนติก เวลาผ่านไป ผืน แผ่นดินคืบใกล้ให้เห็น โพยมยานลอยผ่านฝรั่งเศส เยอรมนี ลอยข้าม นูเรมเบิร์กที่นักการเมืองหัวรุนแรง, อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำ� พรรคนาซีที่ ล้มคว�่ำไม่เป็นท่าในการเลือกตั้งปี 1928 ปราศรัยปลุกระดมการล้างเผ่า บางพันธุ์เฉพาะเจาะจง จากนั้น ลอยไปทางตะวันออกของแฟรงเฟิร์ต หญิงชาวยิวเอดิธ แฟรงก์ เพิ่งให้กำ� เนิดลูกสาวชื่อว่า แอนน์ แฟรงก์ แล่นเอือ่ ยไปทางตะวันออกเฉียงเหนือข้ามรัสเซีย ผูค้ นในหมูบ่ า้ นในไซบีเรีย ไม่เคยพบเห็นรถไฟมาก่อน คุกเข่าลงบนพื้นเมื่อมองเห็นโพยมยาน วันที่ 19 สิงหาคม คนญี่ปุ่นกว่าสี่ล้านคนโบกผ้าเช็ดหน้า ตะโกน ‘บันไซ!’ เมื่อ เซ็ปเพลิน บินวนรอบโตเกียว และร่อนลงบนพื้น สี่วัน ต่อมามีการบรรเลงเพลงชาติญี่ปุ่นและเยอรมัน โพยมยานลอยขึ้นจากพื้น พายุไต้ฝุ่นหอบข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยความเร็วสูงแทบหายใจไม่ทัน มุง่ หน้าสูอ่ เมริกา ผูโ้ ดยสารบนยานมองเห็นเพียงเงาของโพยมยานไหลเลือ่ น เคลื่อนตามยานไปบนกลุ่มเมฆ ‘เร็วรี่เหมือนปลาฉลามว่ายน�้ำขนานไปกับ 16
ลอรา ฮิลเล็นแบรนด์
ยาน’ เมื่อเมฆสลายตัว ผู้โดยสารมองเห็นอสุรกายด�ำทะมึนขนาดมหึมา คล้ายจะผุดโผล่ขึ้นมาสู่ผิวน�้ำ วันที่ 25 สิงหาคม เซ็ปเพลิน มาถึงซานฟรานซิสโก หลังเสียงโห่รอ้ ง ต้อนรับที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย โพยมยานไหลเลื่อนเข้ามาหาอาทิตย์อัสดง เข้ามาในความมืดความเงียบสงัด ผ่านเที่ยงคืน เคลื่อนเชื่องช้าเหมือน ลมอ่อนโบกโบย เซ็ปเพลิน เคลื่อนข้ามทอร์แรนซ์ ผู้ชมมีเพียงคนตาปรือ ง่วงงุน หนึง่ ในนัน้ เป็นเจ้าหนูตวั เล็กในชุดนอน ยืนบนสนามหญ้าหลังบ้าน บนถนนกราเมอร์ซี เจ้าหนูยนื เท้าเปล่าบนสนามหญ้าใต้เงามืดของโพยมยาน ตัวแข็งค้าง คล้ายต้องมนต์สะกด อุทานออกมาว่า ‘สวยอย่างน่ากลัว’ เขาได้ยนิ เสียง ใบพัดตวัดอากาศ แต่ไม่อาจมองเห็นผิวสีเงินมันเลื่อม เส้นโครงลากยาว หัวจรดหาง และแพนหางทั้งสี่ เขามองเห็นเพียงเงาด�ำมหึมา ไม่แสดงตัว ให้ปรากฏ แต่ขาดหายเป็นกรอบชัดเจน...ห้วงด�ำมืดทรงเรขาคณิตที่ดู เหมือนจะกลืนกินสวรรค์เบื้องบนไปสิ้นแล้ว * * * เจ้าหนูผู้นั้นชื่อว่า ลูอิส ซิลวี แซมเปอรินี ลูกคนคนอิตาเลียนอพยพ ลืมตาดูโลกในเมืองโอลีน, นิวยอร์กในวันที่ 26 มกราคม 1917 ทารก น�ำ้ หนักสิบเอ็ดปอนด์ครึง่ ผมดกด�ำชีเ้ ด่เหมือนลวดหนาม แอนโธนีผเู้ ป็นพ่อ ท�ำมาหาเลี้ยงชีพตามล�ำพังตั้งแต่อายุสิบสี่ปี เป็นคนงานเหมืองถ่านหิน นักมวย และเป็นกรรมกรก่อสร้าง หลุยส์ผู้มารดา สาวร่างเล็กหน้าหวาน แต่งงานอายุสิบหก และคลอดลูอี้ลูกชายคนที่สองเมื่ออายุสิบแปดปี ใน อพาร์ตเมนต์ พูดจากันด้วยภาษาอิตาเลียนเท่านัน้ หลุยส์กบั แอนโธนีเรียก ลูกชายว่า ทูตส์ นับตั้งแต่เดินได้ ลูอี้ไม่ยอมรับการกักขังทุกรูปแบบ พี่ชายย้อนนึก 17
ไม่มีวันดับสูญ
น้องชายตัวเล็กจะปีนข้ามต้นไม้ใบหญ้าและเครื่องเรือน ในทันทีที่แม่วาง ลงบนเก้าอี้ ออกค�ำสั่งให้นั่งนิ่ง เธอหันกลับมา ลูกชายหายไปแล้ว หาก เธอไม่จับลูกน้อยกระชับมั่นในอุ้งมือ เธอมักจะไม่ทราบว่าลูกชายอยู่ที่ใด ในปี 1919 ลูอี้อายุสองขวบกับพีต, พี่ชายป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ ลูอี้ปีนออกหน้าต่างห้องนอนชั้นสอง ไต่ลงไปชั้นล่าง เปลือยล่อนจ้อนวิ่ง ไปกลางถนนโดยมีต�ำรวจไล่หลังมาติดๆ ผูค้ นเบิกตาโพลงมองภาพนัน้ ด้วย ความอัศจรรย์ใจ ไม่นานหลังจากนั้น กุมารแพทย์แนะน�ำให้พาเด็กไปอยู่ ในทีอ่ ากาศอุน่ หลุยส์กบั แอนโธนีตดั สินใจย้ายไปอยูใ่ นแคลิฟอร์เนีย ขบวน รถไฟเคลื่อนออกจากสถานีแกรนด์เซนทรัลได้ไม่นาน ลูอี้วิ่งสุดฝีเท้าไป ตลอดขบวนรถ กระโจนลงจากตู้รถไฟท้ายสุด พีตยืนเคียงข้างมารดา ในขณะที่ขบวนรถไฟเคลื่อนถอยหลัง ตามหาเด็กกระโดดรถไฟ พีตมอง เห็นน้องชายเดินเอือ่ ยเฉือ่ ยกลางรางรถไฟด้วยท่าทางสุขสงบ แม่อมุ้ ลูกชาย มากอด ลูอี้แย้มยิ้ม “ผมรู้อยู่แล้วว่าแม่จะกลับมารับ” เขาบอกแม่ด้วย ภาษาอิตาเลียน ในแคลิฟอร์เนีย แอนโธนีได้งานช่างไฟฟ้าการรถไฟ เขาซื้อที่ดิน ครึ่งเอเคอร์ชานเมืองทอร์แรนซ์ ประชากร 1,800 คน เขากับหลุยส์ช่วย กันตอกไม้สร้างบ้านเพิงไม้ห้องเดียว ไม่มีน�้ำประปา ห้องสุขาอยู่ด้านหลัง หลังคารัว่ ขนาดหนักจนต้องวางถังรองน�ำ้ ไว้ในห้องนอน ใช้ตะขอเกีย่ วแทน กลอนประตู หลุยส์นั่งข้างประตูหน้า บนกล่องไม้บรรจุแอปเปิล ไม้นวด แป้งถือกระชับในมือ พร้อมจะหวดผู้บุกรุกที่จะมารังควานลูกน้อยทั้งสอง ของเธอ บ้านเพิงไม้ และบ้านบนถนนกราเมอร์ซที ยี่ า้ ยมาอยูใ่ นปีถดั มา หลุยส์ ปกป้องไม่ให้ผบู้ กุ รุกเข้าบ้าน แต่ไม่อาจกักลูอไี้ ว้ในบ้านได้ เขาวิง่ แข่งกับเด็ก อื่นบนทางหลวงรถราจอแจ หวุดหวิดถูกรถบุโรทั่งชน วันหนึ่งลูอี้กระโดด ข้ามรัว้ ปลายไม้แหลมเสียบต้นขา วันต่อมา หลุยส์ตอ้ งขอร้องให้เพือ่ นบ้าน เย็บนิ้วหัวแม่เท้าของลูอี้ให้ติดกับตัวอีกครั้ง และอีกวัน ลูอี้ตัวด�ำมะเมื่อม 18
ลอรา ฮิลเล็นแบรนด์
หัวจรดเท้าจากการปีนแท่นสูบน�้ำมัน และโดดลงไปในอ่างน�้ำมันจนแทบ จมน�ำ้ มันตาย แม่ตอ้ งใช้นำ�้ มันสนหนึง่ แกลลอนกับการขัดด้วยแปรงอยูน่ าน ก่อนที่แอนโธนีจะจ�ำลูกชายได้ การประท้วงต่อการจองจ�ำไม่ได้จ�ำกัดเพียงแค่ตู้รถไฟและประตูหน้า ตั้งแต่จ�ำความได้ เขาต่อสู้ทุกหัวโค้งเพื่อเสรีภาพของตน ทุกกฎเกณฑ์ที่ ตราไว้ ทุกค�ำสัง่ ห้าม ถือเป็นค�ำเชิญห้ามใจมิได้ทจี่ ะต่อต้านแข็งขืนสุดฤทธิ์ อายุห้าขวบ เดินไปโรงเรียนอนุบาล เขาหยิบก้นบุหรี่บนถนนมาสูบ อายุ แปดขวบ ดื่มสุราเมรัยเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาซ่อนตัวใต้โต๊ะอาหาร ฉก แก้วไวน์ ดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เดินโซเซผ่านประตูหน้า เดินผ่านระเบียง หน้าบ้าน หมดสติหน้าคว�่ำลงไปในกอกุหลาบ ลูอตี้ นื่ เต้นเร้าใจไปกับการแหกคอก เป็นม้าพยศทีไ่ ม่ยอมให้พาดอาน คาดบังเหียน เขาเติบโตสมองใสฉลาดเฉลียว เพียงแค่การท้าทายน้อยนิด ไม่อาจสนองความอภิรมย์ในใจได้อกี แล้ว ในเมืองทอร์แรนซ์ กองก�ำลังกบฏ เด็กชายคนเดียวก่อตัวขึ้นแล้ว * * * ทุกอย่างทีก่ นิ ได้ ลูอขี้ โมย เขาแอบย่องไปในซอยเล็กหลังบ้าน ในกระเป๋า กางเกงมีลวดสะเดาะกุญแจ แม่บา้ นเดินออกจากห้องครัว กลับมาอีกครัง้ อาหารเย็นหายวับไปแล้ว ชาวบ้านทีม่ องออกมาหน้าต่างหลังบ้าน อาจทัน ได้เห็นเด็กชายขายาววิง่ ฉิวไปในซอย เค้กทัง้ ก้อนเลีย้ งอยูบ่ นฝ่ามือ ในยาม ทีเ่ พือ่ นบ้านตัดชือ่ ลูออี้ อกจากรายการแขกรับเชิญร่วมมือ้ อาหารเย็น เขาจะ ย่องเข้าไปในบ้านหลังนัน้ ติดสินบนหมาเกรตเดนด้วยกระดูกชิน้ โต กวาด ตู้เย็นจนเกลี้ยง งานเลี้ยงอีกครั้ง เขาฉกเบียร์ทั้งถัง หลังจากที่สืบทราบ ว่าโต๊ะวางขนมให้เย็นของร้านขนมปังไมน์เซอร์ อยู่ห่างจากประตูหลังแค่ เอื้อมมือถึง เขาสะเดาะกลอน คว้าขนมพายมาหลายถาด กินจนพุงกาง 19
ไม่มีวันดับสูญ
และเก็บที่เหลือไว้เป็นเสบียงซุกซ่อนตัว ในยามที่แก๊งหัวขโมยข้ามถิ่นมา เขาจะซ่อนตัว งดการขโมยไปชั่วระยะหนึ่ง รอจนกระทั่งแก๊งนั้นถูกจับตัว เจ้าของร้านไม่ระวังตัวอีกแล้ว เขาสั่งให้ลูกสมุนปล้นร้านขนมปังไมน์เซอร์ อีกครั้ง ดูเหมือนว่าบทสัมภาษณ์เรื่องราวในวัยเด็กของลูอี้ มักจะลงท้ายด้วย วลี “...แล้วผมก็วงิ่ หนีเหมือนไอ้บา้ ” การขโมยอาหารแทบทุกครัง้ มักจะ มีคนวิ่งไล่ขับ อย่างน้อยที่สุด มีสองรายที่ขู่ว่าจะยิงทิ้ง เพื่อลดความเสี่ยง ในหลักฐานติดมือตอนต�ำรวจไล่กวด เขาสร้างแหล่งเก็บซ่อน ‘ของร้อน’ ไว้ทวั่ เมือง รวมทัง้ ถ�ำ้ เล็กสามทีน่ งั่ ทีเ่ ขาขุดไว้ในป่า ใต้อฒ ั จรรย์ของโรงเรียน มัธยมปลายทอร์แรนซ์ พีตพบไวน์ทั้งเหยือกที่ลูอี้ขโมยมาซุกไว้ ตอมด้วย มดเมามายทั้งรัง ในล็ อ บบี้ ข องโรงหนั ง ทอร์ แรนซ์ ลู อี้ ยั ด กระดาษช� ำ ระไว้ ใ นช่ อ ง หยอดเหรียญโทรศัพท์สาธารณะ แวะเวียนกลับมาใช้ลวดเกี่ยวเหรียญ เกีย่ วกระดาษขึน้ มา ได้เหรียญคราวละอุง้ มือ พ่อค้าของเก่าไม่มที างคาดเดา ได้ว่าเจ้าหนูอิตาเลียนหน้ายิ้มกอบเศษทองแดงมาขายให้บ่อยครั้ง จะเป็น คนเดียวกับที่แอบขโมยเศษทองแดงจากร้านของเขาในคืนที่ผ่านมา ลูอี้ ค้นพบความจริงในระหว่างที่มีเรื่องชกต่อยกับเด็กอื่นในเต็นท์ละครสัตว์ ว่า ผู้ใหญ่มักจะควักเหรียญควอเตอร์ให้เด็กเลิกชกต่อยกัน ลูอี้ทำ� สัญญา สงบศึกกับศัตรู เดินกอดคอกันเพื่อเปิดการแสดงการชกต่อยกันอีกรอบ ต่อหน้าคนแปลกหน้ากลุ่มอื่น ลูอี้ล้างแค้นนายตรวจรถรางที่ไม่ยอมหยุดรถรับเขา โดยเอาจารบี ไปทารางให้รถตกราง และเมื่อครูท�ำโทษให้เขาไปยืนมุมห้อง โทษฐาน เคี้ยวกระดาษเป่าก้อนกระสุนแกล้งเพื่อน เขาปล่อยลมยางรถของเธอด้วย ไม้จมิ้ ฟัน หลังจากท�ำสถิตลิ กู เสือระดับมลรัฐในเรือ่ งการก่อไฟด้วยการขัดสี ได้สำ� เร็จ เขาท�ำลายสถิตนิ นั้ ด้วยการชโลมฝอยไม้ดว้ ยน�ำ้ มันเชือ้ เพลิง คลุก กับหัวไม้ขดี มอบการระเบิดเล็กๆ ให้ชมเป็นขวัญตา เขาขโมยท่อโลหะใน 20
ลอรา ฮิลเล็นแบรนด์
เครือ่ งต้มกาแฟของเพือ่ นบ้าน สร้างบังไพรพลซุม่ ยิงบนต้นไม้ อมลูกเบอร์รี ไว้เต็มกระพุ้งแก้ม เป่าผ่านหลอดโลหะ ระดมยิงเด็กผู้หญิงในละแวกบ้าน ให้หนีกระเจิง การเล่นตลกร้ายกลายเป็นต�ำนานเล่าขาน กลางดึกคืนหนึ่ง ลูอี้ปีน ยอดแหลมของโบสถ์แบปติสต์ ผูกลวดเปียโนเข้ากับระฆังโบสถ์ โยงลวด ผ่านต้นไม้ และลั่นระฆังไม่ยั้ง ปลุกต�ำรวจ ดับเพลิง และผู้คนทั้งเมือง ทอร์แรนซ์ให้ตนื่ กลางดึก ชาวเมืองเชือ่ ว่าเป็นมหาสุรเสียงจากพระผูเ้ ป็นเจ้า เรื่องเดียวที่ท�ำให้ลูอี้ แซมเปอรินีหวาดกลัว ปลายวัยเด็ก นักบิน พาเครือ่ งร่อนลงกลางทุง่ ชานเมืองทอร์แรนซ์ เขารับลูอขี้ นึ้ เครือ่ ง ใครก็คง หลงคิดว่าเด็กสุดห้าวจะสุขสมชื่นมื่น ตรงกันข้าม ความเร็วและความสูง ท�ำให้ลอู กี้ ลัวแทบขาดใจ นับจากวันนัน้ เป็นต้นมา เขาไม่อยากเฉียดเข้าไป ใกล้เครื่องบิน วัยเด็กทีเ่ ต็มไปด้วยการหลบลีห้ นีภยั ลูอที้ �ำได้มากกว่าเรือ่ งเหลวไหล เลวร้าย เขาหล่อหลอมตัวตนผู้ใหญ่เต็มวัยขึ้นมาแล้ว เชื่อมั่นในตนเอง เต็มเปีย่ มว่าตัวเองฉลาด มีไหวพริบดัดแปลงข้าวของรอบตัว และกล้าหาญ พอจะผ่านเรื่องร้ายทุกอย่างไปได้ เขาแทบจะบรรลุถึงขั้นไม่ยอมรับความ หดหู่ท้อแท้ เมื่อประวัติศาสตร์หอบเขาเข้าสู่สงคราม การมองโลกในแง่ดี ยืดหยุ่นสูงจะนิยามตัวตนของเขาให้ชัดยิ่งขึ้น * * * ลูอี้อ่อนกว่าพี่ชายยี่สิบเดือน ภาพฉายด้านตรงข้ามของพีต พีตหน้าตา หล่อเหลา เจ้าเสน่ห์ เนื้อตัวสะอาดหมดจด อ่อนน้อมมารยาทงามต่อ ผูใ้ หญ่ เป็นทีพ่ งึ่ เอือ้ เฟือ้ ต่อเด็ก ปากหวานช่างเจรจาในหมูส่ าวๆ รอบคอบ มีความคิดความอ่าน แม้ในช่วงเด็ก พ่อแม่มีปัญหาหนักอก บ่อยครั้งจะ ปรึกษาลูกชายคนโต พีตจะเลื่อนเก้าอี้ให้แม่นั่งในมื้ออาหารเย็น เข้านอน 21
ไม่มีวันดับสูญ
หนึง่ ทุม่ ตรง เก็บนาฬิกาปลุกซุกไว้ใต้หมอน ไม่ให้สง่ เสียงรบรวนลูอที้ นี่ อน เตียวเดียวกัน พีตตื่นตีสองครึ่ง ออกไปส่งหนังสือพิมพ์สามชั่วโมงเต็ม ทุกวัน เก็บเงินทัง้ หมดฝากธนาคาร เงินฝากทีจ่ ะหายวับไปสิน้ เมือ่ ธนาคาร ล้มละลายในช่วงเศรษฐกิจตกต�่ำในอีกไม่กี่ปีถัดมา เขาร้องเพลงเพราะ มี เข็มกลัดซ่อนปลายติดกระเป๋าเสมอ เผือ่ ว่าสายรัดชุดของคูเ่ ต้นร�ำหลุดขาด ออกจากที่ พีตเคยช่วยเด็กหญิงให้รอดจากการจมน�้ำตาย เขาแผ่ความ อ่อนโยนแต่ลุ่มลึกเด็ดเดี่ยวออกไปรอบข้าง แม้แต่ผู้ใหญ่ยังรับฟังและโอน อ่อนตามการพูดจูงใจโน้มน้าวของเขา แม้แต่ลูอี้กบฏน้อยที่ไม่ยอมฟังใคร ยังยอมท�ำตามค�ำสอนสั่งของพีต ลูอี้ยกย่องนับถือพีตผู้ดูแลตัวเขากับน้องสาวทั้งสอง, ซิลเวียกับ เวอร์จเิ นีย เหมือนพ่อคนทีส่ อง ลูอตี้ กอยูใ่ นเงามืดของพีช่ าย ผูค้ นรอบข้าง ย�้ำซ�้ำไม่ขาดปาก ซิลเวียนึกถึงแม่นำ�้ ตานองหน้า พร�่ำบอก อยากให้ลูอี้ เหมือนพี่ชาย ความชอกช�้ำใจขื่นขมจะเป็นเพราะว่าชื่อเสียงสุกปลั่งของ พีตเป็นแต่เพียงภาพเปลือกนอกที่ทุกคนมองเห็น แม้ว่าพีตจะท�ำผลงาน การเรียนได้ดีกว่าลูอี้เพียงเล็กน้อย ครูใหญ่อนุมานเอาว่าพีตเป็นนักเรียน คะแนนเต็ม ในค�่ำคืนการย�่ำระฆังปริศนาในทอร์แรนซ์ หากมีใครส่อง ไฟฉายไปที่พุ่มใบ ก็คงทันได้เห็นขาของพีตห้อยต่องแต่งเคียงข้างขาของ ลูอี้...ลูอี้ไม่ใช่แซมเปอรินีคนเดียวที่วิ่งเร็วจัดไปในซอยเล็ก ขโมยอาหาร ของเพื่อนบ้าน แต่ไม่เคยมีใครคิดจะสงสัยว่าเป็นพีต ซิลเวียให้ความเห็น ต่อเรื่องนี้ “พีตไม่เคยถูกจับได้...ลูอี้ถูกจับได้เสมอ” ไม่มสี งิ่ ใดในตัวลูอที้ ลี่ ะม้ายคล้ายเด็กรุน่ ราวคราวเดียวกัน ลูอรี้ า่ งเล็ก ผอมเกร็ง ในช่วงปีแรกๆ ในทอร์แรนซ์ ปอดของเจ้าหนูยังย�ำ่ แย่จากการ วิ่งเปลือยกลางถนน เด็กหญิงในเมืองคนไหนๆ อัดเขาให้ล้มคว�่ำได้ เค้า หน้าค่อยปรับเปลี่ยนทีละน้อยตามกาลเวลา แต่ละส่วนเจริญเติบโตใน อัตราเร็วแตกต่างกัน มอบใบหน้าพิลกึ พิลนั่ ประหนึง่ ออกแบบและก่อสร้าง โดยคณะกรรมการ ใบหูของเขาห้อยยาวข้างใบหน้า เหมือนซองปืน 22
ลอรา ฮิลเล็นแบรนด์
ห้อยแขวนข้างเอวเคาบอย ผมด�ำบนหัวชี้เด่ไร้ความสามัคคี เขาพยายาม สยบให้ราบเรียบด้วยเตารีดผ้าร้อนจัดของป้ามาร์กี ใช้ถุงน่องไหมรัดไว้ ตลอดทั้งคืน และกอบน�้ำมันมะกอกเปียกโชกหนังศีรษะจนแมลงวันบิน ตอมไปถึงโรงเรียน ไม่ได้ผล จากนั้นก็เป็นเรื่องเชื้อชาติ ในทอร์แรนซ์ต้นทศวรรษ 1920 คน อิตาเลียนเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ เมื่อครอบครัวแซมเปอรินีย้ายมาที่นี่ เพื่อนบ้านเข้าชื่อร้องเรียนต่อคณะกรมการเมืองให้ขับไล่ไม่ให้เข้าเมือง ลูอี้ รู้ภาษาอังกฤษไม่กี่ค�ำ ไม่อาจซ่อนเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ตัวเองได้ เขารอดผ่าน โรงเรียนอนุบาลมาได้โดยไม่ส่งเสียง แต่เมื่อขึ้นประถมหนึ่ง เขาแผดเสียง ด่าเพื่อนร่วมชั้นเป็นภาษาอิตาเลียนจนครูจับได้ ครูเติมความหดหู่อีกขั้น โดยการปรับให้เรียนซ�ำ้ ชั้น ลูอี้ตกเป็นเป้าที่อันธพาลประจ�ำโรงเรียนเลือกแล้ว หนึ่งนั้นเพราะ หน้าตาพิลึกพิลั่น อีกหนึ่ง เพื่อล่อให้เจ้าหนูหลุดปากสบถเป็นภาษา อิตาเลียน อันธพาลยั่วยุล้อเลียน ขว้างปาก้อนหิน ชกบ้างเตะบ้าง เขา พยายามซือ้ เมตตาจากอันธพาลด้วยอาหารกลางวันของตัวเอง แต่พวกนัน้ ยังถล่มเขาจนได้แผลเห็นเลือด ลูอี้อาจจบการทุบตีได้โดยวิ่งหนีหรือร�่ำไห้ แต่เขาไม่ท�ำทั้งสองอย่าง ซิลเวียกล่าวว่า “ทุบตีเขาให้ตาย เขาไม่ส่งเสียง โอดโอยหรือร้องไห้” ลูอี้เพียงแค่ยกมือปิดหน้า รับการลงทัณฑ์ * * * เมือ่ ลูอยี้ า่ งเข้าวัยรุน่ เขาเลือกทิศทางใหม่ แยกตัวโดดเดีย่ วและเกรีย้ วกราด เขาซุม่ เงียบอยูช่ ายขอบเมืองทอร์แรนซ์ ผูกมิตรกับพวกเด็กแสบนักเลงหัวไม้ ทีพ่ ร้อมจะเชือ่ ฟังรับค�ำสัง่ จากเขา ช่วงนีล้ อู มี้ โี รคกลัวเชือ้ โรค ถึงขัน้ ไม่ยอม ให้ใครเข้าใกล้อาหารของเขา เขาอาจท�ำตัวให้เป็นเด็กน่ารักได้ แต่บอ่ ยครัง้ ที่จะฉุนเฉียวโกรธง่ายและดื้อรั้นต่อต้าน เขาแสร้งท�ำเป็นแกร่งกร้าน แต่ 23
ไม่มีวันดับสูญ
ทุกข์ระทมในใจ เด็กคนอื่นๆ ที่เดินผ่านหน้าไปงานปาร์ตี จะเห็นเขาเตร่ อยู่หน้าบ้าน รวบรวมความกล้าที่จะเดินเข้าไปในงาน ลูอี้หงุดหงิดต่อความอ่อนปวกเปียกป้องกันตัวเองไม่ได้ เขาศึกษา หาความรู้จริงจัง พ่อสอนให้ชกกระสอบทราย และท�ำบาร์เบลจาก กระป๋องกาแฟอัดด้วยดีบุกสองใบเชื่อมต่อกับท่อ คราวถัดไปที่อันธพาล ปรี่เข้ามาหาลูอี้ เขาโน้มตัวหลบลงต�่ำทางซ้าย หมัดขวาเหวี่ยงเข้าปาก หมอนั่น อันธพาลกรีดร้อง ฟันหลุด วิ่งหนีไป ความสุขซ่านจนตัวเบาที่ ลูอี้รู้สึกในตอนเดินกลับบ้าน เป็นประสบการณ์ที่เขาไม่มีวันลืม เวลาผ่านไป อารมณ์ของลูอี้ฉุนเฉียวกว่าเดิม ฟิวส์สั้นยิ่งขึ้น และ ทักษะจัดจ้านกว่าก่อน เขาผลักอกครู ขว้างต�ำรวจด้วยมะเขือเทศเน่า ชก ปากผูห้ ญิง เด็กเป-ตคนไหนขวางทาง ได้กลับบ้านพร้อมปากเจ่อ อันธพาล หลีกห่างไม่กรายมาใกล้ลูอี้ คราวหนึ่ง เขาเดินมาพบพีตที่สนามหน้าบ้าน มีเรื่องกับเด็กอีกคน คู่กรณีตั้งการ์ด ยกก�ำปั้นสองข้างจดคาง ถลึงตา จ้องมองกัน รอว่าฝ่านยไหนจะหาเรื่องก่อน ลูอี้ทนไม่ไหว แผดเสียงร้อง “พีต, ชกมันเลย ชกมันเลย!” ทั้งสองยังถลึงตาเข้าใส่กัน ลูอี้วิ่งอ้อมหลัง ชกเข้าท้องคู่ปรับของพี่ชาย...แล้ววิ่งหนีสุดฝีเท้า แอนโธนี แซมเปอรินจี นปัญญาแล้ว ต�ำรวจจะเดินขึน้ ระเบียงหน้าบ้าน มาเคาะประตูเสมอ พยายามสอนสั่งห้ามปรามลูอี้ มีเพื่อนบ้านนับไม่ถ้วน รอท่าค�ำขอโทษ และรอรับค่าสินไหมทดแทน เงินทองที่แอนโธนีไม่มีพอ จะจ่ายได้อีกแล้ว เขารักลูกชาย แต่เอือมพฤติกรรมเต็มแก่ บ่อยครั้งที่ ตีสั่งสอน กลางดึกคืนหนึ่ง เขาพบลูกชายมุดออกหน้าต่างห้องนอน เขา ง้างเท้าเตะเต็มรักจนร่างลูกชายลอยขึ้นจากพื้น ลูอี้รับการลงโทษเงียบงัน ไร้น�้ำตา แต่ก็ทำ� เรื่องร้ายซ�ำ้ อีกครั้ง เพียงเพื่อพิสูจน์ว่าท�ำได้ หลุยส์เลือกเส้นทางอีกสาย ลูอเี้ ป็นส�ำเนาถูกต้องทุกประการของเธอ รวมถึงดวงตาสีฟา้ หากมีใครผลัก เธอถีบ พ่อค้าขายเนือ้ ใกล้บดู เธอตรง ไปหา กระทะเหล็กกระชับมัน่ ในมือ เธอโปรดปรานการเล่นตลกร้าย เอา 24
ลอรา ฮิลเล็นแบรนด์
กล่องกระดาษมาฉาบด้วยเคลือบครีมไอซิง่ มอบเป็นเค้กวันเกิดให้เพือ่ นบ้าน ทีจ่ ะรูค้ วามจริงเมือ่ มีดตัดติดอยูใ่ นเค้ก เมือ่ พีตรับค�ำท้าว่าจะดืม่ น�ำ้ มันละหุง่ (เพือ่ การขับถ่าย) หากแม่สญ ั ญาว่าจะมอบกล่องขนมหวานให้ เธอยืนมอง ลูกชายคนโตดื่มน�้ำมันละหุ่งจนหมดแก้ว ยื่นกล่องเปล่าให้ “ลูกบอกว่า อยากได้กล่องนี,่ ทีร่ กั ” เธอกล่าวพร้อมรอยยิม้ ละไม “แม่มแี ค่กล่องเปล่า เหลืออยู”่ หลุยส์เข้าใจอาการว้าวุน่ พลุกพล่านของลูอดี้ ี คืนฮัลโลวีนปีหนึง่ เธอแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายออกไปเร่ขอขนมหวานตามบ้านร่วมกับลูอี้และพีต แก๊งเด็กแสบคิดว่าเธอเป็นคนในเมือง เข้ามาแย่งชิงขนมหวานและปล้นชิง กางเกงทีส่ วมใส่อยู่ หลุยส์รา่ งเล็กคุณแม่ลกู สีห่ ว่านก�ำปัน้ ไปรอบข้างในยาม ที่ตำ� รวจมารวบตัวเด็กแสบในข้อหาก่อการทะเลาะวิวาท หลุยส์ทราบดีว่าการท�ำโทษลูอี้ รังแต่จะยั่วให้เขาต่อต้าน เธอหัน ไปหาเส้นทางอื่นที่จะดัดนิสัยลูก เธอเสาะหาสายข่าว เธอโน้มน้าวจูงใจ เพื่อนร่วมโรงเรียนของลูอี้ด้วยขนมพาย จนได้ตัวฮิวจ์ผู้โปรดปรานขนม หวาน นับจากนั้นเป็นต้นมา หลุยส์รู้ทุกการเคลื่อนไหวของลูอี้จนลูกๆ เริ่มสงสัยว่าแม่มีพลังจิต ก็จริงที่ซิลเวียเป็นคนปากโป้ง ทราบเรื่องใดของ ลูอี้ ต้องน�ำไปฟ้องแม่ ลูอไี้ ม่ยอมนัง่ ร่วมโต๊ะอาหารกับน้องสาว แยกตัวไป นัง่ กินอาหารคนเดียวหน้าเตาอบในห้องครัว เขาเดือดจัดจนวิง่ ไล่ขบั น้องสาว ครั้งหนึ่งและครั้งเดียวที่ซิลเวียวิ่งเข้าซอย รอดพ้นจากมือพี่ชาย เธอมุด เข้าไปในเพิงเครื่องมือของพ่อ ลูอี้ปล่อยสัตว์เลี้ยงแสนรัก...งูยาวสามฟุต เข้าไปไล่นอ้ งสาวออกจากใต้ถนุ เตีย้ ซิลเวียหนีกระเจิงไปขังตัวเองในรถยนต์ ของครอบครัว ไม่ยอมออกจากรถตลอดทั้งบ่าย “ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เรื่อง คอขาดบาดตาทีเดียว” เธอให้ความเห็นในอีกเจ็ดสิบห้าปีให้หลัง ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน หลุยส์ไม่อาจเปลี่ยนนิสัยลูอี้ได้ เขา หนีออกจากบ้าน เที่ยวพล่านในซานดิเอโกนานหลายวัน ซุกหัวนอนใต้ ทางยกระดับ เขาพยายามขี่วัวในทุ่ง โดนวัวสลัดให้ตกลงไปในซาก ต้นไม้ เดินกะเผลกกลับบ้านด้วยบาดแผลที่หัวเข่า รัดแผลห้ามเลือดด้วย 25
ไม่มีวันดับสูญ
ผ้าเช็ดหน้า การเย็บแผลยี่สิบเจ็ดเข็มไม่ท�ำให้ลูอี้เชื่อง เขาหวดก�ำปั้นใส่ เด็กคนหนึ่งจนจมูกหัก จับเด็กอีกคนเหวี่ยงตีลังกา เอากระดาษยัดปาก พ่อแม่ในละแวกนั้นสั่งห้ามลูกกรายเข้าใกล้ลูอี้ ชาวไร่เดือดจัดที่ลูอี้ขโมย ข้าวของในไร่ บรรจุเกลือเม็ดในกระสุนลูกซอง ยิงบั้นท้ายไล่หลัง ลูอี้ ชกต่อยเด็กคนหนึ่งยับเยิน ทิ้งเด็กสิ้นสติไว้ในท้องร่องข้างถนน เกรงไปว่า เด็กคนนั้นคงตายไปแล้ว หลุยส์ร้องไห้โฮในทันทีที่เห็นก�ำปั้นโชกเลือด ของลูกชาย * * * ในวันที่ลูอี้เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายทอร์แรนซ์ เขาไม่เหลือเค้าหน้า เด็กซนอีกแล้ว แต่เป็นหนุ่มน้อยอันตราย โรงเรียนมัธยมปลายจะเป็น ระดับการศึกษาสูงสุดของลูอี้ เพราะไม่มีเงินพอจะส่งเสียเขาเข้าเรียน มหาวิทยาลัยได้ เงินค่าจ้างของแอนโธนีจะหมดลงก่อนวันสุดสัปดาห์ บีบ บังคับให้หลุยส์ต้องปรุงอาหารด้วยมะเขือ นม ขนมปังชืด เห็ดป่า และ กระต่ายที่ลูอี้กับพีตล่ามาได้ คะแนนการเรียนคาบเส้น ไร้ทักษะพิเศษ ลูอี้ไม่มีหวังจะได้ทุนการศึกษา และก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะได้งานท�ำ ช่วงเศรษฐกิจตกต�่ำมาเยือน อัตราคนว่างงานสูงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ลูอี้ ไม่มีความทะเยอทะยานใดๆ ในใจ หากรบเร้าซักถาม ค�ำตอบของเขา ก็คงเป็นว่า ‘เคาบอย’ ในทศวรรษ 1930 อเมริกาหลงใหลได้ปลื้มกับ ‘วิทยาศาสตร์ปลอม’ เรือ่ ง การปรับปรุงลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์ (eugenics) โดยการ ก�ำจัด ‘พวกไม่สมประกอบ’ ให้พน้ ไปจากแอ่งพันธุกรรม ได้แก่ พวกสติฟน่ั เฟือน คนบ้า อาชญากร สตรีที่มีกิจกรรมทางเพศนอกกรอบการสมรส (ถือเป็นความป่วยไข้ทางจิต) เด็กก�ำพร้า คนพิการ คนยากจน คนไร้บา้ น คนป่วยโรคลมชัก คนส�ำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง คนตาบอด คนหูหนวก 26
ลอรา ฮิลเล็นแบรนด์
คนติ ด สุ ร าเรื้ อ รั ง ผู ้ ห ญิ ง ที่ เ ครื่ อ งเพศขนาดใหญ่ เ กิ น เกณฑ์ ที่ ก� ำ หนด นั ก ปรั บ ปรุ ง ลั ก ษณะพั น ธุ ก รรมเสนอวิ ธี ก ารุ ณ ยฆาต หรื อ ขั ง ลื ม ไว้ ใ น โรงพยาบาลโรคจิต ปล่อยให้เจ้าหน้าทีโ่ รงพยาบาลก�ำจัดได้อย่างเงียบเชียบ หรื อ ไม่ ก็ ล ะทิ้ ง ไม่ ใ ส่ ใจจนตายไปเอง โรงพยาบาลโรคจิ ต แห่ ง หนึ่ ง ใน อิลลินอยส์ให้คนไข้ทรี่ บั เข้ามาใหม่ดมื่ นมวัวทีป่ ว่ ยเป็นวัณโรค ด้วยความเชือ่ ว่าจะมีแต่บคุ คลไม่พงึ ประสงค์เท่านัน้ ทีจ่ ะเสียชีวติ คนไข้สใี่ นสิบคนเสียชีวติ เครื่องมือยอดนิยมของนักปรับปรุงลักษณะพันธุกรรม จะเป็นการบังคับ จับตอน เจ้าหน้าที่ทั้งคณะและเครื่องมือจะติดตั้งบนแพ กวาดต้อน อันธพาลหรือคนโชคร้ายที่หลุดไปอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ทางการให้ขึ้นแพ เมื่อถึงปี 1930 ลูอี้เติบใหญ่เป็นวัยรุ่น แคลิฟอร์เนียลุ่มหลงกิจกรรม ‘การปรับปรุงลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์’ จับประชาชนไปตอนราว สองหมื่นคน ในช่วงทีล่ อู เี้ ป็นวัยรุน่ เรือ่ งทีเ่ กิดในเมืองทอร์แรนซ์ท�ำให้เขาลืมตามา ดูโลกความเป็นจริง ลูกชายของเพื่อนบ้านได้รับการวินิจฉัยว่าปัญญาอ่อน ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลโรคจิต รอดพ้นการตอนอย่างฉิวเฉียด เพราะ พ่อแม่ต่อสู้ทางกฎหมายอย่างไม่ลดละ ผู้คนในละแวกบ้านบริจาคเงิน ช่วยเหลือในการสู้คดี เด็กคนนั้นผ่านการสอนพิเศษโดยน้องสาวของเขา กลายเป็นเด็กทีท่ ำ� คะแนนเต็มทุกวิชา ลูอเี้ องห่างจากห้องขังหรือสถานพินจิ แค่ลมหายใจรด เป็นตัวแสบก่อเรื่องราวไม่หยุดยั้ง นักเรียนคะแนน คาบเส้น และคนอิตาเลียนน่าสงสัย เขาเป็นคนประเภทที่นักปรับปรุง ลักษณะพันธุกรรมอยากก�ำจัดทิ้งให้เร็วที่สุด เมื่อตระหนักถึงความจริง เรื่องนี้ ลูอี้หวาดกลัวแทบขาดใจ เขารู้ดีว่า ลูอี้คนที่เป็นอยู่ คนที่คนอื่นมองเห็น ไม่ใช่ตัวตนแท้จริง ของเขา เขาเปลี่ยนนิสัยเสียใหม่ พยายามพูดจาภาษาคนกับผู้คนรอบข้าง เขาขัดพืน้ ห้องครัวเพือ่ ให้แม่ประหลาดใจ แต่แม่คดิ ว่าพีตเป็นคนท�ำ ในยาม ที่พ่อเดินทางไปนอกเมือง เขายกเครื่องรถครอบครัวมาร์มอน โรสเวลต์ 27
ไม่มีวันดับสูญ
สเตรต 8 ด้วยตนเอง เขาอบคุกกี้และแจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน ในยามที่ แม่เบื่อหน่ายความเลอะเทอะในครัว เตะโด่งลูกชายออกจากบ้าน เขาไป อบคุกกี้ในห้องครัวของเพื่อนบ้าน เขาแจกจ่ายสมบัติทุกอย่างที่ขโมยมา พีตกล่าวว่า “ลูอี้เป็นคนใจกว้าง แจกข้าวของทุกอย่างให้คนอื่นไปหมด... ไม่ว่าสมบัตินั้นจะเป็นของตัวเองหรือไม่ก็ตาม” ทุกคราวที่พยายามท�ำดี ผลจะออกมาในทางตรงกันข้าม ลูอี้จะ ปลีกตัวไปอยู่ตามล�ำพัง อ่านนิยายเคาบอยของเซน เกรย์ ฝันหวาน ว่าตัวเองเป็นเคาบอยมีม้าคู่ใจ จรม้าไปในแดนเถื่อนห่างไกลผู้คน เขาดู หนังจอห์น เวย์นทุกเรื่อง ไม่สนใจว่าเป็นเรื่องใด ขอให้มีฉากทุ่งกว้าง ดิ น แดนตะวั น ตกเป็ น พอ ในบางคื น เขาจะลากฟู ก ออกไปนอนบน สนามหญ้าใต้ดวงดาว บางคืน นอนเบิกตาโพลงบนเตียง มองจ้อง โปสเตอร์หนังเคาบอยทอม มิกซ์กับโทนี ม้าวิเศษคู่ใจ หดหู่อัดอั้นตันใจ เหมือนว่าตัวเขาเองถูกรัดรั้งกักไว้ในกับดักที่ไม่อาจสลัดหลุด ในห้องนอนด้านหลัง เขาได้ยินเสียงรถไฟ นอนข้างพี่ชายหลับใหล เขาจะเงี่ยหูฟังเสียงแผ่ว ดังขึ้นอีกนิด แผ่วจางไปแล้ว เสียงหวูดทุ้มหนัก แล้วหายเงียบไป เสียงที่ท�ำให้ขนลุก ลูอี้วาดภาพตัวเองบนรถไฟ ร่างโยก ไปกับจังหวะม้าเหล็ก เคลื่อนผ่านทุ่งกว้างที่จมอยู่ในความมืดมองไม่เห็น สิ่งใด ร่างเล็กลง เล็กลง ห่างไกลจนหายลับตา
28
สอง
วิ่งเหมือนบ้า
การดัดนิสัยของลูอี้ แซมเปอรินีเริ่มในปี 1931...ด้วยลูกกุญแจ หนุ่มน้อย ลูอี้อายุสิบสี่อยู่ในร้านช่างท�ำกุญแจ ได้ยินการสนทนาที่ว่า หากสอด ลูกกุญแจสักดอกเข้าไปในแม่กุญแจ มีโอกาสหนึ่งในห้าสิบที่จะสวมกัน ได้พอดี ลูอี้ได้แรงบันดาลใจ เริ่มสะสมลูกกุญแจ ทดลองอย่างไรก็ไม่มี โชค จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาน�ำกุญแจบ้านไปลองไขประตูหลังของโรงยิม โรงเรียนมัธยมปลายทอร์แรนซ์ เมือ่ ฤดูบาสเกตบอลเริม่ ขึน้ เกิดภาพขัดแย้ง ที่ยากอธิบายระหว่างจ�ำนวนตั๋วสิบเซ็นต์ที่ขายได้กับจ�ำนวนผู้ชมกลุ่มใหญ่ บนอัฒจันทร์ ปลายปี 1931 มีผู้สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล ลูอี้ ถูกลากตัวไปห้องครูใหญ่ครั้งที่นับไม่ถ้วน ในแคลิฟอร์เนีย เด็กที่เกิดใน ฤดูหนาวจะเลือ่ นชัน้ ใหม่ในเดือนมกราคม ดังนัน้ ลูอจี้ ะได้เลือ่ นขึน้ เกรดเก้า ครูใหญ่พิพากษาลงโทษห้ามขาดการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและกีฬา ลูอี้ผู้ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมใดอยู่แล้ว ไม่แยแสผลลัพธ์ เมือ่ พีตทราบเรือ่ ง เขาตรงดิง่ ไปยังห้องครูใหญ่ แม้วา่ แม่จะพูดภาษา 29
ไม่มีวันดับสูญ
อังกฤษไม่ได้มากนัก เขาลากเธอร่วมทางมาด้วย พีตแจ้งครูใหญ่ว่าลูอี้ ก่อเรื่องนับครั้งไม่ถ้วน เนื่องจากอยากได้ความสนใจ แต่ไม่เคยได้รับ ค�ำชมเชยไม่ว่ารูปแบบใด ดังนั้น ลูอี้ชดเชยโดยการเสาะหาการลงโทษ พีตชี้แจงว่า หากลูอี้ได้การยอมรับนับถือในเรื่องใดสักเรื่อง ชีวิตของเขา จะเปลี่ยนทิศ พีตร้องขอให้ครูใหญ่ให้โอกาสลูอี้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬา ครูใหญ่นิ่งไป พีตกล่าวต่อไปว่าครูใหญ่จะสบายใจไปกับแต่ละวันของชีวิต เชียวหรือถ้าปล่อยให้ลอู ลี้ ม้ เหลว? ค�ำกล่าวสุดห้าวของเด็กหนุม่ อายุสบิ หก ต่อครูใหญ่ แต่พตี เป็นเด็กคนเดียวในเมืองทอร์แรนซ์ทพี่ ดู อย่างนัน้ แล้วรอด ไปได้ เขาบอกครูใหญ่ด้วยน�้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นค�ำวิงวอน ลูอี้ได้ รับอนุญาตให้ลงเล่นกีฬาในปี 1932 พีตวางแผนส�ำคัญเพื่อลูอี้ ตัวเขาเองจบการศึกษามัธยมปลายปี 1931-32 ได้ตัวอักษรติดทีมโรงเรียนชุดใหญ่ 10 ตัว จากบาสเกตบอล 3 ตัว เบสบอล 3 ตัว...และ 4 ตัวจากกรีฑาซึ่งเป็นความถนัดแท้จริง พีตครองสถิติร่วมครึ่งไมล์ ท�ำสถิติหนึ่งไมล์ 5.06 นาที เขาหันไปหาลูอี้ การวิง่ หนีเอาชีวติ รอดตลอดมา พีตมองเห็นพลังและความเร็วในตัวน้องชาย เรื่องที่เกิดขึ้นจริง พีตไม่ใช่คนแรกที่ดึงลูอี้ลงมาในลู่กรีฑา หากแต่ เป็นสาวๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ สาวเกรดเก้าจัดตั้งทีมกรีฑาเพื่อเข้าร่วม แข่งกรีฑาโรงเรียนทุกชั้นปี ในเกรดเก้ามีผู้ชายเพียงสี่คน และลูอี้ขายาว เป็นเพียงคนเดียวที่น่าจะลงวิ่งแข่งขันได้ สาวๆ โปรยเสน่ห์ ลูอี้รู้สึกตัว อีกครั้งมายืนในลู่วิ่ง เท้าเปล่า ลงแข่ง 660 หลา ทุกคนออกวิ่ง ลูอี้วิ่ง ตามหลัง ศอกกางอ้า อ่อนแรงรั้งท้ายขบวน เข้าเส้นชัยอันดับท้ายสุด ได้ยนิ เสียงโห่ฮาเย้ยหยัน ลูออี้ บั อาย วิง่ ออกจากลู่ ไปซ่อนตัวใต้อฒ ั จันทร์ โค้ชงึมง�ำว่าไอ้หนูคนนั้นไปท�ำอะไรอื่นก็ได้ ยกเว้นบนลู่วิ่ง พีตตอบว่า “เขาเป็นน้องชายของผม” นับจากวันนั้น พีตถล่มลูอี้อย่างหนัก บังคับให้ฝึกซ้อม ลากตัวมา ลงแข่งขันครั้งที่สอง จากเสียงเชียร์ข้างสนาม ลูอี้ฮึดขึ้นมาอีกนิด วิ่งแซง 30
ลอรา ฮิลเล็นแบรนด์
เด็กคนหนึ่ง เข้าเส้นชัยเป็นที่สาม ลูอี้เกลียดการวิ่ง แต่เสียงปรบมือ ซาบซ่านในหัว ชวนให้อยากเสพความสุขนั้นอีกครั้ง เพียงแค่นึกถึงก็พอ จะจูงใจให้ฝกึ ซ้อมพอประมาณ พีตเคีย่ วเข็ญให้นอ้ งชายซ้อมวิง่ ทุกวัน เขา ขี่จักรยานเคียงข้าง ใช้ไม้ไล่ตี ลูอี้วิ่งลากเท้า ท้องจุกเสียด หยุดเท้าใน ทันทีที่รู้สึกเหนื่อยล้า พีตบังคับให้ลุกขึ้นมาวิ่งต่อไป ลูอี้ได้สัมผัสชัยชนะ บ้างแล้ว เขาเป็นนักเรียนมัธยมปลายทอร์แรนซ์คนแรกที่ได้เข้าร่วมชิงชัย ระดับมหานคร เขาเข้าเส้นชัยอันดับห้า พีตสายตาแหลมคมมองเห็นศักยภาพในตัวน้องชาย แต่ในความคิด ของลูอี้ การฝึกซ้อมเป็นแต่เพียงข้อจ�ำกัดอีกเรื่อง ในยามค�ำ่ คืน เขาเงี่ยหู ฟังเสียงหวูดรถไฟทีแ่ ล่นผ่านกลางดึก วันหนึง่ ในฤดูรอ้ นปี 1932 เขาอดทน ข่มใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว * * * จุดแตกหักเกิดจากงานในบ้านทีพ่ อ่ สัง่ ให้ทำ� ลูอตี้ อ่ ต้าน มีปากเสียงเผ็ดร้อน ลูอี้เก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า กระทืบเท้ามุ่งหน้าไปหาประตูหน้าบ้าน พ่อแม่ สั่งให้หยุด แต่เขาเดือดจัดเกินกว่าจะรับฟังค�ำอ้อนวอนใดๆ ในขณะที่เขา เดินออกจากบ้าน แม่วิ่งกลับเข้าห้องครัว กลับออกมาพร้อมกับแซนด์วิช ห่อด้วยกระดาษไข ลูอี้เก็บลงกระเป๋าและเดินออกจากบ้าน เขาเดินไปได้ ครึง่ ทาง พ่อส่งเสียงเรียก หน้าหมอง ยืน่ เงินสองดอลลาร์ในมือให้ลกู ชาย เงินก้อนโตส�ำหรับหัวหน้าครอบครัวที่ค่าจ้างไม่เคยเหลือถึงวันสุดสัปดาห์ ลูอี้รับเงินเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง เดินออกจากบ้าน เขาป่าวร้องเรียกเพื่อนร่วมแก๊ง พวกเขาโบกรถเข้าลอสแองเจลีส งัดประตูรถจอดข้างถนน เข้าไปนอนบนเบาะ วันถัดมา พวกเขากระโดด เกาะขบวนรถไฟ นั่งบนหลังคา มุ่งหน้าขึ้นเหนือ การเดินทางเที่ยวนั้นเป็นฝันสยอง พวกเขาเข้าไปในตู้สินค้า ประตู 31
ไม่มีวันดับสูญ
ปิดล็อก ร้อนจัดจนต้องดิ้นตายหาทางออก ลูอี้ได้แผ่นโลหะ ยืนบนบ่า ของเพื่อน งัดแงะจนได้ช่องเปิดในหลังคา พวกเขามุดออกมา ช่วยดึง เพื่อนขึ้นมานั่งบนหลังตู้สินค้า ได้แผลเหวอะหวะทั่วร่าง นายตรวจรถไฟ มองเห็น ปืนกระชับมัน่ ในมือ กดดันให้โดดลงในขณะทีร่ ถไฟแล่น พวกเขา เดินเท้ากันนานหลายวัน โดนไล่ขับออกจากสวนผลไม้และร้านช�ำจากการ พยายามขโมยอาหาร ขบวนเด็กหนุ่มหนีออกจากบ้านจบลงที่ลานรถไฟ เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ฟกช�้ำด�ำเขียว แดดเผา ร่างเปียกโชก แบ่งปัน ถั่วกระป๋องเดียวที่ขโมยมาได้ รถไฟแล่นผ่าน ลูอี้เงยหน้ามอง “ผมเห็น... ผ้าปูโต๊ะสีขาว แก้วคริสตัลบนโต๊ะอาหาร ผู้คนหัวเราะดื่มกินมีความสุข” เขาทบทวนความจ�ำ “ขณะที่ผมนั่งหนาวสั่น หยิบกินถั่วจากกระป๋อง น่าสังเวช” เขานึกถึงภาพธนบัตรในมือพ่อ และความหวาดหวั่นใน แววตาของแม่ในขณะที่แม่ยื่นส่งแซนด์วิชให้ ลูอี้ลุกขึ้น เดินมุ่งหน้า กลับบ้าน ในยามทีล่ อู เี้ ดินเข้ามาในบ้าน หลุยส์โอบกอดลูกชายไว้ ผลักร่างออก เพื่อดูว่าได้รับบาดเจ็บที่ใดบ้าง เธอลากลูกชายเข้าไปในห้องครัว หา คุกกี้ให้ เมื่อแอนโธนีกลับเข้าบ้าน พบลูอี้ ใบหน้าของพ่ออ่อนโยนด้วย ความโล่งอก หลังอาหารเย็น ลูอี้เดินขึ้นชั้นบน ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง กระซิบยอมแพ้ต่อพีตผู้เป็นพี่ชาย * * * ฤดูร้อนปี 1932 ลูอี้แทบไม่ท�ำอื่นใดนอกจากการวิ่ง จากค�ำเชิญของ เพื่อน ลูอี้ไปพักที่กระท่อมในนิคมอินเดียนแดงคาวีญาทางตอนใต้ของ ทะเลทรายแคลิฟอร์เนีย ทุกเช้า ลูอตี้ นื่ พร้อมดวงอาทิตย์ คว้าไรเฟิล และ วิ่งเหยาะไปในพงพุ่มเซจบรัช เขาวิ่งขึ้นเนินลงเนิน วิ่งตัดผ่านทะเลทราย วิ่งลงห้วย วิ่งไล่ฝูงม้าป่า ฝ่าเข้าไปในฝูง พยายามคว้าขนคอม้าตวัดตัวขึ้น 32
ลอรา ฮิลเล็นแบรนด์
นั่งบนหลัง เขาว่ายน�ำ้ ในธารอวลกลิ่นก�ำมะถัน โดยมีผู้หญิงอินเดียนแดง คาวีญา นั่งทุบผ้าบนก้อนหินมองตาม เขานอนแผ่หลาบนก้อนหินให้ แดดเผาจนตัวแห้ง ตอนบ่ายเขาวิ่งกลับกระท่อม ยิงกระต่ายเป็นอาหาร มื้อเย็น ตอนย�่ำเย็น เขาจะปีนไปบนหลังคากระท่อม นอนอ่านนิยายของ เซน เกรย์ เมือ่ อาทิตย์จมดวง ตัวอักษรเลือนไปทีละน้อย เขากวาดสายตา มองทิวทัศน์ ดืม่ ด�ำ่ ไปกับความงามรอบข้าง จากเงาตะคุม่ สีเทาเปลีย่ นเป็น ม่วงเข้ม จนความมืดมิดกลืนแผ่นฟ้าและผืนดินเข้าเป็นเนือ้ เดียวกัน เช้าตรู่ เขาออกวิ่งอีกครั้ง ไม่ได้วิ่งเพื่อการใดหรือวิ่งมุ่งหน้าไปที่ไหน ไม่ได้วิ่ง เพื่อใครหรือหลบหนีผู้ใด...วิ่ง เพราะนั่นเป็นเสียงเรียกร้องของร่างกาย ความว้าวุน่ งุน่ ง่าน ความประหม่าขวยเขิน ความกราดเกรีย้ วต่อต้านแข็งขืน สลายหายไปสิ้นแล้ว ลูอี้รู้สึกเพียงแค่ความสุขสงบ เขากลับบ้านด้วยความหลงใหลการวิ่ง พลังทั้งมวลที่เขาเคยทุ่มเท ให้กับการขโมย บัดนี้ เทลงมาให้การวิ่ง พีตบอกเส้นทาง ลูอี้วิ่งส่ง หนังสือพิมพ์ ทอร์แรนซ์ เฮรัลด์ ทั้งสายแทนพี่ชาย เขาวิ่งไปวิ่งกลับจาก โรงเรียน วิ่งไปยังชายหาดและวิ่งกลับบ้าน เขาแทบไม่ได้สัมผัสทางเท้า ในเมือง ออกวิง่ ได้จะตัดเข้าสูส่ นามหญ้าของเพือ่ นบ้าน กระโดดข้ามสุมทุม พุม่ ไม้ เขาละเลิกการสูบบุหรีก่ ารดืม่ สุรา และเพือ่ ขยายความจุของปอด เขา ไปยังสระว่ายน�้ำสาธารณะที่เรดอนโดบีช ด�ำน�้ำลงไปที่ก้นสระ เกาะเกี่ยว สะดือสระไว้ ปล่อยตัวให้ลอยอยู่ในน�้ำ หน่วงเวลาอยู่ใต้สระนานขึ้น ทีละน้อย ในท้ายทีส่ ดุ เขาด�ำน�ำ้ ในสระได้นานสามนาทีสสี่ บิ ห้าวินาที ผูค้ น รอบสระมักจะกระโจนลงไปช่วยเขาให้รอดจากการจมน�้ำตายเสมอ ลูอี้ได้ผู้ที่เขาชื่นชมศรัทธาแล้ว ในทศวรรษ 1930 กรีฑาได้รับ ความนิยมสูง นักวิ่งระดับดาราเป็นชื่อที่ทุกครัวเรือนพูดถึง หนึ่งในนั้น เป็นนักวิ่งหนึ่งไมล์จากมหาวิทยาลัยแคนซัส ชื่อว่า เกลนน์ คันนิงแฮม เมื่อครั้งยังเด็ก คันนิงแฮมอยู่ในเหตุระเบิดในโรงเรียน คร่าชีวิตพี่ชายของ เขา ตัวเขามีไฟลวกขาและล�ำตัว รักษาตัวนานหนึง่ เดือนครึง่ พอจะลุกนัง่ ได้ 33
ไม่มีวันดับสูญ
และใช้เวลาอีกนานก่อนจะยืนได้อกี ครัง้ ในเมือ่ ยืดเหยียดขาไม่ได้ คันนิงแฮม เรียนรูท้ จี่ ะเคลือ่ นออกจากทีโ่ ดยการพิงเก้าอี้ ขาปัดเป๋ดนั ตัวให้เคลือ่ น เขา เลื่อนชั้นขึ้นมาจับหางลาของครอบครัว และไต่ระดับมาถึงการเกาะหาง ม้าใจดีชื่อ เพนต์ เขาเริ่มออกวิ่ง ทุกก้าวเจ็บปวดสาหัส ไม่กี่ปีต่อมา เขาลงแข่ง และครองสถิติหนึ่งไมล์ ทิ้งคู่แข่งไว้ลิบลับ เมื่อถึงปี 1932 คันนิงแฮมคนถ่อมตัวอารมณ์เยือกเย็น เท้าและแผ่นหลังมีรอยแผลเป็น จากไฟลวก กลายเป็นทีก่ ล่าวขวัญทัว่ ประเทศ ไม่นาน เป็นนักวิง่ หนึง่ ไมล์ ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ลูอี้ได้วีรบุรุษในใจแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงปี 1932 พีตไปเรียนต่อในวิทยาลัยคอมป์ตัน วิทยาลัย ที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียน เขาเป็นนักวิ่งดาราดวงเด่นของวิทยาลัย ทุกบ่าย พีตจะกลับบ้านเพื่อมาฝึกสอนน้องชาย วิ่งเป็นเพื่อน สอนให้เก็บข้อศอก ไม่ให้กางอ้า สอนกลยุทธ์การวิ่ง ลูอี้ได้เปรียบเชิงกลชีวะ เอวจะบิดหมุน ไปพร้อมกับก้าววิ่ง ในยามที่เท้าข้างหนึ่งสืบไปข้างหน้า บั้นเอวจะบิดตาม ไปด้วย ให้ประสิทธิภาพเรียบลืน่ เป็นพิเศษ...ช่วงก้าวเจ็ดฟุต เชียร์ลดี เดอร์ มัธยมปลายทอร์แรนซ์, ทูตส์ บาวเออร์ซ็อกซ์ นั่งมองเขาจากอัฒจันทร์ บรรยายด้ ว ยค�ำ อุ ท านว่ า “เรี ย บลื่ น !” พี ต คิ ด ว่ า การวิ่ ง ระยะสั้ น นั้ น สั้นเกินไปแล้วส�ำหรับลูอี้...ลูอิส แซมเปอรินี เหมาะแก่การวิ่งหนึ่งไมล์ เหมือนเกลนน์ คันนิงแฮม เดื อ นมกราคม 1933 ลู อี้ ขึ้ น เกรดสิ บ ไม่หลงเหลือความเฮี้ยว การปลีกตัวโดดเดี่ยวอีกแล้ว เขาได้รับค�ำเชิญให้เข้ากลุ่มคนดังในเมือง พวกเขาเชิญลูอี้ไปงานถั่วไส้กรอก ลูอี้ร้องเพลงคลออูเคเลเลหน้าร้าน ไส้กรอกเคลเลอร์ เล่นฟุตบอลแตะตัวที่ใช้ผ้าขนหนูมัดเป็นก้อนแทน ลูกฟุตบอล งานนี้จบลงโดยการจับตัวเชียร์ลีดเดอร์ยัดลงถังขยะ ลูอี้ใช้ ประโยชน์จากกระแสนิยม สมัครเข้าชิงต�ำแหน่งประธานนักเรียน และได้ ครองต�ำแหน่งสมใจ (ใช้สุนทรพจน์ที่พีตใช้รณรงค์ชิงต�ำแหน่งประธาน นักศึกษาวิทยาลัยคอมป์ตันได้ในที่สุด) เหนือสิ่งอื่นใด สาวๆ ฝันหวานถึง 34
ลอรา ฮิลเล็นแบรนด์
ลูอี้ ระหว่างที่เดินกลับบ้านตามล�ำพังในวันเกิดอายุครบสิบหก กลุ่มสาว เชียร์ลีดเดอร์หัวเราะคิกคักซุ่มโจมตี สาวคนหนึ่งนั่งคร่อมทับร่างลูอี้ให้ เพือ่ นๆ ตีกน้ ลูอสี้ บิ หกครัง้ และแถมอีกครัง้ ส�ำหรับหนึง่ ปีทจี่ ะมุง่ หน้าไปหา ฤดูกาลกรีฑาเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ ลูอี้อยากทราบว่าการฝึกซ้อม ที่ผ่านมาจะให้ผลใดบ้าง การแปลงโฉมของเขาน่าตื่นตาตื่นใจ เขาสวม กางเกงวิ่งเนื้อแพรสีด�ำ (มารดาตัดเย็บให้จากกระโปรงเก่า) ลูอี้ชนะการ แข่งขัน 880 หลา ท�ำลายสถิติโรงเรียน (พีตครองสถิติร่วม) ไปสองวินาที หนึง่ สัปดาห์ถดั มา เขาทิง้ นักวิง่ หนึง่ ไมล์ทงั้ กลุม่ ไว้เบือ้ งหลัง หยุดนาฬิกาที่ 5:03 นาที เร็วกว่าสถิติเดิมของพีตสามวินาที ในการแข่งอีกครั้ง เขา ท�ำเวลาหนึ่งไมล์ได้ 4:58 สามสัปดาห์ต่อมา ลูอี้ท�ำสถิติรัฐแคลิฟอร์เนีย 4:50.6 ถึงต้นเดือนเมษายน เขาเร็วขึ้น ท�ำเวลาที่ 4:46 ปลายเดือน เมษายน 4:42 “เฮ้ย! เฮ้ย!” หนังสือพิมพ์ทอ้ งถิน่ ลงตีพมิ พ์ “เจ้าหนูคนนี้ บินได้หรือไง? ใช่แล้ว, นั่นหมายถึงเจ้าหนูแซมเปอรินี!” แทบทุกสัปดาห์ ลูอลี้ งแข่งหนึง่ ไมล์ ไม่เคยแพ้ใครและสร้างสถิตใิ หม่ ในเมื่อไม่มีเด็กมัธยมปลายให้ปราบอีกแล้ว ลูอี้ลงแข่งกับพีตและนักศึกษา อีกสิบสามคนในการแข่งสองไมล์ที่วิทยาลัยคอมป์ตัน ลูอี้อายุแค่สิบหกปี และไม่เคยฝึกซ้อมการวิ่งสองไมล์มาก่อน เขาทิ้งนักวิ่งทั้งกลุ่มเกือบห้าสิบ หลา ความท้าทายถัดไป ลูอี้ลงแข่งวิ่งวิบากของมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ เขาวิ่งตามสบายผ่อนคลาย รู้สึกว่าเท้าแทบไม่แตะพื้น เขาออกวิ่งน�ำหน้า และฉี ก ตั ว ห่ า งไปทุ ก ขณะ ถึ ง จุ ด กึ่ ง กลางทาง เขาทิ้ ง นั ก วิ่ ง คนอื่ น ไว้ เบื้องหลังหนึ่งในแปดของไมล์ (ราว 220 หลา) ผู้สังเกตการณ์คาดว่าเด็ก หนุ่มคงทรุดฮวบให้เห็น แต่นักวิ่งกางเกงเนื้อแพรสีด�ำยังวิ่งต่อไป โบยบิน ผ่านเส้นชัย ท�ำสถิติเส้นทางนั้นเสียใหม่ เขาหันกลับไปมองทางตรงสู่เส้น ชัย ไม่เห็นนักวิง่ คนอืน่ แม้แต่คนเดียว ลูอไี้ ด้ชยั ชนะ ทิง้ คนอืน่ ไว้เบือ้ งหลัง ห่างออกไปกว่าเสี้ยวไมล์ (ราว 440 หลา)
35
ไม่มีวันดับสูญ
ลูอี้รู้สึกคล้ายจะหมดสติ แต่มิใช่เกิดขึ้นจากความเหน็ดเหนื่อย แต่ เป็นอาการสุขซ่าน ค้นพบตัวตนแท้จริงแล้ว
ลูอี้ชนะการวิ่งวิบาก (สองไมล์) ยูซีแอลเอในปี 1933 ทิ้งคู่แข่งไว้เบื้องหลังกว่าเสี้ยวไมล์ พีตวิ่งไล่หลังเพื่อมาแสดงความยินดี
36