The Wind-Up Bird Chronicle

Page 1




บันทึกนกไขลาน สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 © ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ ลิขสิทธิ์ภาษาไทย © นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์ พ.ศ. 2559


บันทึกนกไขลาน The Wind-Up Bird Chronicle Haruki Murakami เขียน นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์ แปล บรรณาธิการ บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการจัดการ ออกแบบปก รูปเล่ม พิสูจน์อักษร

จินตนา เวชสวัสดิ์ อธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง มณฑา มัญชุนากร ศรรวริศา เมฆไพบูลย์ พงศธร โชลิตกุล ศุภรักษ์ ปฐมกสิวัฒนา ปานอรุณ ชัยลักษณ์

NEJIMAKIDORI KURONIKURU by Haruki Murakami Copyright © 1994-95 Haruki Murakami All rights reserved. Originally published in Japan by SHINCHOSHA Publishing Co., Ltd., Tokyo Thai translation rights arranged with Haruki Murakami through THE SAKAI AGENCY and SILKROAD AGENCY. พิมพ์ครั้งที่ 1 (ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่) : กรกฎาคม 2559 การจัดพิมพ์ครั้งก่อนหน้า : กันยายน 2549 (ส�ำนักพิมพ์แม่ไก่ขยัน) ISBN 978-616-7591-55-1 ราคา 600 บาท


จัดพิมพ์โดย : ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ธัญบุรี ปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432 โทรสาร : 02 996 1514 Facebook : http://www.facebook.com/GammeMagieEditions Email : gammemagie@gammemagie.com Homepage : http://www.gammemagie.com พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด ภาพพิมพ์ 45/12-14, 33 หมู่ที่ 4 ต�ำบลบางขนุน อ�ำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ : 02 879 9154-6 โทรสาร : 02 879 9153 Homepage : http://www.parbpim.com จัดจ�ำหน่ายทั่วประเทศโดย : บริษัทเคล็ดไทย จ�ำกัด 117-119 ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ : 02 225 9536-9 โทรสาร : 02 222 5188 Homepage : http://www.kledthai.com


ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ อา...บันทึกนกไขลาน เรากับเจ้ารูจ้ กั กันมาเนิน่ นาน นับย้อนไปเมือ่ นัง่ อ่านฉบับตีพมิ พ์ครัง้ แรก โดยส�ำนักพิมพ์แม่ไก่ขยัน (โดยมีมติชนหนุนหลัง) เมื่อปี พ.ศ. 2549 ในตอนนั้นไม่เคยสังหรณ์ใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีโอกาสสลับต�ำแหน่งมา เป็นส�ำนักพิมพ์ผู้จัดพิมพ์ในอีกสิบปีต่อมา และขอสารภาพกันตามตรงว่า เมื่อ ตอนทีเ่ ราเริม่ ตัง้ ไข่ หาญก้าวเข้ามาท�ำกิจการนี้ ในปี พ.ศ. 2551 ก็ ไม่คดิ ไม่ฝนั ว่า เราจะอึด จะสามารถอยู่ยั้งยืนยง กวาดเก็บพิมพ์ผลงานของฮารูกิ มูราคามิ จนเกือบครบ ทัง้ ทีเ่ คยตีพมิ พ์แล้วและทีเ่ ราตีพมิ พ์เองครัง้ แรก โดยได้รบั ความ สนใจทั้งจากนักอ่านหน้าเดิมแสนดีและหน้าใหม่ใสกิ๊งอย่างคึกคัก และแล้ว วันนี้ก็มาถึงจนได้ ถึงคิวของหนังสือเล่มหนามากเล่มนี้ เล่มที่ เราจัดไว้ ให้เป็นเล่มหลังๆ ส�ำหรับการตีพมิ พ์ครัง้ ใหม่ (แม้จะไม่หลังสุด เพราะมี เรือเชื่องช้าจากเมืองจีน ลอยล�ำตาปริบๆ รออยู่) โดยครั้งนี้มีการตรวจทาน ต้นฉบับแปลกับต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มเติมเสริมส่วนที่ขาดหายไปในฉบับ ภาษาอังกฤษอันเป็นฉบับต้นทางในการแปลฉบับพิมพ์แรกครั้งนั้น แน่นอนว่า แม้จะเคยอ่านแล้ว แต่เมื่อน�ำมาพิมพ์ ใหม่ จัดหน้าใหม่ มี เนื้อหาใหม่ ก็ย่อมต้องอ่านต้นฉบับใหม่อีกครั้ง การอ่านในฐานะนักอ่านกับการอ่านในฐานะส�ำนักพิมพ์ผู้จัดพิมพ์มีความ แตกต่างกัน ขณะอ่านในฐานะนักอ่าน เราติดตามเรือ่ งราวไปเรือ่ ยๆ เหนือ่ ยก็พกั


ไม่มีค�ำถามผุดขึ้นมาในใจ ไม่มีข้อสงสัยใดอื่น นอกจากเรื่องราวในเล่ม เวลา อ่านในฐานะคนอ่าน ไม่มีค�ำถามว่า คนอ่านคนอื่นๆ อ่านแล้วจะรู้สึกอย่างไร เป็นการอ่านแบบสันโดษ ขณะที่การอ่านในฐานะส�ำนักพิมพ์ผู้จัดพิมพ์ จะไม่ได้อ่านเพียงเอาเรื่อง เอาความสนุก แต่จะนึกด้วยว่าคนอ่านที่จะได้อ่าน เขาจะมีความรูส้ ึกเช่นเดียว กับเราหรือเปล่า บางครั้งอ่านไป หาเหตุผลรวมไปถึงอารมณ์ความรู้สึก เพื่อ ตอกย�้ำความมั่นใจไป บ่อยครั้งถามตัวเองว่าตัดสินใจผิ​ิดหรือไม่ที่จะลงทุนจัด พิมพ์เล่มนี้ เมื่อนึกถึงความหนา นิสัยการ (ไม่) อ่าน และสถานการณ์ทาง เศรษฐกิจ ส�ำหรับเล่มนี้ อ่านจบแล้ว ได้คำ� ตอบกับตัวเองว่า ไม่ผดิ เราไม่ได้ตดั สินใจ ผิดที่จัดพิมพ์ ยินดีและเป็นเกียรติเสียด้วยซ�้ำ ขอให้มีความสุขในการอ่าน (เช่นเดียวกับเรา)

ด้วยไมตรี

ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ กรกฎาคม 2559


ค�ำน�ำผู้แปล ผมถามตัวเองด้วยค�ำถามเดียวกับผู้อ่านที่เปิดมาถึงหน้านี้ “บันทึกของ คนสมัครใจว่างงาน อยูก่ บั บ้านเฉยๆ จะมีเรือ่ งราวเขียนได้มากมาย พอจะบรรจุ ลงในหนังสือเล่มโตได้เชียวหรือ?” ไม่น่าจะมี หรือถ้าจะมี ก็คงน่าเบื่อเป็นที่สุด ความเรียงของการตื่นมากินเช้า กิน กลางวัน กินเย็น แล้วก็เข้านอน หากจะมีได้ก็เป็นแต่เพียงเรื่องสุดสามัญ ผิดคาด ความธรรมดาสามัญสะดุดหยุดลงเพียงแค่ชื่อเรื่องเท่านั้น เปิดอ่านเข้าไปภายใน หนังสือเล่มนี้เป็นแค่เพียงทวาร...เปิดออกสู่โลก กว้างใหญ่ไพศาล ผืนผ้าใบมหึมาแต้มแต่งเรือ่ งราว ดินแดนจินตนาการทีเ่ รือ่ งราว ที่ ไม่น่าเป็นได้กลับมีเหตุผลสนับสนุนสมจริงสมจัง ค�ำถามได้ค�ำตอบชัดเจน ดัง่ ค�ำกล่าวของมิสเตอร์นกไขลานทีว่ า่ “โลกแคบเสียจัง โลกทีแ่ ทบหยุดนิง่ แต่ยงิ่ โลกแคบ ก็ยงิ่ ห่างไกลจากการหยุดอยูก่ บั ที่ โลกแคบของผม ผลิผดุ เรือ่ ง ประหลาดคนพิลกึ ทัง้ เรือ่ งทัง้ ผูค้ น ทีด่ เู หมือนจะรอคอยผมอยู่ ซุม่ อยู่ในเงามืด รอจนกว่าผมจะหยุดการเคลื่อนที่” เรื่องเพี้ยน คนพิลึก นับจากเรื่องราวหฤโหดกลางทุ่งหญ้าเวิ้งว้างที่ท�ำให้ความอยากอาหาร เหือดหายไปหลายวัน การปีนไต่ลงไปนัง่ ในบ่อน�ำ้ แห้งสามวันสามคืน บันไดเชือก ที่ปีนลงไป ถูกดึงขึ้นมาทิ้งไว้ปากขอบบ่อ สาวน้อยอายุสิบหกท�ำหน้าที่ส�ำรวจ ตลาดคนหัวล้าน และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ...ที่ท่านต้องอ่านเอง


ยั่วเย้ายวนใจ...เขาวงกตออกแบบโดยมาสเตอร์ ละม้ายคล้ายเคยคุ้น หากแต่แปลกพิลึก San Francisco Chronicle มหากาพย์...สลักเสลาจนยากจะกล่อมใจให้สงบได้ ไม่ต่างไปจากนกของแบรนคูซี New York Magazine ปริศนาล่อหลอกให้งงงวย ล่อผู้อ่านให้ถล�ำลึกเข้าไปในฉากแปรเปลี่ยน ของความเจ็บปวด และความทรงจ�ำ Los Angeles Times Book Review เจาะลึกเข้าไปในความลับ ฝังซ่อนในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น... แปลงเป็นภาษาร่วมสมัยให้น่าอ่าน Pico Iyer, Time ผลงานห้าว อ่านอิ่มอร่อย ไม่ว่าจะบรรยายให้แปลกพิสดารสักเท่าใด ท�ำนองการเล่าเรื่องไม่เคยละวางพลังดุดัน The New York Times Book Review


ผลงานมหึมา... ผืนผ้าใบขนาดใหญ่ขึงกาง จากแมนจูเรียไปถึงมอลตา เสียงในฉากหลัง จากเสียงนกแกรกกราก เรื่อยไปจนถึงกระดิ่งเลื่อนหิมะในไซเบอร์สเปซ นี่คือ นิยายเต็มรูปแบบ เรื่องราวของคนคนเดียว สอดเกี่ยวประสานเข้ากับ ชะตากรรมของประเทศชาติ ยากจะหาผลงานใดมาลบล้างได้ Kirkus Reviews ทุกสิ่งทุกอย่างใน บันทึกนกไขลาน เกี่ยวข้องพันผูกกับสรรพสิ่ง... สะท้อนกังวานในยุคสมัยของเรา ผ่านประวัติศาสตร์ วนเวียนในตัวผู้คน Boston Globe ใน บันทึกนกไขลาน มูราคามิสยายปีกแสนสวย โบยบินขึ้นกลางฟ้า Philadelphia Inquirer


สารบัญ ภาคหนึ่ง : นกแม็กพายขี้ขโมย (มิ ถุ น ายน ถึง กรกฎาคม 1984) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13

นกไขลานของวันอังคาร หกนิ้วกับนมสี่เต้า จันทร์เต็มดวงกับสุริยคราส เรื่องม้าล้มตายในโรงม้า หมวกของมอลตา คะโน เชอร์เบ็ตโทนและแอลเลน กินสเบิร์ก กับเดอะ ครูเซเดอร์ หอคอยสูงกับบ่อลึก หรือ ห่างแสนไกลจากโนมงฮัง เสพติดลูกอมรสมะนาว นกไร้การบินกับบ่อไร้น�้ำ ก�ำเนิดคูมิโกะ โอกาดะ กับ โนโบรุ วาทายะ เจ้าของร้านซักรีดผู้มีความสุข และ ครีตา คะโน เดินทางมาเยือน เรื่องราวชีวิตยืดยาวของครีตา การเสาะค้นเข้าไปในธรรมชาติ แห่งความเจ็บปวด ประจุไฟฟ้าไม่พออย่างยิ่ง และ ท่อระบายน�้ำใต้ดิน การส�ำรวจตลาดวิกผมของเมย์ คาซาฮาระ น้ามือทอง ความตายในอ่างอาบน�้ำ ผู้น�ำสารส่งของดูต่างหน้า เปิดตัวร้อยโทมามิยะ กลิ้งเกลือกในโคลนอุ่น โคโลญจน์ เรื่องเล่าของผู้หมวดมามิยะ : ภาค 1 เรื่องเล่าของผู้หมวดมามิยะ : ภาค 2

15 39 48 65 77 91 106 113 129 144 158 167 184

ภาคสอง : นกพยากรณ์ (กรกฎาคม ถึง ตุ ล าคม 1984) 1 2 3 4 5

ยืนยันแน่ชัดเท่าที่เป็นได้ หิวงานวรรณกรรม บทนี้ ไม่มีข่าวดี โนโบรุ วาทายะ เผยความในใจ นิทานเรื่องวานรบนเกาะอาจม รูปลักษณ์ในแสงสวรรค์พลันสิ้นสูญ กะหรี่ทางจิต ภาพเมืองไกลโพ้น จันทร์ครึ่งดวงค้างฟ้า บันไดเชือกตรึงติดที่

209 221 233 244 254


6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18

จัดการทรัพย์สินมรดก ภูมิแพ้แมงกะพรุน ความรู้สึกละม้ายการถอดถอน ย้อนอดีต บทสนทนาเรื่องการตั้งครรภ์ รากเหง้าแห่งความปรารถนา ในห้อง 208 เดินทะลุผนังห้อง บ่อน�้ำกับดวงดาว บันไดเชือกหายไปได้อย่างไร ถ้อยบรรยายของเมย์ คาซาฮาระ เรื่องความตายและวิวัฒนาการมนุษย์ สรรพสิ่งล้วนสร้างจากที่อื่น ความหิวเป็นความเจ็บปวด จดหมายขนาดยาวของคูมิโกะ นกพยากรณ์ ค้นพบเมื่อโกนหนวด ค้นพบเมื่อตื่นนอน ครีตา คะโน เล่าเรื่องต่อ จุดหมายใหม่ของครีตา คะโน ชื่อที่เหมาะสม ของที่ราดน�้ำมันสลัดแล้วเผา อุปมาคลาดเคลื่อน เรื่องเลวร้ายหนึ่งเดียวที่เคยเกิดขึ้นในบ้านของเมย์ คาซาฮาระ เมย์ คาซาฮาระ บรรยายก้อนเมือกเปียกเยิ้มและแหล่งก�ำเนิดความร้อน เรือ่ งง่ายสุดสามัญ การแก้แค้นในรูปแบบซับซ้อน สิง่ ทีอ่ ยู่ในกล่องกีตาร์ ข่าวจากครีตา คะโน สิง่ ทีห่ ล่นจากขอบโลก ข่าวดีบอกเล่าด้วยเสียงเล็ก

263 273 285 293 302 310 330 343 356 370 385 398 415

ภาคสาม : คนจับนก (ตุ ล าคม 1984 ถึง ธั น วาคม 1985) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12

(มุมมองชีวิตของเมย์ คาซาฮาระ หมายเลข 1) ปริศนาแห่งบ้านผูกคอตาย นกไขลานในฤดูหนาว ตื่นจากจ�ำศีลฤดูหนาว นามบัตรอีกใบ เงินไร้ชื่อเสียงเรียงนาม เรื่องราวที่เกิดขึ้นกลางดึก ซื้อรองเท้าใหม่ หายแล้วไม่ไปลับ ย้อนกลับเข้าบ้าน สถานที่หนึ่งที่คุณพอจะเดาออก ถ้าคุณใช้ความคิด คิดให้หนัก (มุมมองชีวิตของเมย์ คาซาฮาระ หมายเลข 2) ลูกจันทน์กับอบเชย ที่ก้นบ่อน�้ำแห้ง โจมตีสวนสัตว์ หรือ การสังหารหมู่เฟอะฟะ เอาละ, ค�ำถามถัดไป (มุมมองชีวิตของเมย์ คาซาฮาระ หมายเลข 3) พลั่วนี้, พลั่วของจริงหรือ? (เรื่องราวที่เกิดขึ้นกลางดึก หมายเลข 2)

437 441 445 455 461 467 480 485 496 502 522 527


13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41

มนต์ด�ำบ�ำบัดของ M ชายผู้รอคอย สิ่งที่ ไม่อาจสลัดหลุด มนุษย์เรามิใช่เกาะโดดเดี่ยว ภาษามือประหลาดของอบเชย การบวงสรวงเชิงดนตรี ที่นี่อาจจะเป็นจุดสุดทาง (มุมมองชีวิตของเมย์ คาซาฮาระ หมายเลข 4) ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าและภาระหนักโลก ตะเกียงวิเศษ ห้องลองเสื้อ ทายาท ลูกสาวของปาดโง่เง่า (มุมมองชีวิตของเมย์ คาซาฮาระ หมายเลข 5) เขาวงกตใต้ดิน ประตูสองบานของอบเชย เรื่องเล่าของลูกจันทน์ ปริศนาแห่งบ้านผูกคอตาย หมายเลข 2 แมงกะพรุนจากทุกมุมโลก สิ่งที่เปลี่ยนไป นับแกะ สิ่งที่อยู่ใจกลางวงกลม สัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟแดง มือยาวยื่นเอื้อมมาหา สิ่งที่สูญเสีย ผลไม้ที่สุกงอม หูสามเหลี่ยม เสียงกระดิ่งเลื่อนหิมะ บันทึกนกไขลาน หมายเลข 8 หรือ การสังหารหมู่เฟอะฟะ ครั้งที่ 2 เสี้ยวชีวิตที่หายไปของอบเชย อย่าหลงไปไว้เนื้อเชื่อใจบ้านเชียวนา (มุมมองชีวิตของเมย์ คาซาฮาระ หมายเลข 6) บ้านร้างถือก�ำเนิดแล้ว ม้าเปลี่ยนเจ้านาย หางของมอลตา คะโน บอริส นักแล่หนังมนุษย์ ไม้เบสบอลหายไป นกแม็กพายขี้ขโมยย้อนกลับมา ภารกิจท�ำให้ผู้อื่นใช้จินตนาการ เรื่องราวของบอริส นักแล่หนังมนุษย์ (ต่อจากคราวที่แล้ว) สถานที่เปี่ยมอันตราย ผู้ที่นั่งมองจอโทรทัศน์ มนุษย์กลวงเปล่า แสงหิ่งห้อย ท�ำลายค�ำสาป โลกที่นาฬิกาปลุกกรีดกริ่งยามรุ่งสาง ก็แค่มีดจริง สิ่งที่พยากรณ์ ไว้แล้ว เรื่องราวของมนุษย์เป็ด เงาและน�้ำตา (มุมมองชีวิตของเมย์ คาซาฮาระ หมายเลข 7) สองข่าวผลเดียวกัน สิ่งที่เลือนหายไป บันทึกนกไขลาน หมายเลข 17 (จดหมายจากคูมิโกะ) ลาก่อน

530 533 547 557 562 569 574 579 586 597 601 608 619 626 632 634 651 656 661 673 690 698 710 721 732 741 747 753 757


ภาคหนึ่ง : นกแม็กพายขี้ขโมย มิ ถุ น ายน ถึง กรกฎาคม 1984



1 นกไขลานของวันอังคาร หกนิ้วกับนมสี่เต้า

ในตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้น ผมอยู่ในห้องครัว ต้มเส้นสปาเกตตี ผิวปาก คลอไปกับเพลง เดอะ ธีฟวิง แม็กพาย ของรอสซินีทางวิทยุเอฟเอ็ม เพลง เหมาะควรแก่การต้มเส้นสปาเกตตีถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ผมอยากไขหูไม่รบั โทรศัพท์ ไม่เพียงเพราะเส้นสปาเกตตีใกล้ได้ที่ หากแต่ เป็นเพราะคลอดิโอ อับบาโด พาลอนดอนซิมโฟนีไต่สงู ขึน้ สูจ่ ดุ สุดยอด ท้ายทีส่ ดุ ผมยอมพ่าย อาจเป็นใครสักคนต้องการส่งข่าวเรื่องงานใหม่ ผมราไฟ เดิน เข้ามาในห้องนั่งเล่น หยิบหูโทรศัพท์ “สิบนาที, ได้ โปรด” เสียงสตรีดังจากปลายสาย ผมเก่งในเรื่องการจดจ�ำเสียงผู้คน แต่เสียงนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน “ขออภัย คุณอยากคุยกับผู้ ใดหรือ?” “คุยกับ คุณ แน่แท้อยูแ่ ล้ว สิบนาที, ได้ โปรด เวลาเพียงเท่านัน้ ทีจ่ ำ� เป็นต้อง ใช้ ในการเข้าใจกันและกัน” เสียงนั้นทุ้มต�่ำ นุ่มนวล แต่ไม่มีลักษณะโดดเด่น เป็นพิเศษ “เข้าใจกันและกัน?” “ความรู้สึกของอีกฝ่าย” ผมชะโงกมองผ่านประตูห้องครัว หม้อสปาเกตตีเดือดระอุพ่นพวยไอน�้ำ คลอดิโอ อับบาโด ยังอ�ำนวยเพลง นกแม็กพายขี้ขโมย นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

15


“ขออภัย คุณโทรมากลางช่วงต้มเส้นสปาเกตตี กรุณาโทรมาใหม่ภายหลัง ได้หรือไม่?” “สปาเกตตี? คุณท�ำอะไรของคุณ ต้มเส้นสปาเกตตีตอนสิบนาฬิกาสามสิบ นาที?” “ข้าพเจ้าประสงค์จะกินอะไร และกินในเวลาเท่าใด” ผมตอบ “...ไม่ใช่ ธุระกงการอะไรของใคร” “นัน่ จริงแท้ ฉันจะโทรมาใหม่” น�ำ้ เสียงของเธอเปลีย่ นเป็นเย็นชา น่าแปลก ทีค่ วามเปลีย่ นแปลงในอารมณ์นอ้ ยนิดท�ำให้นำ�้ เสียงของคนเราแปรเปลีย่ นไปได้ “รอเดีย๋ ว...” ผมรีบกล่าวก่อนเธอวางหู “...ถ้านีเ่ ป็นวิธขี ายตรงทางโทรศัพท์ แบบใหม่ ลืมได้เลยนะ ผมไม่ได้อยู่ในตลาดประเภทไหนๆ” “ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันทราบ” “ทราบ? ทราบเรื่องอะไรกัน?” “ทราบว่าคุณออกจากงานแล้ว ทราบเรื่องราวทั้งหมด เอาละ, ไปปรุง สปาเกตตีเลิศรสของคุณต่อเถอะ” “วะ นี่มัน...” เธอตัดสาย ในเมื่อไม่มีช่องทางระบายอารมณ์ ผมได้แต่เหม่อจ้องโทรศัพท์ ในมือ จนกระทั่งจ�ำได้ว่าต้มเส้นสปาเกตตีค้างไว้ ผมย้อนกลับเข้าไปในครัว ปิดแก๊ส เทเส้นลงกระชอน ขอบพระคุณโทรศัพท์แสนสาหัส เส้นสปาเกตตีอ่อนย้วย เลยข้ามระดับสมบูรณ์แบบไปแล้ว อย่างไรก็ ไม่ร้ายแรงถึงตาย ผมตักเส้น เข้าปาก...ครุ่นคิด เข้าใจกันและกัน? เข้าใจความรู้สึกของกันและกันในสิบนาที? เธอพูด เรื่องอะไรกัน? อาจเป็นเพียงแค่การโทรศัพท์เล่นตลก หรืออาจเป็นเทคนิค การขายใหม่ จะซ้ายหรือขวา ไม่เกี่ยวกับผมโดยสิ้นเชิง หลังอาหารเที่ยง ผมย้อนกลับไปหานิยายจากห้องสมุดบนโซฟา เหลือบ มองโทรศัพท์เป็นครั้งคราว จะมีเรื่องราวใดที่เราจะเข้าใจกันและกันได้ภายใน สิบนาที? เรื่องใดที่มนุษย์สองคนจะเข้าใจกันได้ ในสิบนาที? คิดทบทวนแล้ว เธอมั่ น อกมั่ น ใจเหลื อ เกิ น ในสิ บ นาที ข องเธอ...ค� ำ แรกที่ ห ลุ ด ออกจากปาก 16

บันทึกนกไขลาน


เจ้าหล่อน ประหนึ่งว่าเก้านาทีสั้นเกินไป และสิบเอ็ดนาทียาวนานจนเกินงาม ชัด, เหมือนการต้มเส้นสปาเกตตี ผมอ่านต่อไม่ไหวแล้ว ผมตัดสินใจลุกมารีดเสือ้ งานพิเศษทีท่ ำ� เสมอในยาม ที่หงุดหงิดวุ่นวายใจ นิสัยเก่าแก่ดั้งเดิม ผมแบ่งชิ้นงานออกเป็นสิบสองระยะ แม่นย�ำเที่ยงตรง เริ่มต้น (1) ที่ปกเสื้อ (ด้านนอก) จบลงที่ (12) ข้อมือซ้าย ต้องเรียงตามล�ำดับเดิมเหมือนทุกคราว ต้องออกเสียงขานระยะ มิฉะนั้น จะออกมาไม่สวย ไม่ถูกต้องครบถ้วน ผมรีดเสือ้ เชิต้ สามตัว ตรวจตรามองหารอยยับย่น แขวนเสือ้ บนไม้แขวน ปิดสวิตช์เตารีด น�ำเอาม้ารองรีดพับเก็บในตู้ อารมณ์ผ่องผุดผาดได้มากโข ในตอนที่ผมเดินเข้ามาดื่มน�้ำในครัวนั่นเอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ผมลังเลอยู่เต็มวินาที แต่ก็ตัดสินใจรับสาย หากเป็นหญิงคนเดิม ผมก็จะบอก ไปว่า ก�ำลังรีดเสื้อผ้า จะได้วางหู คราวนีเ้ ป็นคูมโิ กะ นาฬิกาบนผนังบอกเวลาสิบเอ็ดสามสิบ “เป็นไงบ้าง?” เธอถาม “ก็ดี” ผมโล่งอกที่ ได้ยินเสียงภรรยา “คุณท�ำอะไรอยู่?” “เพิ่งรีดเสื้อเสร็จ” “มีอะไรหรือ?” ความเครียดในน�ำ้ เสียงของเธอ เธอทราบดีวา่ จะต้องเกิด เรื่องกวนใจหากผมรีดเสื้อ “ไม่มีอะไรครับ รีดเสื้อเชิ้ตไม่กี่ตัว” ผมย้ายหูโทรศัพท์จากมือซ้ายมา มือขวา “แล้วมีอะไรหรือ?” “คุณเขียนกวีนิพนธ์ ได้ไหม?” “กวีนิพนธ์?” กวีนิพนธ์...เธอหมายความว่า กวีนิพนธ์? “ฉันรูจ้ กั ส�ำนักพิมพ์ทอี่ อกนิตยสารสาวรุน่ เขาอยากได้ ใครสักคน อ่านและ แก้ไขบทกวีที่น้องหนูผู้อ่านส่งเข้ามา อยากได้คนเขียนกวีนิพนธ์สั้นๆ เปิดหน้า ทุกเดือน ค่าจ้างไม่เลวเลยทีเดียวส�ำหรับงานง่ายๆ แน่อยูแ่ ล้ว, เป็นงานชัว่ คราว แต่หากไปกันได้ดี ก็อาจจะส่งต่องานบรรณาธิการมาให้ด้วย” “งานง่าย?” ผมขัดจังหวะ “...เฮ้ย, รอเดีย๋ วซี ผมหางานในสาขากฎหมาย นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

17


ไม่ใช่งานตรวจแก้ต้นฉบับ” “ฉันคิดว่าคุณเคยบอกว่าเขียนอะไรสักอย่างตอนเรียนมัธยมปลาย” “เขียนให้หนังสือพิมพ์โรงเรียน ทีมฟุตบอลห้องไหนคว้าแชมป์ หรือบท บรรยายเหตุการณ์ตอนทีค่ รูฟสิ กิ ส์ตกบันได ต้องเข้าไปนอนโรงพยาบาล... เรือ่ ง พรรค์นั้น ไม่เฉียดไม่ใกล้กวีนิพนธ์ ผมเขียนไม่ได้” “ท�ำไมล่ะ? ฉันไม่ได้พดู ถึงกวีนพิ นธ์ยงิ่ ใหญ่อลังการ แค่เรือ่ งรักหวานแหวว ส�ำหรับนักเรียนมัธยมปลาย ไม่ต้องมหึมาจนต้องน�ำไปบันทึกในประวัติศาสตร์ คุณหลับตาข้างหนึ่งยังเขียนได้เลย มองไม่เห็นเลยหรือ?” “ฟังนะ, ผมเขียนกวีนิพนธ์ ไม่ได้ ลืมตาหรือหลับตาก็เหอะ ไม่เคยลอง และไม่คิดจะเริ่มตอนนี้” “เอาเถอะ” น�ำ้ เสียงของเธอเสียดาย “...ยากเหมือนกันนะ ถ้าจะรอบทความ เชิงกฎหมาย” “ผมทราบ เพราะเหตุนถี้ งึ ติดต่อไปหลายสาย ผมน่าจะได้ขา่ วอะไรสักอย่าง ในสัปดาห์นี้ ถ้ายังไม่ได้เรื่อง ค่อยคิดหาอย่างอื่นท�ำ” “คงต้องเป็นอย่างนั้น อ้อ, วันนี้วันอะไร? วันไหนของสัปดาห์?” ผมคิดชั่วครู่ ก่อนให้ค�ำตอบ “วันอังคาร” “งั้นคุณช่วยไปธนาคาร ไปจ่ายค่าแก๊สกับค่าโทรศัพท์ ได้ไหม?” “แน่นอน ผมจะออกไปช้อปปิ้ง ซื้อกับข้าวมาท�ำอาหารเย็นอยู่แล้ว” “วันนี้ท�ำอะไรกิน?” “ยังไม่รู้เลย ค่อยตัดสินใจตอนไปซื้อของ” เธอนิง่ ไปชัว่ ครู่ “คิดดูแล้ว...” น�ำ้ เสียงของเธอเครียด เอาจริงเอาจัง “ก็ ไม่ควรจะเร่งร้อนหางานให้คุณท�ำนะ” ผมสะดุง้ ตัง้ ตัวไม่ทนั “ท�ำไมล่ะ?” ผมถาม เป็นไปได้หรือว่าสตรีในโลกนี้ พร้อมใจกันท�ำให้ผมประหลาดใจในวันนีท้ างโทรศัพท์? “...เงินชดเชยการว่างงาน จะหมดไป ไม่ช้าก็เร็ว ผมแกร่วอยู่ในบ้านตลอดกาลไม่ได้นะ” “จริงค่ะ, แต่ว่าหากนับรวมกับเงินเดือนของฉันที่เพิ่มขึ้น และรายได้จาก งานพิเศษกับเงินออมที่เรามีอยู่ เราไปรอดได้อยู่แล้วถ้าระวังเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่มเี หตุฉกุ เฉินเร่งด่วน ว่าแต่วา่ คุณเกลียดการอยูบ่ า้ น ท�ำงานบ้านหรือเปล่า? 18

บันทึกนกไขลาน


ฉันหมายความว่า ชีวิตแบบนี้ที่คุณไม่ชอบ” “ไม่รู้ซี” ผมตอบตามความสัตย์จริง ผมไม่รู้จริงๆ “ก็ใช้เวลาคิดไปอีกสักระยะ” เธอกล่าว “เออ, แล้วแมวกลับบ้านหรือ ยัง?” แมว ผมไม่ได้คิดถึงแมวตลอดทั้งเช้า “ยัง...” ผมตอบ “...ยังไม่กลับ” “คุณออกไปตามหาในละแวกบ้านหน่อยได้ไหม? เขาหายไปเกือบสัปดาห์ แล้ว” ผมครางในคอ ไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ ย้ายหูโทรศัพท์กลับมาทางมือซ้าย เธอพูดต่อ “ฉันแน่ใจว่าเขาอาจไปซ่อนตัวอยูใ่ นบ้านร้างทีป่ ลายตรอก บ้านทีม่ รี ปู หินน่ะ ...ฉันเคยเห็นหลายครั้งหลายหน” “ตรอก?...คุณเข้าไปในตรอกเมื่อไหร่กัน? คุณไม่เคยพูดถึง...” “หวา, แย่แล้ว! ต้องไปแล้วละ มีงานท่วมหัวเลย อย่าลืมเรือ่ งแมวนะคะ” เธอวางหู ผมมีอนั ต้องเบิง่ ตาจ้องมองหูโทรศัพท์อกี ครัง้ จากนัน้ วางกลับ ลงบนแคร่ ผมอดสงสัยมิได้วา่ อะไรดึงดูดใจให้คมู โิ กะเข้าไปในตรอก หากจะไปทีน่ นั่ ได้ ก็ตอ้ งปีนก�ำแพงอิฐบล็อก ตะเกียกตะกายข้ามไปอีกฟาก ได้ขอ้ ยุตเิ พียงว่า ไม่นา่ จะเสียแรงปีนไต่ข้ามไป ผมเดินกลับเข้าห้องครัว เปิดก๊อกดื่มน�้ำแก้วโต เดินออกไปยังเฉลียง ไปดูถว้ ยอาหารของแมว ปลาซาร์ดนี ค้างคืนยังกองพูนสูง ไม่มรี อ่ งรอยแตะเขีย่ ไม่, แมวยังไม่กลับบ้าน ผมยืนที่นั่น เหม่อมองสวนเล็กหลังบ้าน แสงอาทิตย์ ต้นฤดูร้อนส่องมาตกต้อง ไม่เลย, สวนของเราไม่ได้งดงามประเภทที่จะ จุดแรงบันดาลใจหากได้ทอดตามอง แสงอาทิตย์แยงส่องเข้ามาถึงทีน่ ี่ ได้วนั ละ ไม่กนี่ าที ดินด�ำในสวนจึงชุม่ น�ำ้ อยูเ่ สมอ หากจะเรียกว่าสวนดอกไม้ เรามีเพียง แค่ไฮเดรนเยียเก้งก้างไม่กี่ต้นที่มุมสวน ผมไม่ค่อยชอบไฮเดรนเยีย ถัดมาเป็น กลุ่มต้นไม้ จากที่นั่นเองที่เราได้ยินเสียงแกรกบาดหูของนก เสียงร้องที่คล้าย กับเสียงไขลาน เราเรียกนกตัวนีว้ า่ นกไขลาน คูมโิ กะเป็นคนตัง้ ชือ่ เราไม่รชู้ อื่ ไม่เคยเห็นตัว แต่นนั่ ก็ ไม่ได้ทำ� ให้นกไขลานขุน่ เคืองใจ มันจะแวะมายังกลุม่ ต้นไม้ นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

19


ในละแวกบ้านของเรา...ท�ำหน้าที่ส่งเสียงไขลานปลุกโลกเล็กๆ เงียบสงบแห่งนี้ ผมต้องออกไปปฏิบัติการล่าแมว ผมชอบแมวเสมอมา โปรดแมวตัวนี้ มากที่สุด แต่แมวก็มีวิถีชีวิตของตัวเอง แมวไม่โง่ ถ้าแมวไม่ได้ปักหลักอยู่ที่ ที่คุณตั้งถิ่นฐานอยู่ ก็แปลได้อย่างเดียวว่ามันตัดสินใจจะไปอยู่ที่อื่น ถ้ามันเบื่อ และเหนื่อยล้า มันอาจจะย้อนกลับมาก็เป็นได้ แต่ทว่า บทสรุปอยู่ที่การควาน หาแมวจะท�ำให้คูมิโกะมีความสุข ผมจ�ำต้องออกไปตระเวนหาแมว ผมไม่มี อะไรดีกว่านั้นให้ท�ำอยู่แล้ว k

ผมลาออกจากงานเมื่อต้นเดือนเมษายน...งานในส�ำนักกฎหมายที่ท�ำมา ตั้งแต่เรียนจบ การลาออกไม่มีเหตุผลพิเศษ ผมไม่ได้เกลียดงานที่ท�ำ งานไม่ ตื่นเต้นเร้าใจ แต่ค่าจ้างสูง และบรรยากาศส�ำนักงานเป็นมิตร หน้าทีข่ องผมในส�ำนักงานกฎหมายคงไม่จำ� เป็นต้องบรรยายให้เลิศเลอนัก เป็นแต่เพียงเจ้าหน้าทีธ่ รุ การ ผมมีฝมี อื ทีเดียว เรียกได้วา่ มีพรสวรรค์สำ� หรับงาน จัดการ ผมเรียนรู้ได้เร็ว ทรงประสิทธิภาพ ไม่เคยบ่นฟูมฟาย และเท้าติดดิน บนโลกความเป็นจริง ด้วยเหตุนี้เอง ในตอนที่ผมยื่นใบลาออก หุ้นส่วนอาวุโส (ผูบ้ ดิ าในหุน้ ส่วนส�ำนักงานกฎหมายบิดาและบุตร) ถึงกับเสนอเพิม่ เงินเดือนให้ ผมลาออกเพราะต้องการลาออก มิใช่ว่าการลาออกจะช่วยให้ผมบรรลุ เป้าหมายหรือไต่ขนึ้ สูงสูจ่ ดุ หมายอืน่ สิง่ สุดท้าย ยกมาเป็นตัวอย่างได้ จะเป็นการ ขังตัวเองอยูใ่ นบ้าน อ่านต�ำรากฎหมายเพือ่ สอบเนติบณ ั ฑิต ผมแน่ใจยิง่ กว่าแน่ใจ ว่าผมไม่ต้องการประกอบอาชีพทนายความ ผมทราบเพียงแค่ไม่อยากปักหลัก อยู่ที่นั่น และท�ำงานที่ท�ำอยู่อีกสืบไป หากจะต้องออกจากงาน ช่วงนั้นจะเป็น ช่วงเวลาเหมาะสมทีส่ ดุ ถ้าผมยังอยู่ในส�ำนักงานกฎหมายนัน้ ผมจะต้องท�ำงาน อยู่ที่นั่นชั่วชีวิต เพราะอย่างไรผมก็อายุสามสิบปีแล้ว ผมบอกคูมโิ กะให้ทราบทีโ่ ต๊ะอาหารเย็น บอกความคิดทีจ่ ะลาออกจากงาน การตอบสนองของเธอมีเพียง “เหรอคะ” ผมไม่ทราบว่าเธอหมายความอย่างไร เธอเพียงเงียบงัน ไม่มีความเห็นอื่นเพิ่มเติม ผมนิ่งเงียบ รอคอยจนเธอพูดออกมา “ถ้าคุณต้องการลาออกจากงาน ก็ลาออก ชีวิตของคุณ คุณควรจะใช้ชีวิตตามวิถีที่คุณประสงค์” กล่าวจบสิ้น 20

บันทึกนกไขลาน


เธอก้มหน้าก้มตาคีบก้างปลาด้วยตะเกียบ วางเรียงบนขอบจาน คูมิโกะได้เงินเดือนสูงเอาการในต�ำแหน่งบรรณาธิการนิตยสารอาหาร สุขภาพ บางคราว เธอรับงานวาดรูปประกอบจากเพื่อนพ้องบรรณาธิการ นิตยสารเล่มอื่น เพิ่มรายได้พิเศษอีกมากโข (เธอเรียนจบสาขาดีไซน์ ตั้งความ หวังไว้ว่าสักวันจะประกอบอาชีพอิสระเป็นคนวาดรูปประกอบ) ยิ่งไปกว่านั้น หากผมลาออก ก็คงมีเงินส่วนหนึง่ จากการประกันการว่างงาน ซึง่ ก็หมายความ ว่า แม้ผมจะลาออกมาท�ำงานบ้าน เราก็ยังมีรายได้มากพอ มีเงินเหลือพอจะ ออกไปกินข้าวข้างนอกเป็นครั้งคราว มีค่าใช้จ่ายซักรีดเสื้อผ้า วิถีชีวิตของเรา ก็คงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ดังนั้น ผมจึงลาออกจากงาน k

ผมน�ำเอาของช�ำเข้าตู้เย็นในตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้น เสียงกริ่งโทรศัพท์ ดูเหมือนจะกระชั้นเร่งรัดร�ำคาญใจ ผมเพิ่งแกะถุงพลาสติกห่อเต้าหู้ออกมา ได้ครึ่งเดียวบรรจงวางลงบนโต๊ะในห้องครัวไม่ให้น�้ำไหลเยิ้ม ผมเดินเข้ามาใน ห้องนั่งเล่น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “คุณคงเสร็จสิ้นภารกิจสปาเกตตีแล้วกระมังคะ?” “กล่าวได้ถูกต้อง ผมต้องไปตามหาแมวแล้ว” “เรื่องนั้นรอได้อีกสิบนาที ฉันแน่ใจ ไม่คล้ายการต้มเส้นสปาเกตตี” ด้วยเหตุผลใดสักอย่าง ผมไม่วางหูตัดสาย อาจจะเป็นน�้ำเสียงของเธอ ที่ตรึงความสนใจผมไว้ได้ “ได้เลย, ไม่เกินสิบนาทีนะ” “เอาละ คราวนี้เราพอจะเข้าใจกันและกันได้แล้ว” เธอกล่าวยืนยัน เชื่อมั่นเต็มเปี่ยม ผมรู้สึกว่าเธอเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ยกขาไขว่ห้าง “สงสัย...” ผมกล่าว “...มีเรื่องราวใดที่คุณจะเข้าใจได้ ในสิบนาที?” “สิบนาทียาวนานกว่าที่คุณคาดไว้” เธอตอบ “คุณแน่ใจหรือว่าคุณรู้จักผม?” “แน่แท้ รู้จักดี เราเคยพบเจอกันเป็นร้อยครั้ง” “ที่ ไหน? เมื่อไหร่?” “บางที่ บางเวลา” เธอตอบ “...แต่ถ้ากล่าวในรายละเอียด สิบนาทีคงไม่ นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

21


เพียงพอ สาระส�ำคัญอยู่ที่ห้วงเวลาของขณะนี้ ปัจจุบันกาล ว่าไหม?” “อาจใช่ แต่ผมต้องการข้อพิสูจน์ว่าคุณรู้จักผม” “ข้อพิสูจน์ประเภทใด?” “เช่น อายุ?” “สามสิบปี” เธอตอบทันควัน “สามสิบปี สองเดือน ดีพอไหม?” ค�ำตอบท�ำให้ผมหุบปาก เธอรูจ้ กั ผมจริงๆ แต่ผมคิดไม่ออก จ�ำเสียงเธอ ไม่ได้ “คราวนี้ ถึงตาคุณบ้าง” เสียงของเธอหอบกระเส่า ยัว่ ยวน “ลองวาดภาพ ฉันดูบ้าง จากเสียงของฉัน วาดภาพว่าหน้าตาเป็นอย่างไร อายุ ที่อยู่ การ แต่งกาย เชิญเลย” “ไม่อาจคาดเดาได้” ผมตอบ “ไม่เอาน่า” เธอเซ้าซี้ “...ลองหน่อย” ผมดูเวลาบนข้อมือ เวลาผ่านไปเพียงหนึง่ นาที ห้าวินาที “ไม่อาจคาดเดา ได้” ผมตอบซ�้ำอีกครั้ง “เช่นนั้น ขอให้ฉันช่วยเถิดนะ” เธอบอก “...ฉันนอนอยู่บนเตียง ฉันเพิ่ง อาบน�้ำเสร็จ ไม่มีผ้าผ่อนคลุมกาย” โอ, ยอดไปเลย เซ็กส์โฟน “หรือว่าคุณอยากจะให้ฉนั สวมเสือ้ ผ้า? ชุดลูกไม้? หรือว่าถุงน่องตาข่าย? อย่างไหนที่คุณต้องการ?” “ผมไม่สนใจห่ะอะไรอยู่แล้ว คุณอยากท�ำอะไรเรื่องของคุณ” ผมตอบ “...อยากสวมเสื้อผ้า ก็หามาสวม อยากจะเปลือย ก็เชิญท�ำ ขอโทษด้วย, ผม ไม่สนใจเกมทายปัญหาทางโทรศัพท์ ผมมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องท�ำ...” “สิบนาที...” เธอออดอ้อน “...สิบนาทีไม่ถึงตาย ไม่ท�ำให้ชีวิตโหว่รั่วเป็นรู ตอบค�ำถามของฉัน คุณอยากให้ฉนั เปลือยเปล่าหรือว่าสวมเสือ้ ผ้า ฉันมีอาภรณ์ ทุกประเภท กางเกงชั้นในตัวจิ๋ว ลูกไม้สีด�ำ...” “เปลือยก็ดีแล้ว” “อ้า, ดี คุณอยากให้ฉันเปลือยกาย” “ครับ, เปลือย ดี” 22

บันทึกนกไขลาน


สี่นาที “ขนปุยหยิกหย็อยยังเปียก...ว้า, ฉันเช็ดตัวไม่ดีเลย โอ, ฉันเปียกชุ่ม อุ่น ชื้น เยิ้ม นุ่ม ครัดเคร่ง แตะฉัน” “ฟังนะ, เสียใจด้วย แต่...” “แตะฉันข้างล่างด้วย ลงล่างไปเลยนะ อุ่นระอุนวลเนียนข้างล่างนั่น เหมือนบัตเทอร์ครีม อุ่นเหลือเกิน อืม อ้อ, ขาของฉัน คุณคิดว่าขาของฉัน วางอยู่ในต�ำแหน่งไหน? ชันเข่าขวาขึน้ มาแล้ว สองขาอยู่ในต�ำแหน่งสิบนาฬิกา ห้านาทีบนหน้าปัดนาฬิกา” ผมบอกได้จากน�้ำเสียงของเธอว่าไม่ได้แสร้งกระเส่า เธอวางขากางอ้า เผยกว้างสิบนาฬิกาห้านาทีจริงๆ หลืบเนื้ออุ่นระอุแฉะชื้น “แตะกลีบเนือ้ ของฉัน” เธอครางออกมา “เบาหน่อย ช้าๆ คลีเ่ ปิด นัน่ ละ, ใช่เลย เชือ่ งช้า แผ่วเบา ให้ปลายนิว้ ไล้ลาก โอ, ช้าๆ เอาละ มืออีกข้าง เลือ่ น ขึ้นมากุมเต้าถัน เขี่ยลากเบามือ เคล้นคลึง สูงขึ้นมาอีก ปลายนิ้วบีบเม็ดถัน เบาๆ อีกครั้ง แรงขึ้นหน่อย อีกครั้ง ฉันใกล้จะถึงแล้ว” ผมวางหูโทรศัพท์ ทิ้งตัวนอนบนโซฟา เหม่อจ้องหน้าปัดนาฬิกา ถอนหายใจยาวพรูออกมา ผมคุยกับสาวลึกลับผู้นี้นานหกนาที โทรศัพท์ดงั ขึน้ ในอีกสิบนาทีถดั มา ผมปล่อยให้ดงั บนแคร่ สิบห้ากริง่ เมือ่ เสียงขาดหายไป ความเงียบสงัดหนาวเยือกล�้ำลึกแผ่มาคลุมทั่วห้อง k

ราวบ่ายสองโมง ผมปีนข้ามก�ำแพงอิฐบล็อก ข้ามเข้าไปในตรอกหรือ สิ่งที่น่าจะเรียกว่าเป็นตรอก เพราะมิใช่ ‘ตรอก’ ในนิยามสามัญ แต่ก็ ไม่อาจ หาค�ำอื่นที่เหมาะสมมาแทนค่าได้ ไม่อาจเรียกว่า ถนน ทางเท้า หรือทางผ่าน เพราะทางผ่านก็น่าจะเป็นเส้นทาง ช่องทางที่มีปากทางเข้า เปิดออกไปหา ทางออก หากเดินเท้ามาบนเส้นทางนั้น แต่ตรอกไม่มีทางเข้า ไม่มีทางออก ไม่อาจเรียกเป็นซอยตัน เพราะซอยตันอย่างน้อยก็ต้องมีช่องเปิดปลายหนึ่ง ปลายใด ตรอกมีทางตัน ไม่ใช่หนึ่ง หากแต่เป็นสอง ผู้คนในละแวกนี้เรียกว่า ตรอก แทนค�ำที่ไม่อาจหานิยามพอเหมาะ ตรอกยาวราวสองร้อยเมตร ทอดผ่าน นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

23


ด้านหลังของแถวบ้านสองฟากหันหลังชนกัน ความกว้างไม่น่าจะถึงหนึ่งเมตร ในบางจุด จะต้องเบี่ยงเอียงตัวผ่านจุดที่รั้วบ้านแหย่ยื่นออกมา หรือไม่ก็เป็น ข้าวของที่คนทิ้งขวางทาง ต�ำนานของตรอกนี้ จากค�ำบอกเล่าของน้า ผูย้ กบ้านให้เราเช่าด้วยราคา ค่าเช่าแทบเรียกได้ว่าให้เปล่า ในกาลครั้งหนึ่ง เคยเป็นทางสัญจร มีทางเข้า มีปากทางออก ใช้เป็นทางลัดเดินตัดข้ามระหว่างถนนสองสาย จากการขยายตัว รวดเร็วเชิงเศรษฐกิจกลางทศวรรษห้าศูนย์ บ้านเรือนปลูกตลอดแนว ทางลัด รุกล�้ำบีบจนเหลือทางเดินแคบๆ ชาวบ้านไม่โปรดที่จะมีคนแปลกหน้าเดิน เฉียดห้องหลังหรือสนามหลังบ้าน ไม่ช้าไม่นาน ปลายด้านหนึ่งมีรั้วขึงกั้นทาง รั้วโปร่ง สักแต่จะเรียกชื่อว่ารั้ว จากนั้น เจ้าของบ้านรายหนึ่งขยายสนาม หลังบ้าน ก่อรั้วอิฐบล็อกปิดปลายซอยนั้นไปเสียเลย ประหนึ่งจะเป็นการ สนองรับ รั้วโปร่งปลายตรงข้ามเปลี่ยนเป็นรั้วตาข่ายเหล็ก กั้นจนแม้แต่หมาก็ ผ่านไม่ได้ ผูค้ นในละแวกนัน้ ไม่มผี ู้ ใดโวยวายประท้วง ต่างยินดีทจี่ ะมีซอกทีว่ า่ ง ต้านรับอาชญากรรมเพิ่มอีกชั้น ผลลัพธ์ก็คือ ตรอกกลายเป็นเพียงทางเดิน ทิง้ ร้าง ช่องคลองน�ำ้ แห้ง ฉนวนกัน้ กลางระหว่างบัน้ ท้ายของบ้านแถวสองฟาก แมงมุมถักใยกางตาข่ายเหนียวหนืดดักแมลง พุ่มไม้กระเซิงดกหนา คูมโิ กะเดินมาท่องตรอกด้วยเหตุผลใดกัน? ผมเองเคยเดินผ่านตรอกเพียง สองหน อีกอย่างหนึ่ง คูมิโกะเกลียดกลัวแมงมุมเป็นที่สุด ห่ะ, ช่างเหอะ ถ้า คูมิโกะบอกว่าผมควรไปตามหาแมวในตรอก ผมก็จะไปตามหาแมวในตรอก เรื่องอื่นๆ จะตามมาค่อยคิดในภายหลัง การเดินออกมานอกบ้านยังดีเสียกว่า นั่งจับเจ่าในบ้านรอคอยให้ โทรศัพท์ส่งเสียงกรีดกริ่ง แสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ตน้ ฤดูรอ้ น อาบพืน้ ผิวตรอกด้วยเงาของกิง่ ไม้ ถักทอเป็นตาข่ายสูงเหนือหัว ในเมื่อไม่มีลมพัดให้ส่ายไหว เงาบนพื้นดูคล้าย คราบเปื้อนติดถาวร มีชะตากรรมฝังผนึกอยู่ในทางเดินไปตลอดกาลนาน ดู เหมือนจะไม่มีศัพท์เสียงใดทะลุลอดเข้ามาในตรอกได้ ผมแทบได้ยินเสียง เรียวหญ้าหอบหายใจในแสงแดด เมฆปุยก้อนเล็กก้อนน้อยวิ่งไล่กันละลิ่ว กลางฟ้า รูปพรรณสัณฐานคมชัด ประหนึ่งฉากหลังของภาพพิมพ์ทองแดงใน ยุคกลาง ผมมองเห็นสรรพสิ่งรอบข้างคมชัดขอบรูปร่างคมกริบ จนรู้สึกว่า 24

บันทึกนกไขลาน


เรือนกายเริ่มเลอะเลือน โปร่งใสไร้ขอบเขต...และร้อน ผมสวมเสือ้ ยืด กางเกงผ้าฝ้ายเนือ้ บาง กับรองเท้าผ้าใบ แต่การเดินกลาง แสงอาทิตย์ฤดูรอ้ น ผมรูส้ กึ ถึงละอองเหงือ่ เรือ่ ผุดใต้วงแขนและร่องอก เสือ้ ยืด กางเกงผ้าฝ้ายกดอัดอยู่ในกล่องเสือ้ ผ้าฤดูรอ้ น จนกระทัง่ ผมดึงออกจากกล่อง เมื่อเช้านี้เอง กลิ่นลูกเหม็นทะลวงจมูกจนตาพร่า บ้านเรียงรายสองฟากตรอกแบ่งออกเป็นสองประเภท เก่ากับเพิ่งสร้าง เสร็จใหม่ เกาะกลุม่ รวมประเภท บ้านใหม่มกั จะหลังเล็ก สนามเล็กรับกับตัวบ้าน ราวตากผ้ามักจะโผล่ยื่นเข้ามาในตรอก บางคราว ผมจ�ำต้องเบี่ยงตัวก้มหลบ ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน และเสื้อกล้าม ข้ามทะลักก�ำแพงหลังบ้านจะเป็นเสียง โทรทัศน์ เสียงชักโครก และกลิ่นแกงกะหรี่ ตรงข้ามกับบ้านเก่าที่แทบจะไม่มีวี่แววของชีวิต บ้านจะฝังจมซ่อนอยู่ หลังพุ่มไม้ตัดแต่งงดงาม บางคราว มองลอดแถวทรงพุ่ม พอจะมองเห็น สนามหญ้าเขียวตัดเล็มอย่างดี ต้นคริสต์มาสสีน�้ำตาลยืนแห้งตั้งอยู่ที่มุมสวน ท้ายสวนของบ้านอีกหลัง เป็นที่ทิ้งของเล่นประดามีที่มนุษย์รู้จัก แหล่งสลัดคราบวัยเด็กของหลายรุ่น สามล้อ ห่วงคล้องหลัก ดาบพลาสติก ลูกบอลยาง ตุก๊ ตาเต่า และไม้เบสบอล ขนาดย่อส่วน สนามบ้านหลังหนึง่ มีแป้นบาสเกตบอล อีกหลังมีเก้าอีส้ นามสีขาว ล้อมโต๊ะเซรามิก เก้าอีข้ าวมีคราบเปือ้ นมอมแมม ประหนึง่ ว่าไม่มผี ู้ ใช้งานนาน หลายเดือนหรืออาจเป็นหลายปี บนโต๊ะมีกลีบดอกแม็กโนเลียสีม่วงซ้อนทับ หลายชั้น สาดซัดให้หล่นโปรยปลิว ปลิดจากต้นด้วยสายฝน ผมมองทะลุเข้าไปในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังหนึ่ง ผ่านกระจกหน้าต่าง กรอบอะลูมเิ นียม ในห้องมีโซฟาหนังรับกับอาร์มแชร์ ทีวจี อยักษ์ ตู้ โชว์ (บนนัน้ ตั้งตู้ปลาและถ้วยรางวัล) แถมด้วยโคมไฟตั้งพื้น ฉากเหมือนห้องรับแขกใน ละครทีวี อีกหลังมีบา้ นหมาหลังมหึมา แต่ไม่มวี แี่ ววของหมา บานประตูเปิดอ้า มุ้งลวดของประตูโป่งนูนเหมือนมีคนยืนพิงนานหลายเดือน บ้านร้างทีค่ มู โิ กะบอก อยูเ่ ลยไปจากบ้านหมาหลังมหึมา เพียงเหลือบแล ก็ทราบว่าเป็นบ้านร้าง...ทิ้งร้างนานโข บ้านใหม่สองชั้น แต่บานไม้กันพายุเก่า คร�่ำคร่า ราวโลหะกั้นระเบียงหน้าต่างชั้นสองมีสนิมกัดกิน บ้านมีสนามหญ้า นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

25


ขนาดกะทัดรัดน่าชม ของประดับโดดเด่นจะเป็นนกหินในท่าสยายปีก รูปนก ตัง้ บนแท่นสูงระดับอก มีพงหญ้าหนาล้อมรอบ กอสร้อยทองชูชอ่ ดอกสูงเกือบ ถึงขานก นกหินตัวนั้น ผมไม่รู้ว่าเป็นนกประเภทไหน ท�ำท่ากางปีกเหมือนจะ โผบินหนีไปจากสถานที่หดหู่เช่นนี้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ หากไม่นับนกตัวนั้น ในสนามไม่มีเครื่องตกแต่งอื่น เก้าอี้สนามพลาสติกกองพิงผนังบ้าน ถัดไป เป็นพุ่มอาซาเลียอวดสีแดงสดบาดตา สีสันแปลกพิลึกจนดูไม่คล้ายของจริง ที่เหลือเป็นพงหญ้ารก ผมเอนพิงรั้วลวดตาข่ายสูงระดับอกอยู่ครู่ใหญ่ เพ่งพินิจสนามหญ้า ลานกว้างหญ้ารกน่าจะเป็นสวรรค์ส�ำหรับแมว แต่ไม่มีวี่แววแมวแม้สักตัว บน เสาอากาศทีวีเหนือหลังคามีนกพิราบเดียวดายโก่งคอขันคูขับกล่อมทิวทัศน์ เงาของนกหินตกกระจัดกระจายบนพงหญ้าหนา ผมควักลูกอมรสมะนาวออกจากกระเป๋า แกะกระดาษ ยัดลูกอมเข้าปาก ผมถือการลาออกจากส�ำนักงานกฎหมายเป็นจุดเริ่มต้นของการเลิกบุหรี่ บัดนี้ ผมไปไหนไม่เคยขาดลูกอมรสมะนาว คูมิโกะบอกว่าผมหันมาเสพติดลูกอม เสียแล้ว หากไม่เลิกนิสัยนี้ ต่อไปฟันก็คงผุทั้งปาก เสี่ยงภัยแค่ไหน ผมขาด ลูกอมไม่ได้ ในระหว่างที่ผมยืนจ้องสนามหญ้า นกพิราบโก่งคอขันคูไม่ยั้ง ประหนึง่ เสมียนตีตราประทับเอกสารมือเป็นระวิง ผมไม่ทราบว่ายืนอยูท่ นี่ นั่ นาน สักแค่ไหน ยืนแอ่นอกพิงรั้ว แต่ก็จ�ำได้ว่าถ่มลูกอมลงบนพื้นเมื่อลูกอมละลาย ไปครึง่ เม็ด รสหวานเหนียวหนืดกบปาก ผมหันไปเพ่งเงาของนกหินเมือ่ รูส้ กึ ว่า มีใครสักคนส่งเสียงเรียกจากด้านหลัง ผมหันไปหา เด็กสาวยืนอยูใ่ นสวนของบ้านฝัง่ ตรงข้ามของตรอก สาวน้อย ร่างเล็ก ผมมัดรวบเป็นหางม้า เธอสวมแว่นด�ำขอบกระกับเสือ้ ยืดแขนกุดสีฟ้า แม้ฤดูฝนเพิง่ สิน้ สุดได้ไม่นาน สาวน้อยอาบแดดจนผิวแทนนวลตา มือข้างหนึง่ สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงขาสั้น มืออีกข้างวางบนบานรั้วไม้ไผ่สูงระดับเอว ง่อนแง่นโยกเยกไม่น่าจะช่วยพยุงตัวได้ดีนัก ระยะห่างระหว่างเราสองคงสัก หนึ่งเมตร “ร้อนนะ” เธอกล่าวบอก “ใช่เลย” ผมตอบ 26

บันทึกนกไขลาน


หลังค�ำทักทายห้วนสั้น เธอยืนมองผม ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโฮป มวนสัน้ ออกมาทัง้ ซอง เสียบบุหรีเ่ ข้าปาก ปากเล็ก ริมฝีปากบนบิดขึน้ เล็กน้อย ไม้ขดี ไฟวาบจุดบุหรี่ ในยามทีเ่ อียงหน้าเล็กน้อย ผมตัดสัน้ เผยให้เห็นหูงามได้รปู นวลเนียนประหนึ่งเพิ่งหล่อเสร็จใหม่หมาด เส้นขอบประดับด้วยไรขน เธอดีดก้านไม้ขีดทิ้งไป ระบายควันพรูผ่านริมฝีปาก จากนั้น เงยหน้า ขึ้นมอง ประหนึ่งเพิ่งนึกได้ว่าผมยืนอยู่ที่นั่น ผมมองไม่เห็นตาของเธอ เลนส์ ฉาบปรอทสะท้อนแสง “คุณอยู่แถวนี้หรือเปล่า?” เธอถาม “อือ,” ผมครางตอบ ชีม้ อื ไปหาบ้าน แต่ผมเดินเลีย้ วหยักไปมาจนหลงทิศ จ�ำต�ำแหน่งที่ตั้งแน่ชัดไม่ได้แล้ว ผมชี้ ไม้ชี้มือส่งเดช “ผมมาตามหาแมว” ผมให้ค�ำอธิบาย เช็ดเหงื่อที่ฝ่ามือกับขากางเกง “...หายไปสักสัปดาห์ ได้แล้ว มีคนบอกว่าเห็นแมวอยู่แถวนี้” “แมวประเภทไหน?” “ตัวผู้ ตัวโต น�้ำตาลลายเสือ ปลายหางเบี้ยวนิดหน่อย” “ชื่อ?” “โนโบรุ...โนโบรุ วาทายะ” “ไม่ใช่, ไม่ใช่ชื่อของคุณ ชื่อแมวน่ะ” “นั่นละครับชื่อแมว” “โอ, ตั้งชื่อแมวได้เยี่ยมไปเลย!” “ที่จริงไม่ใคร่ดีเท่าไหร่ ชื่อแมวเป็นชื่อของพี่เมียของผม แมวตัวนั้นชวน ให้นึกถึง ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อ พอช่วยให้อมยิ้มได้” “แมวเตือนให้คิดถึงในแง่ไหน?” “ไม่รู้ซี อาจเป็นท่าเดินกระมัง เออ, แล้วก็ท่าเบิ่งตาเหม่อว่างเปล่า” เธอหัวเราะคิกออกมา ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนทารกทันควัน สาวน้อย น่าจะสิบห้าหรือสิบหก ผมหยิกเล็กน้อย ริมฝีปากบนบิดขึ้นในองศาแปลกตา ดูเหมือนว่าเสียงสตรีประหลาดทางโทรศัพท์ ‘แตะฉัน’ จะแว่วเข้าหู ผมยก หลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก “แมวลายเสือ สีน�้ำตาล ปลายหางบิดงอ” เธอเปรยออกมา “อืม, มี นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

27


ปลอกคอหรือเปล่า?” “ปลอกคอกันหมัดสีด�ำ” เธอยืนนิง่ คิดสักสิบหรือสิบห้าวินาที มือยังวางอยูบ่ นบานไม้ไผ่ประตูสวน เธอทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น ขยี้ดับด้วยพื้นรองเท้าแตะ “หนูอาจเคยเห็นผ่านมานะ” เธอบอก “...ไม่ได้สังเกตหางเบี้ยว แต่ก็เคย เห็นแมวน�้ำตาลลายเสือมีปลอกคอ” “เห็นเมื่อไหร่ครับ?” “เมือ่ ไหร่? อืม, คงจะสักสามหรือสีว่ นั สวนของเราเป็นทางหลวงแมว เดิน ตัดข้ามจากบ้านคุณทากิทานิไปยังบ้านคุณมิยาวากิ” เธอชีม้ อื ไปยังบ้านร้าง นกหินยังกางปีกรอบิน พงสร้อยทองเหลืองอร่าม กลางแดด และนกพิราบยังคงพองคอขันคูบนเสาอากาศทีวี “เอางี้ ไหม?...” เธอโพล่งออกมา “...ท�ำไมคุณไม่มานั่งรอที่นี่? แมวจะ เดินผ่านบ้านของหนูไปที่บ้านคุณมิยาวากิเสมอ ยืนเกาะรั้วอยู่อย่างนั้นเดี๋ยว เพื่อนบ้านตกใจโทรไปแจ้งต�ำรวจ ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยนะ” ผมหันรีหันขวาง “ไม่ต้องห่วงน่า” เธอบอก “...บ้านไม่มีใครอยู่ เรานั่งอาบแดด รอแมว โผล่มาให้เห็น หนูจะช่วยอีกแรง หนูตาดีนะ สายตาปกติยี่สิบ/ยี่สิบ” ผมมองดูเวลาบนข้อมือ บ่ายสองสามสิบหกนาที งานทีเ่ หลือก่อนเย็นย�ำ่ มีเพียงเอาเสื้อผ้าเข้าเครื่องซักกับเตรียมท�ำอาหารเย็น ผมเดินผ่านประตูสวน เดินตามหลังสาวน้อยไปกลางสนาม เธอเดิน กะเผลก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หันกลับมาหาผม “มอ ’ไซค์ทำ� หล่น” เธอบอก คล้ายกับว่าเป็นเรือ่ งแทบจะไม่มคี วามส�ำคัญ ต้นโอ๊กใหญ่ยืนต้นตระหง่านบริเวณที่หญ้าจากสนามไม่กล้ารุกเข้าไปถึง ใต้รม่ ไม้มเี ก้าอีผ้ า้ ใบสองตัว ตัวหนึง่ มีผ้าเช็ดตัวสีฟา้ ผืนใหญ่พาดบนพนัก อีกตัว วางโฮปอีกซอง ที่เขี่ยบุหรี่ ไลเตอร์ นิตยสารกับวิทยุล�ำโพงคู่ขนาดมหึมา เสียงเพลงฮาร์ดร็อกเปิดไว้แผ่วต�่ำ เธอบิดปิดวิทยุ เก็บกวาดข้าวของลงจาก เก้าอี้ ให้ผมนัง่ วางของกองบนพืน้ หญ้า จากเก้าอี้ ผมมองเห็นบ้านร้าง นกหิน พงสร้อยทอง กับรั้วตาข่าย สาวน้อยคงนั่งมองผมอยู่นาน 28

บันทึกนกไขลาน


สนามหญ้าบ้านนี้กว้างใหญ่ดีแท้ เนินหญ้าลาดไปหาหย่อมต้นไม้ ทาง ซ้ายมือของเก้าอี้ผ้าใบเป็นสระขอบคอนกรีต จากคราบเขียวเกาะพื้นสระ คงไม่มีน�้ำเติมมานานแล้ว เรานั่งหันหลังให้ตัวบ้านซึ่งซ่อนอยู่ในดงไม้ ตัวบ้าน ไม่ได้ ใหญ่โตหรือหรูหรา มีเพียงสนามหญ้ามหึมาน่าประทับใจดีแท้ สนามที่ ดูแลรักษาหมดจด “สนามกว้างนะครับ” ผมเหลียวมองโดยรอบ “...ดูแลดีขนาดนีค้ งเหนือ่ ย เอาการ” “จริงค่ะ” “ผมเคยท�ำงานให้บริษัทรับดูแลสนามตอนที่ยังเป็นเด็ก” “โอ?” เธอตอบ น�้ำเสียงประกาศชัดว่าไม่ได้สนใจเรื่องสนามหญ้า “หนูอยู่บ้านคนเดียวเสมอหรือครับ?” “ใช่คะ่ , เกือบจะเป็นประจ�ำ มีป้าท�ำความสะอาดแวะมาตอนเช้าและเย็น ช่วงกลางวันเหลือแต่หนูคนเดียว ดืม่ อะไรสักแก้วไหม? มีเบียร์ในตูเ้ ย็นด้วยละ” “ไม่ละครับ ขอบคุณ” “จริงนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ผมสั่นหัว “หนูไม่ไปโรงเรียนหรอกหรือ?” “คุณไม่ไปท�ำงานหรือไง?” “ไม่มีงานให้ออกจากบ้านไปท�ำ” “ตกงาน?” “คล้ายอย่างนั้น ลาออกจากงานเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน” “งานประเภทไหน?” “เสมียนธุรการในส�ำนักงานกฎหมายครับ ไปติดต่อหน่วยงานราชการ รับส่งเอกสาร จัดเก็บเอกสารแต่ละแฟ้มให้เป็นระบบ ตรวจสอบข้อกฎหมาย ในแต่ละเรื่อง ยื่นเอกสารต่อศาลตามเวลาที่ก�ำหนดในกระบวนวิธีพิจารณาคดี เรื่องพวกนั้นครับ” “แต่คุณก็ลาออก” “ครับ” “ภรรยาของคุณมีงานท�ำ?” นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

29


“เต็มเวลา” นกพิราบน่าจะเบือ่ การขันคู บินหนีไปที่ ไหนเสียแล้ว ผมเพิง่ รูส้ กึ ถึงความ เงียบสงัดรอบตัว “โน่น, ทวารแมว” สาวน้อยชีม้ อื ไปยังปลายสนาม “...เห็นถังเผาขยะของ บ้านคุณทากิทานิไหม? แมวจะลอดรั้ว เดินตัดข้ามสนาม แล้วก็ลอดใต้ประตู รั้วไปบ้านโน้น ไม่เคยพลัดออกจากทางหลวงแมวเลย” เธอยกแว่นตาไว้บนหน้าผาก หยีตามองสนามหญ้าก่อนจะดึงแว่นตากลับ ลงมา ระบายควันพรูผ่านริมฝีปาก ผมสังเกตเห็นรอยแผลเป็น ยาวสักสอง เซนติเมตรที่หางตาข้างซ้าย บาดแผลลึกที่น่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไปตลอดชีวิต อาจเป็นไปได้ แว่นด�ำน่าจะใช้บดบังแผลเป็น สาวน้อยไม่ถงึ กับสวยหน้าหวาน แต่ มีเสน่หช์ วนมองไม่อาจละสายตาได้ อาจเป็นประกายตามีชวี ติ ชีวาหรือริมฝีปาก รูปแปลกตาก็เป็นได้ “คุณรู้เรื่องครอบครัวคุณมิยาวากิหรือเปล่า?” “ไม่ทราบแม้แต่เรื่องเดียว” “คนทีเ่ คยอยูใ่ นบ้านร้างน่ะ ครอบครัวมีระดับเลยนะ ลูกสาวสองคน เรียน โรงเรียนเอกชนเฉพาะสตรีเลยนะ คุณมิยาวากิเป็นเจ้าของภัตตาคารสองสาม แห่ง” “แล้วท�ำไมไม่อยู่?” “น่าจะมีหนีน้ ะ เก็บข้าวเก็บของหนีหนี้ ไปกลางค�ำ่ คืน เมือ่ ปีทผี่ า่ นมานีเ่ อง ปล่อยบ้านทิ้งร้างผุพังและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมว แม่ของหนูบ่นไม่มีดี” “มีแมวแวะมาที่นี่เยอะหรือครับ?” “ทุกประเภท แมวหนังกลับ แมวตาหลุด ตรงที่ที่เคยเป็นตานะ เห็นเป็น ก้อนเนื้อปูดออกมา...แหวะ” ผมพยักหน้ารับ “หนูมญ ี าติคนหนึง่ มีนวิ้ มือหกนิว้ อายุมากกว่าหนูหน่อยนึง ทีข่ า้ งนิว้ ก้อย มีนิ้วเล็กๆ โผล่งอกออกมาเหมือนนิ้วทารก เธอมักจะก�ำมือไว้ตลอดเวลา ซ่อน ไว้ไม่ให้ ใครเห็น หน้าตาสวยหยาดเยิ้มเชียวนะ” ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง 30

บันทึกนกไขลาน


“คุณคิดว่าจะสืบทอดในครอบครัวหรือเปล่า? เรียกว่าอะไรนะ ถ่ายทอด กันทางสายเลือดน่ะ” “ผมไม่ค่อยรู้เรื่องกรรมพันธุ์” เธอหยุดพูด ผมดูดลูกอมรสมะนาว เขม้นจ้องมองถนนแมว เท่าทีผ่ า่ นมา ไม่มีแมวสักตัวโผล่หัวมาให้เห็น “แน่ใจนะคะว่าคุณไม่ต้องการเครื่องดื่ม หนูจะกินโค้กสักแก้ว” ผมยืนยันว่าไม่ต้องการอะไร เธอลุกจากเก้าอี้ผ้าใบ หายไปในดงไม้ เดินลากขาเล็กน้อย ผมหยิบ นิตยสารทีเ่ ธอทิง้ ไว้บนพืน้ หญ้ามาพลิกดู ผมมีอนั ต้องประหลาดใจทีเ่ ป็นหนังสือ ผูช้ าย รูปถ่ายสตรีในเล่มไร้เสือ้ ผ้าอาภรณ์ อวดกลีบเนือ้ และขนปุกปุย สาวเจ้า นัง่ บนตัง่ เตีย้ ขาแยกกางในองศาประหลาดทีม่ นุษย์ทวั่ ไปยากจะเลียนแบบ ผม ถอนหายใจยาว วางหนังสือคืนกลับ ยกมือกอดอก จับตามองเส้นทางแมวต่อ k

เวลาผ่านไปนานโขก่อนสาวน้อยจะย้อนกลับมา ถือแก้วโค้กในมือ รังสี ความร้อนแผ่มาคุกคาม นั่งอยู่กลางแสงแดดอุ่น ผมรู้สึกเหมือนสมองขึ้นฝ้า สิ่งสุดท้ายที่ต้องการจะท�ำ จะเป็นการใช้ความคิด “บอกหนูหน่อย” เธอสานต่อบทสนทนา “...ถ้าคุณรักผู้หญิง แล้วพบว่า เธอมีนิ้วมือหกนิ้ว คุณจะท�ำยังไง?” “ผมจะขายให้คณะละครสัตว์” “จริงเหรอ?” “ไม่, ไม่ท�ำดอกครับ” ผมตอบ “...แค่ล้อเล่น ผมคิดว่าความรู้สึกน่าจะไม่ เปลี่ยนไปนะ” “แม้ว่าลูกของคุณจะเกิดมามีหกนิ้ว?” ผมใช้เวลาคิดเรื่องนั้นนานโข “ความรู้สึกก็ยังคงไม่เปลี่ยน นิ้วเพิ่มอีกนิ้วไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไรนี่ครับ” “แล้วถ้าเธอมีนมสี่เต้า?” ผมคิดเรื่องนั้นเช่นกัน “ไม่รู้ซี” นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

31


นมสี่เต้า? เรื่องชวนคุยประเภทนี้ต่อยอดแตกกอได้ไม่รู้จบ ผมเปลี่ยนไป คุยเรื่องอื่น “หนูอายุเท่าไหร่?” “สิบหกค่ะ เพิง่ ผ่านวันเกิดมาไม่กวี่ นั นีเ้ อง ปีแรกในโรงเรียนมัธยมปลาย” “หนูพักเรียนมานานแล้วหรือ?” “ขาหนูปวดถ้าเดินมากเกินไป แล้วหนูกม็ รี อยแผลเป็นทีห่ างตา โรงเรียน ของหนูเคร่งครัดระเบียบ คงเล่นงานหนูหนักแน่ๆ ถ้ารู้ว่าตกจากการซ้อนท้าย มอเตอร์ ไซค์ หนูก็เลยพักการเรียน ลาป่วยไม่มีก�ำหนด หนูลาหยุดได้ทั้งปี หนูไม่รีบไม่เร่งเรียนเลื่อนชั้นอยู่แล้ว” “เห็นได้ชัด” “คุณบอกว่าคุณไม่รังเกียจที่จะแต่งงานกับสาวหกนิ้ว แต่ก็รับไม่ได้เรื่อง นมสี่เต้า...” “ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น บอกเพียงว่าไม่ทราบ” “ท�ำไมไม่ทราบ?” “ไม่รู้ซี คงยากจะวาดภาพนั้น” “แต่คุณก็วาดภาพคนหกนิ้วได้” “พอได้” “แล้วท�ำไมวาดภาพสี่เต้าไม่ออก ต่างกันที่ตรงไหน?” ผมเก็บเรื่องนี้คิดเป็นนาน แต่หาค�ำตอบไม่ได้ “หนูถามมากเกินไปหรือเปล่า?” “คนรอบข้างหนูเขาบอกอย่างนั้นหรือ?” “ใช่ค่ะ, บางคราว” ผมหันกลับไปหาทางแมวเดินอีกครั้ง ผมมานั่งท�ำห่ะอะไรที่นี่? ไม่มีแมว สักตัวเยีย่ มหน้ามาให้เห็น มือยังกอดอก ผมพริม้ ตาหลับไปสักยีส่ บิ หรือสามสิบ วินาทีกระมัง รับรู้ ได้ว่าหยาดเหงื่อผุดแข่งกันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย แสงอาทิตย์ดูเหมือนจะหนาหนักกดทับ ทุกคราวที่เธอหมุนแก้ว เสียงก้อน น�้ำแข็งดังสดใสเหมือนกระดึงแขวนคอวัว “จะนอนก็ ได้นะคะ” เธอบอก “...ถ้าแมวโผล่มา หนูจะปลุก” 32

บันทึกนกไขลาน


ตาปิด ผมพยักหน้ารับเงียบงัน อากาศนิง่ เงียบสงัดไร้เสียงใดๆ นกพิราบหายหัวไปนานแล้ว ผมย้อนคิด ถึงสาวทางโทรศัพท์ จริงหรือทีผ่ มรูจ้ กั เธอ? ผมไม่คนุ้ น�ำ้ เสียง ไม่คนุ้ ถ้อยท�ำนอง การพูดจา แต่เธอรู้จักผมเป็นอย่างดี ผมน่าจะพลัดเข้าไปยืนจ้องภาพเขียน ของเด คิริโค* ภาพสตรีส่งเงาทอดยาวตัดข้ามถนนว่างเปล่า เงายาวยื่นทอด เหยียดตรงมาหาผม แต่ตัวเธอแยกอยู่ห่าง นอกขอบจิตส�ำนึกของผม เสียง กระดึงวัวแกว่งลูกกระทบไปมาใกล้หูของผม “คุณหลับหรือเปล่า?” เธอถาม เสียงรีดแหลมเล็กจนผมไม่แน่ใจว่าได้ยนิ ถนัดหูนัก “ไม่ครับ ยังไม่หลับ” “หนูเขยิบมาใกล้หน่อยได้ไหม?...จะง่ายหน่อยถ้าต้องกระซิบคุยกัน” “กะได” ผมตอบ ตายังหลับปิด เธอย้ายเก้าอี้ เสียงไม้กระทบไม้ แปลกดี เสียงสาวน้อยดูแปลกไป แตกต่างกันเป็นคนละคน ขึน้ อยูก่ บั ว่า จะฟังตอนลืมตาหรือหลับตา “หนูคุยได้ ไหม? หนูจะไม่พูดดังนัก คุณก็ ไม่จ�ำเป็นต้องตอบ จะนอน หลับไปก็ ไม่ว่า หนูไม่รังเกียจ” “ได้เลย” “ตอนที่คนเราตาย...เจ๋งที่สุด” ปากของเธอแทบอยู่ชิดติดใบหู เสียงของเธอทะลุทะลวงมาพร้อมกับ ลมหายใจอุ่น “ท�ำไม?” ผมถาม เธอยกปลายนิ้วมาแตะริมฝีปากของผม ประหนึ่งจะปิดผนึกแน่น “ไม่มีค�ำถาม ไม่ต้องลืมตาด้วย” ผมผงกหัวเล็กน้อยเท่ากับเสียงกระซิบของเธอ เธอย้ายปลายนิ้วจากริมฝีปากมาแตะที่ข้อมือของผม * จอร์โจ เด คิริโค (1888-1978) หนึ่งในมาสเตอร์เซอร์เรียลลิสต์ นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

33


“หนูอยาก...อยากจะได้มีดผ่าตัดสักเล่ม หนูจะกรีดผ่า ชะโงกหน้าเข้าไป มองข้างใน ไม่ใช่ผ่าศพคนนะ...แค่ก้อนเนื้อแห่งความตาย หนูแน่ใจว่าจะต้องมี อะไรสักอย่างซ่อนอยูใ่ นนัน้ ก้อนกลมเหนียวหยุน่ เหมือนลูกซอฟต์บอล แก่นกลาง แข็งเป็นเส้นประสาทพันขดแน่น หนูอยากหยิบออกมาจากร่างคนตาย เอา ก้อนนั้นมาผ่าดู อยากรู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ อาจจะแข็งเหมือนยาสีฟันแข็งค้าง กลางหลอด นัน่ ละ, ใช่เลย ว่าไหม? ไม่คะ่ , ไม่ตอ้ งตอบ รอบนอกเหนียวหยุน่ แต่เมื่อเจาะลึกเข้าไปข้างใน จะเริ่มแข็งเป็นก้อนเป็นไต หนูอยากผ่าลอกผิว หยิบชัน้ เหนียวหยุน่ ออก เจาะเข้าไปถึงแก่นแข็ง ใช้มดี ผ่าตัด ใช้ไม้กด กดแล้ว ก็กรีด ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ ข้างในก็ยิ่งเป็นเนื้อแน่นแข็งเป็นก้อน กรีดเข้าไป จนถึงแก่นกลาง ก้อนแข็งแน่นปึกเหมือนลูกปืนเลยละ น่าจะเป็นเช่นนัน้ ว่าไหม?” เธอกระแอมกระไอหลายครั้ง “ความคิดแบบนี้แล่นวนในหัวทั้งวัน น่าจะเป็นเพราะหนูมีเวลาว่าง เหลือเฟือ ต้องคิดฆ่าเวลาเล่น ในยามที่คนเราไม่มีอะไรให้ท�ำ เราก็คิด เรื่อยเปื่อย เลอะเทอะ หลุดโลกไปไกลแสนไกลจนตามไปสุดปลายทางไม่ได้” เธอละปลายนิ้วออกจากข้อมือของผม ยกโค้กดื่มจนหมดแก้ว ผมทราบ ว่าแก้วว่างเปล่าจากเสียงก้อนน�้ำแข็งกรุกกริก “ไม่ต้องห่วงเรื่องแมวนะคะ หนูจะดูให้เอง หนูจะไปบอกคุณ ถ้าโนโบรุ วาทายะ โผล่มาให้เห็น ไม่ต้องลืมตานะ หนูแน่ใจว่าโนโบรุ วาทายะ คงเดิน เทีย่ วอยูแ่ ถวนี้ น่าจะมาถึงทีน่ ี่ในอีกไม่กนี่ าทีขา้ งหน้า ก�ำลังเดินมา เดินเข้ามาใกล้ เดินฝ่าพงหญ้ามาทีละก้าวสองก้าว เดินลอดประตูรั้ว หยุดดมดอกไม้ข้างทาง ทุกระยะ ทีละก้าวสองก้าว โนโบรุ วาทายะ เคลือ่ นเข้ามาใกล้ทกุ ขณะ วาดภาพ นั้นไว้ ในหัว วาดภาพแมวให้เห็นชัดในใจ” ผมพยายามวาดภาพไอ้เหมียว แต่ดีที่สุดเท่าที่ท�ำได้เป็นแต่เพียงรูปถ่าย ไฟส่องหลัง แสงอาทิตย์เจิดจ้าเจาะผ่านเปลือกตา ส่องแสงกลบความมืดภายใน ไปสิ้น จนไม่อาจวาดภาพแมวให้เป็นรูปเป็นร่าง ผมมองเห็นแต่เพียงชิ้นส่วน บิดเบี้ยวผิดสัดผิดส่วน มีลักษณะเด่นบางอย่างให้เห็นเค้าโครง แต่ส่วนส�ำคัญ ขาดหายจนไม่เหลือเป็นตัวเป็นตน ผมจ�ำไม่ได้ดว้ ยซ�ำ้ ว่าไอ้เหมียวมีทา่ เดินอย่างไร สาวน้อยวางปลายนิ้วแปะบนข้อมือของผมอีกครั้ง ปลายนิ้วลากไล้วาด 34

บันทึกนกไขลาน


แผนภาพอสัณฐาน ประหนึ่งว่าเป็นการสนองรับ ร่างกายของผมจมดิ่งลงไป ในความมืดคุณภาพใหม่ ไม่คล้ายความมืดใดๆ ที่เคยรู้จักมาก่อน ดิ่งลึกฝังลง ไปในจิตส�ำนึก ผมใกล้หมดสติ จมลงไปในห้วงหลับใหลในไม่ช้านี้แล้ว ผมไม่ อยากหลับ แต่ไม่มีทางแข็งขืนต้านทานได้ ร่างของผมรู้สึกเหมือนซากศพ... ซากศพของผู้อื่น หนักอึ้งถ่วงลงไปติดเก้าอี้ผ้าใบ ในความมื ด ผมมองเห็ น ขาทั้ ง สี่ ข องโนโบรุ วาทายะ ขาสี น�้ ำ ตาล เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง เดินมาบนอุ้งเท้านุ่มบวมเป่งเหมือนสวมรองเท้ายาง ขนาดใหญ่ เท้าเดินย่างไร้สุ้มเสียงบนผิวโลกที่ ไหนสักแห่ง แต่ว่าเป็นที่ ไหนกัน? “สิบนาที, ได้ โปรด เวลาเพียงเท่านั้นที่จ�ำเป็นต้องใช้ ในการเข้าใจกัน และกัน” เสียงของหญิงทางโทรศัพท์ ไม่ใช่แล้ว, เธอกล่าวผิดไป บางคราว สิบนาทีไม่ใช่สบิ นาที อาจยืดขยายหรือหดสัน้ เรือ่ งนัน้ ผมรู้ แน่ใจพอจะยืนยันได้ k

ในตอนลืมตาตืน่ ผมอยูต่ ามล�ำพัง สาวน้อยหายไปจากเก้าอีผ้ า้ ใบ ซึง่ ยัง คงวางชิดติดเก้าอีข้ องผม ผ้าเช็ดตัว บุหรี่ และนิตยสารยังกองอยูบ่ นพืน้ หญ้า แต่มิใช่แก้วโค้กและวิทยุล�ำโพงมหึมา อาทิตย์จมดวงลงทางทิศตะวันตก เงาของกิ่งไม้ ใหญ่ไต่มาทาบทับบน หัวเข่า นาฬิกาบอกเวลาสีโ่ มงสิบห้า ผมยันตัวขึน้ นัง่ มองซ้ายมองขวา สนามหญ้า กว้างใหญ่ สระน�้ำแห้ง รั้ว นกหิน พงสร้อยทอง เสาอากาศทีวี ไม่มีวี่แวว ของแมวหรือสาวน้อย ผมหันไปมองทางหลวงแมว รอคอยสาวแว่นด�ำย้อนกลับมา สิบนาทีผา่ นไป ทั้งแมวทั้งสาวน้อยไม่โผล่มาให้เห็น ไม่มีอะไรขยับไหวติง ผมรู้สึกเหมือนอายุ แก่หง่อมไปมากโขในระหว่างหลับใหล ผมลุกขึน้ ยืน หันไปมองทางตัวบ้าน ไม่มเี งาไม่มกี ารเคลือ่ นไหวของมนุษย์ หน้าต่างจรดพื้นสะท้อนแสงอาทิตย์ทิศตะวันตก ผมยอมพ่าย เดินตัดข้าม สนามหญ้ากลับมายังตรอก มุง่ หน้ากลับบ้าน ผมหาแมวไม่พบ แต่ก็ ได้พยายาม ดีที่สุดแล้ว k

นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

35


ที่บ้าน ผมน�ำเสื้อผ้าเข้าเครื่องซัก เตรียมอาหารเย็นง่ายๆ ไว้ โทรศัพท์ ดังสิบสองกริ่งเวลาห้าโมงสามสิบ ผมไม่รับสาย แม้เสียงจะขาดหายไปแล้ว เสียงกริ่งดูเหมือนจะสะท้อนกังวานในห้วงหดหู่ย�่ำเย็น เหมือนฝุ่นลอยฟ่อง กลางอากาศ ปลายเข็มงองุ้มคล้ายกรงเล็บของนาฬิกาตั้งโต๊ะ เคาะเคลื่อน ผ่านหน้าปัดโปร่งใส ลอยค้างกลางอากาศ ท�ำไมไม่เขียนกวีนิพนธ์เรื่องนกไขลาน? ไอเดียผุดเข้ามาในหัว แต่ บรรทัดแรกไม่เยี่ยมหน้ามาทักทาย เด็กสาวมัธยมปลายจะเสพรสซาบซึ้ง เรื่องนกไขลานได้ ในทางใดหรือ? k

คูมโิ กะกลับมาถึงบ้านเวลาทุม่ ครึง่ ระยะหลัง เดือนทีผ่ า่ นมา เธอกลับบ้าน ผิดเวลา นับวันยิ่งดึกกว่าเดิม ไม่ใช่เรื่องผิดปกติหากจะกลับถึงบ้านสองทุ่ม สามทุ่ม บางคราวสี่ทุ่ม ในเมื่อผมปักหลักอยู่ที่บ้าน ท�ำอาหารเย็นไว้รอท่า เธอไม่ต้องเร่งร้อนกลับบ้านอีกต่อไปแล้ว ที่ท�ำงานของเธอขาดไร้ก�ำลังพล เสียงบ่นเปรยเข้าหู เมื่อไม่นานมานี้ พนักงานคนหนึ่งลาป่วยยาวนาน “ขอโทษด้วยค่ะ” เธอบอก “งานไม่รู้จักจบจักสิ้น คนที่จ้างมาช่วยงาน ชั่วคราวไร้ประโยชน์สิ้นดี” ผมเดินเข้าครัว ท�ำอาหารเย็น ปลาย่างเนย สลัด และซุปมิโซะ คูมิโกะ นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร เหยียดขาผ่อนคลาย “คุณอยูท่ ี่ ไหนตอนห้าโมงสามสิบ?” เธอถาม “...ฉันพยายามติดต่อ จะได้ บอกว่ากลับบ้านล่าช้าหน่อย” “เนยหมด ผมออกไปซื้อที่ร้านหัวมุม” ผมโกหก “คุณไปธนาคารหรือยัง?” “เรียบร้อย” “แล้วแมว?” “หาไม่เจอ ผมไปที่บ้านร้างตามที่คุณบอก ไม่มีร่องรอยอะไรเลย พนัน ได้เลยว่าไอ้เหมียวจะต้องไปไกลกว่านั้น” เธอไม่พูดอะไรออกมา ผมอาบน�้ำหลังอาหารเย็น เดินออกมายังห้องนั่งเล่น พบคูมิโกะนั่งใน 36

บันทึกนกไขลาน


ห้องมืด ร่างกองอยูม่ มุ โซฟา เสือ้ เชิต้ ท�ำงานสีเทายังสวมติดตัว เงาตะคุม่ คล้าย กระเป๋าเดินทางที่หลงทิ้งไว้ผิดที่ ผมเช็ดเส้นผมด้วยผ้าเช็ดตัว นั่งโซฟาตรงข้ามกับคูมิโกะ เสียงอู้อี้แผ่วระโหยจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ฉันแน่ ใจแล้วว่ าแมวตาย ไปแล้ว” “ไม่เอาน่า” ผมตอบ “...ป่านนี้คงเฉลิมฉลองสนุกสุดเหวี่ยงอยู่ที่ ไหน สักแห่ง หิวท้องกิว่ ก็กลับมาบ้านเอง อีกไม่นานหรอก จ�ำได้ไหม? เคยเกิดเรือ่ ง แบบนี้มาหนหนึ่ง ตอนที่เราอยู่ที่โคเอ็นจิ...” “คราวนัน้ ไม่เหมือนกัน” เธอตอบ “...คราวนีค้ ณ ุ ผิดแล้วละ ฉันรู้ แมวตาย ไปแล้ว เน่าเปือ่ ยเหลือแต่กระดูกในพงหญ้า คุณได้ตรวจดูในพงหญ้าหรือเปล่า?” “ก็ ไม่นะ บ้านอาจจะร้าง แต่กเ็ ป็นบ้านคนอืน่ จะเดินท่อมๆ เข้าไปในบ้าน เขาได้อย่างไร?” “แล้วคุณไปตามหาแมวที่ ไหนกัน? ฉันพนันได้เลยว่าคุณไม่ได้ออกแรง ตามหาให้เหนื่อย เพราะเหตุนี้ถึงหาไม่พบ” ผมถอนหายใจยาว เช็ดเส้นผมใหม่อกี รอบ ผมอ้าปาก แต่แล้วก็เปลีย่ นใจ เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้กระซิก ก็พอจะเข้าใจได้ คูมิโกะรักแมวตัวนี้ แมวอยู่ กับเราตั้งแต่แต่งงานกันใหม่ๆ ผมโยนผ้าเช็ดตัวลงในถังผ้า ย้อนกลับเข้าไป ในครัว เปิดเบียร์ดื่ม ช่างเป็นวันโง่เง่า...วันโง่เดือนง่าวปีอุบาทว์ โนโบรุ วาทายะ แกอยู่ที่ ไหน? หรือว่านกไขลานลืมไขลานให้แก? ใช่เลย, ถ้อยค�ำเรียงร้อยกันพอเป็นบทกวีได้ โนโบรุ วาทายะ, แกอยู่ที่ ไหน? หรือว่านกไขลาน ลืมไขลานให้แก?

เบียร์หมดไปครึ่งขวด โทรศัพท์ดังขึ้น “รับหน่อยได้ไหม?” ผมตะโกนบอกไปในความมืดของห้องนั่งเล่น นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

37


“ไม่เอา” เธอตอบ “...คุณมารับเอง” “ไม่อยากรับ” โทรศัพท์กรีดกริง่ ต่อเนือ่ ง ก่อกวนฝุน่ ลอยคว้างกลางความมืดให้ปว่ นปัน่ เราสองคนไม่มีใครพูดค�ำใด ผมดืม่ เบียร์ คูมโิ กะร้องไห้ไร้เสียงสืบไป ผมนับกริง่ ได้ยี่สิบก่อนยอมพ่าย ไร้สาระสิ้นดีถ้าจะนับต่อเนื่องไปตลอดกาลนาน

38

บันทึกนกไขลาน


2 จันทร์เต็มดวงกับสุริยคราส เรื่องม้าล้มตายในโรงม้า

เป็นไปได้หรือที่มนุษย์คนหนึ่งจะเข้าใจอีกคนได้ถึงขั้นลึกซึ้งถ่องแท้? เราอาจจะอุทศิ พลังงานและเวลา ทุม่ เทสุดอุตสาหะทีจ่ ะท�ำความรูจ้ กั ใคร อีกคน แต่ในท้ายทีส่ ดุ เราเฉียดเข้าใกล้แก่นกลางของคนผูน้ นั้ ได้มากสักแค่ไหน? เราพร�่ำบอกตนเองว่ารู้จักคนผู้นั้น จริงหรือ? จริงหรือที่เราจะทราบเรื่องราว สลักส�ำคัญในชีวิตของอีกฝ่าย? ผมเก็บเรื่องนี้มาคิดจริงจังในสัปดาห์แรกที่ผมลาออกจากงานส�ำนักงาน กฎหมาย ไม่ใช่ก่อนหน้านั้น ในชีวิตที่ผ่านมา ผมไม่เคยเบียดเบียนตนเองด้วย ค�ำถามนี้ ท�ำไมหรือ? อาจเป็นเพราะผมวุน่ วายอยูก่ บั การใช้ชวี ติ เต็มเวลาก็เป็นได้ ผมท�ำงานยุ่งเกินกว่าจะคิดถึงตัวเอง เรื่องเล็กเรื่องน้อยที่เป็นจุดสะกิดให้ผมเริ่มต้นคิด เหมือนเช่นเรื่องราว ใหญ่โตในโลกที่มีจุดเริ่มต้นด้วยเรื่องเล็กจิ๋ว เช้าวันหนึ่ง หลังจากที่คูมิโกะ กระหืดกระหอบกินอาหารเช้า ออกจากบ้านไปท�ำงาน ผมน�ำเสือ้ ผ้าเข้าเครือ่ งซัก ปูเตียงใหม่ ล้างจาน และดูดฝุน่ จากนัน้ ผมไปนัง่ ทีเ่ ฉลียงหน้าบ้าน พลิกอ่าน รายการโฆษณาและสินค้าลดราคา แมวนัง่ อยูข่ ้างกาย เทีย่ งวัน ผมกินอาหาร เสร็จ ออกไปซูเปอร์มาร์เก็ต ซือ้ อาหารเตรียมไว้ทำ� อาหารเย็น และจากมุมสินค้า ลดราคา ซื้อผงซักฟอก กระดาษเช็ดหน้า และกระดาษช�ำระ ย้อนกลับบ้าน อีกครั้ง ผมเตรียมเครื่องปรุงไว้ท�ำอาหารเย็น นอนเอนบนโซฟา อ่านหนังสือ นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

39


รอคูมิโกะกลับบ้าน ว่างงานใหม่ๆ หมาดๆ ผมพบว่าชีวิตใหม่สดชื่นเบิกบานเป็นที่สุด ไม่ต้อง ออกเดินทางยัดทะนานร่วมกับมนุษย์เงินเดือนในรถไฟใต้ดนิ ไม่ตอ้ งเข้าประชุม พูดคุยกับผูค้ นทีผ่ มไม่อยากจะเห็นหน้า ทีย่ อดเยีย่ มทีส่ ดุ ผมอยากอ่านหนังสือ เล่มไหน อยากอ่านเมือ่ ไหร่ ก็ทำ� ได้เต็มที่ ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าชีวติ ผ่อนคลาย สุขสบายเยี่ยงนี้จะด�ำเนินไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ถึงจุดนั้น ผ่านมาได้หนึ่ง สัปดาห์เต็มๆ ผมพยายามอย่างหนักที่จะไม่คิดถึงอนาคต นี่อาจจะเป็นช่วง พักร้อนแสนสุขที่สุดในชีวิตนี้ แต่วันหยุดย่อมมีวันจบสิ้น ก่อนจะถึงเวลานั้น ผมตั้งใจมุ่งมั่นจะเสพความอภิรมย์ให้ถึงขีดสุด ทว่า ย�ำ่ เย็นวันนัน้ ผมไม่อาจเสพความสุขจากการอ่านหนังสือเนือ่ งเพราะ คูมิโกะกลับบ้านผิดเวลา เธอกลับมาถึงบ้านไม่เกินหกโมงครึ่ง และหากเธอ คิดว่าจะล่าช้ากว่านั้นสักสิบนาที เธอจะโทรมาแจ้งให้ทราบเสมอ เธอเป็นคน เช่นนั้น เคร่งครัดแม่นระเบียบกฎเกณฑ์เป็นที่สุด วันนั้นเป็นข้อยกเว้น เวลา ผ่านไป ทุ่มเศษแล้ว เธอยังกลับไม่ถึงบ้าน ไม่มีโทรศัพท์ เนื้อหั่นผักซอย เตรียมรอพร้อม ผมผัดแล้วเสร็จในไม่กนี่ าทีทเี่ ธอเดินเข้าบ้าน ทีเ่ ตรียมไว้กม็ ใิ ช่ งานเลี้ยงเลิศหรูอะไรนัก เพียงแค่ชิ้นเนื้อ หอมหัวใหญ่ พริกหวาน ถั่วงอก เหยาะด้วยเกลือ พริกไทย ซอสถัว่ เหลือง ราดรดด้วยเบียร์...สูตรอาหารจานเด็ด เมื่อครั้งยังโสด ข้าวหุงแล้ว ซุปมิโซะอุ่นบนเตา ผักหั่นแยกเป็นกอง รอลง กระทะน�ำ้ มันร้อน มีเพียงคูมโิ กะทีข่ าดหายไป ผมหิวท้องกิว่ ถึงขนาดจะคิดแยก กองผักผัดกินล่วงหน้าตามล�ำพัง เพียงแค่คิด ก็ ไม่เหมาะไม่ควร ผมนั่งที่โต๊ะอาหาร จิบดื่มเบียร์แกล้มขนมปังกรอบอ่อนย้วย คุ้ยออกมา จากทีซ่ อ่ นซุกอยูก่ น้ ตู้ ผมจับตามองเข็มยาว กระดิกคืบเคลือ่ นเชือ่ งช้า มุง่ หน้า ไปหาต�ำแหน่ง...และเคลื่อนผ่านหนึ่งทุ่มสามสิบนาที เธอกลับมาถึงบ้านหลังสามทุ่ม ใบหน้าอิดโรยเหนื่อยล้า ตาแดงก�่ำ สัญญาณไม่ดี เกิดเรื่องเลวร้ายเสมอในยามที่เธอตาแดงเป็นแสงไฟ เอาละ, ผมพร�ำ่ บอกตัวเอง ท�ำใจให้สบาย ค่อยพูดค่อยจา วางตัวตามสบาย อย่าได้เคลื่อนไหวปุบปับ ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นแตกตื่น “ฉันขอโทษด้วย” คูมิโกะบอก “...งานนี้ท�ำอะไรก็พลาดไปหมด ฉันคิดว่า 40

บันทึกนกไขลาน


จะโทรมาบอก แต่อะไรต่อมิอะไรมาขวางทางได้ทุกที” “อย่ากังวลไปเลย ไม่มีอะไรแล้ว อย่ายอมให้มันเข้ามากวนใจ” ผมตอบ ด้วยมาดผ่อนคลาย ราบเรียบที่สุดที่จะท�ำได้ แท้จริงแล้ว ผมก็ ไม่หัวเสียไป กับเรื่องนี้ ผมเองเคยเจอเรื่องคล้ายคลึงกันมาหลายครั้งหลายคราแล้ว การ เดินทางออกไปท�ำงานนอกบ้านหนักหนาสาหัส ไม่ใช่งานอิ่มใจอภิรมย์เหมือน เก็บดอกกุหลาบสวยที่สุดในสวนถือไปเยี่ยมไข้คุณยายห่างออกไปแค่สองถนน ใช้เวลาพูดคุยดูแลเธอทั้งวัน ในบางคราว เราจ�ำเป็นต้องท�ำเรื่องงี่เง่าร่วม กับคนง่าว หาเวลาปลอดโปร่งโล่งใจหยิบโทรศัพท์ โทรกลับบ้านแทบจะไม่ได้ เพียงแค่สามสิบวินาทีเท่านั้นที่จะกรอกเสียงลงไปว่า “ผมคงกลับบ้านผิดเวลา สักหน่อย” โทรศัพท์พบได้ทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ ไม่อาจท�ำได้ ผมเดินเข้าห้องครัว เปิดแก๊ส รินน�ำ้ มันลงกระทะ เธอหยิบเบียร์ออกจาก ตู้เย็น แก้วจากตู้เก็บจาน กวาดสายตาวาบมองผ่านกับข้าวที่ผมจะท�ำ เดินไป นัง่ ที่โต๊ะอาหารโดยไม่พดู อะไรออกมา มองจากสีหน้าของเธอ ดูคล้ายว่าเบียร์ จะขมบาดคอ “คุณน่าจะกินไปก่อน ไม่ต้องรอฉัน” เธอบอก “ไม่เป็นไร ผมไม่หิวเท่าไหร่” ในระหว่างที่ผมผัดเนื้อคลุกกับผัก คูมิโกะไปล้างหน้าล้างตา ผมได้ยิน เสียงเธอล้างหน้าและแปรงฟัน อีกชัว่ อึดใจ ได้ยนิ เสียงเธอเดินออกจากห้องน�ำ้ ในมือถือกระดาษช�ำระและกระดาษเช็ดหน้าที่ผมซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต “ท�ำไมคุณซื้อของพวกนี้?” น�้ำเสียงของเธอไม่รื่นหูนัก ผมถือกระทะค้างในมือ หันมามอง เบนสายตามามองกระดาษช�ำระและ กระดาษเช็ดหน้า ผมเดาไม่ออกว่าเธอพยายามจะบอกอะไร “หมายความว่ายังไง? ก็เป็นแค่กระดาษช�ำระกับกระดาษเช็ดหน้า เรา จ�ำเป็นต้องใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็ ไม่ถึงกับหมดเกลี้ยงบ้าน แต่ก็ ไม่เน่าเสียถ้า ซื้อมาเก็บส�ำรองไว้” “ก็, ก็แน่อยูแ่ ล้ว แต่ทำ� ไมคุณซือ้ กระดาษเช็ดหน้า สีฟา้ แล้วก็กระดาษช�ำระ ลายดอกไม้ ด้วย?” “ไม่เข้าใจ” ผมพยายามสงบสติอารมณ์ “...ลดราคาพอดี กระดาษเช็ดหน้า นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

41


สีฟ้าไม่ท�ำให้จมูกเป็นสีฟ้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรนี่” “เรือ่ งใหญ่ซี ฉันเกลียดกระดาษเช็ดหน้าสีฟา้ แล้วก็เกลียดกระดาษช�ำระ ลายดอกไม้ คุณไม่รู้เลยหรือ?” “ใครจะไปรู้ได้? ท�ำไมถึงเกลียด?” “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าท�ำไมเกลียด? เกลียดก็เกลียด เหมือนที่คุณเกลียด ลูกไม้ถกั คลุมโทรศัพท์ เกลียดกระติกน�ำ้ ร้อนทีม่ ดี อกไม้ประดับ เกลียดกางเกงยีน ขาบานประดับหมุด เกลียดทีฉ่ นั ไปแต่งเล็บ แม้แต่คณ ุ ก็หาเหตุผลมาบอกไม่ได้ เป็นแค่รสนิยมส่วนตัว” ไม่จริง, ผมมีค�ำบรรยายยืดยาวครบถ้วนในแต่ละเรื่อง แต่ผมก็ ไม่ได้พูด อะไรออกมา “เอาเถอะ, ถือเป็นรสนิยมส่วนตัวก็ ได้ แต่คุณจะบอกผมหรือว่า ตลอดหกปีทเี่ ราแต่งงานกัน คุณไม่เคยแม้แต่ครัง้ เดียวทีจ่ ะซือ้ กระดาษเช็ดหน้า สีฟ้าและกระดาษช�ำระลายดอกไม้?” “ไม่เคย, ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว” “จริงหรือ?” “จริงอยู่แล้ว กระดาษเช็ดหน้าที่ฉันซื้อ หากไม่ขาว เหลือง ก็ชมพู และ ที่แน่ที่สุด ฉันจะไม่ยอมซื้อกระดาษช�ำระลายดอกไม้เป็นเด็ดขาด ฉันช็อกเป็น ที่สุดที่คุณใช้ชีวิตอยู่กับฉันตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยไม่รู้เรื่องนี้” ผมเองก็ช็อกเช่นกันที่ ใช้ชีวิตในหกปีที่ผ่านมาโดยไม่เคยสักครั้งที่จะได้ สัมผัสกระดาษเช็ดหน้าสีฟ้าและกระดาษช�ำระลายดอกไม้ “ไหนๆ ก็คยุ กันแล้ว” เธอกล่าวต่อ “...ฉันรับไม่ได้เรือ่ งเนือ้ ผัดคลุกพริกหวาน รังเกียจเป็นที่สุด คุณรู้หรือเปล่า?” “ไม่เคยทราบ” “เรื่องจริง อย่าได้ถามว่าท�ำไม ฉันเพียงแค่ทนกลิ่นของสองสิ่งผัดร่วม กระทะเดียวกันไม่ได้” “หมายความว่าตลอดหกปีที่ผ่านมา คุณไม่เคยผัดเนื้อใส่พริกหวานเลย แม้แต่ครั้งเดียว?” เธอสัน่ หัว “ฉันจะกินพริกหวานในสลัด ฉันจะผัดเนือ้ กับหอมหัวใหญ่ แต่ ไม่เคยแม้สักครั้งเดียวในชีวิตที่จะผัดเนื้อกับพริกหวาน” 42

บันทึกนกไขลาน


ผมถอนหายใจยาว “คุณไม่คิดเลยหรือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด?” เธอถาม “คิดว่าเป็นเรื่องแปลก? ไม่เคยสังเกตแฮะ” ผมตอบ ยืนนิ่งคิดทบทวน ก็จริง, หกปีที่เราแต่งงานกัน ผมไม่เคยกินเนื้อผัดพริกหวาน แน่อยู่แล้ว คง เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะยืนยันให้ชัดออกมา “คุณอยูร่ ว่ มกับฉันตลอดเวลาทีผ่ า่ นมา” เธอกล่าวต่อ “...คุณไม่เคยสนใจ ฉัน เรื่องเดียวที่คุณคิดถึง สนใจแต่เรื่องของตัวเอง” “เดีย๋ ว เดีย๋ วซี” ผมปิดแก๊ส วางกระทะลงบนเตา “...อย่ากระพือให้ลกุ ลาม ใหญ่โต คุณอาจจะพูดถูก ผมไม่ได้สนใจมากนักเรื่องกระดาษเช็ดหน้าหรือ กระดาษช�ำระ แม้แต่เรื่องเนื้อผัดพริกหวาน แต่ก็ ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้ ใส่ใจในตัวคุณ ก็จริง, ผมไม่ได้สนใจห่ะว่ากระดาษเช็ดหน้าจะเป็นสีอะไร เออ, ถ้าเป็นสีดำ� ก็ทนรับไม่ไหว จะขาวจะฟ้า ไม่เกีย่ งทัง้ นัน้ เช่นเดียวกับเรือ่ งเนือ้ กับ พริกหวาน จะกินแยกกินรวม ก็ ไม่เห็นแปลก สูตรอาหารรสเด็ดเนือ้ ผัดพริกหวาน จะสลายหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้ ก็ ไม่ทำ� ให้ผมเศร้าสร้อย ไม่ได้เกีย่ วกับคุณ แก่นที่เป็นตัวคุณ สิ่งที่ท�ำให้คูมิโกะเป็นคูมิโกะ ผมพูดผิดไปหรือ?” แทนค�ำตอบ เธอกระดกเบียร์ทเี่ หลือในแก้ว สองอึก หมดเกลีย้ ง เหม่อจ้อง ขวดเปล่า ผมเทผัดในกระทะลงถังขยะ ลากันทีอาหารจานเด็ดเนื้อพริกหวาน หอมหัวใหญ่ถวั่ งอกราดเบียร์ นาทีหนึง่ เป็นอาหารจานเด็ด นาทีถดั มากลายเป็น ขยะ ผมเปิดเบียร์ ยกดื่มจากขวด “ท�ำไมคุณต้องท�ำอย่างนั้น?” เธอถาม “ก็คุณเกลียดมันมาก” “แต่คุณก็ยังพอจะกินได้” “ผมชักไม่อยากกินเนื้อผัดพริกหวานอีกต่อไปแล้ว” เธอยักไหล่ “อะไรก็ ได้ที่ท�ำให้คุณมีความสุข” เธอวางท่อนแขนลงบนโต๊ะอาหาร ซบหน้าลงไป นิ่งอยู่ในท่านั้นอีกนาน ผมบอกไม่ได้ว่าเธอหลับไปหรือว่าร้องไห้ ผมหันไปมองกระทะว่างเปล่า มอง คูมโิ กะ ยกเบียร์ขนึ้ ดืม่ บ้าสิน้ ดี ใครจะไปสนใจห่ะกระดาษช�ำระกับพริกหวาน? นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

43


แต่ผมก็เดินไปหา วางมือบนหัวไหล่ของเธอ “เอาเถอะ, ผมเข้าใจแล้ว นับแต่นี้ต่อไป ผมจะไม่ซื้อกระดาษเช็ดหน้าสีฟ้าและกระดาษช�ำระลายดอกไม้ ผมให้สัญญา พรุ่งนี้ ผมจะหอบกลับไปทั้งห่อ ขอเปลี่ยนเป็นสีอื่น ถ้าเขาไม่ให้ เปลีย่ น จะเอาไปรวมกองเผาทิง้ ให้หมดในสนาม น�ำอังคารไปลอยในทะเล แต่นี้ ต่อไป ในบ้านนี้จะไม่มีเนื้อผัดพริกหวาน ไม่มีอีกแล้ว อีกไม่นาน กลิ่นในครัวก็ จะจางหายไป เราไม่ต้องเสียเวลาคิดถึงเรื่องนี้” แต่เธอนิง่ เงียบ ผมอยากจะออกไปเดินเล่นนอกบ้านสักชัว่ โมง ย้อนกลับ มาพบเธอแย้มยิ้มหน้าผ่อง แต่เรื่องนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ผมจ�ำเป็นต้องแก้ ปัญหาให้จบลงตรงนี้ “ฟังนะ, คุณเหนือ่ ยเกินไป พักสักครู่ เราจะออกไปหาพิซซากิน เรากินพิซซา กันครัง้ ท้ายสุดเมือ่ ไหร่? แองโชวีกบั หอมใหญ่ แบ่งกันคนละครึง่ ถาด นานๆ ครัง้ กินที คงไม่ท�ำให้เราตาย” วิธีนั้นยังไม่ได้ผล เธอก้มหน้าซบท่อนแขน ผมไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอื่นใดมาคุย ผมนั่งที่โต๊ะ มองข้ามโต๊ะดูเธอ ใบหู ข้างหนึง่ โผล่พน้ พุม่ ผมด�ำตัดสัน้ ใบหูมตี า่ งหูทผี่ มไม่เคยเห็นมาก่อน ปลาทองค�ำ ตัวเล็ก เธอไปซื้อต่างหูแบบนี้จากที่ ไหนกัน? ผมหิวบุหรี่ วาดภาพว่าควักซอง บุหรี่กับไลเตอร์ออกจากกระเป๋า เสียบก้นกรองเข้าที่มุมปาก จุดไลเตอร์ ดูด อัดควันเต็มปอด ก่อนจะระบายพรูออกมา กลิ่นเนื้อผัดพริกหวานอวลอยู่ใน ห้อง ผมหิวไส้กิ่ว สายตาของผมเหม่อมองปฏิทนิ ข้างฝา ปฏิทนิ มีขา้ งขึน้ ข้างแรม ใกล้จนั ทร์ เต็มดวงแล้ว แน่นอนทีส่ ดุ ได้เวลาทีร่ อบเดือนของคูมโิ กะเวียนมาบรรจบอีกครัง้ หลังแต่งงานได้ไม่นานนัก ผมเพิ่งประจักษ์ว่าผมเป็นพลโลกสังกัดอยู่บน ดาวเคราะห์ดวงนี้ บนดาวเคราะห์ดวงทีส่ ามจากดวงอาทิตย์ ผมอาศัยอยูบ่ นโลก และโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยมีดวงจันทร์เป็นดาวบริวารโคจรรอบโลก ชอบ หรือชัง เรือ่ งเช่นนีจ้ ะด�ำเนินไปชัว่ กาลนาน (เรียกได้วา่ กัลปาวสานเปรียบเทียบ กับชีวติ แสนสัน้ ของผม) สิง่ ทีเ่ บิกเนตรให้ผมมองเห็นเรือ่ งนี้ จะเป็นการมาเยือน ของรอบเดือนยี่สิบเก้าวันแม่นย�ำ สอดคล้องกับข้างขึ้นข้างแรมของจันทร์เจ้า ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เธอจะปวดท้องรอบเดือนสาหัส มักจะหงุดหงิด บางคราว 44

บันทึกนกไขลาน


ถึงขัน้ ซึมเศร้า...สองสามวันก่อนรอบเดือนจะมา ผมต้องระวังตัวสุดเดช ไม่กอ่ ปัญหาโดยไม่จ�ำเป็นในวันมามาก ก่อนแต่งงาน ผมแทบไม่สนใจดิถีดวงจันทร์ อาจจะเงยหน้ามองเห็นจันทร์เสีย้ วจันทร์แรมกลางฟ้าเป็นครัง้ คราว แต่ก็ ไม่เกีย่ ว อะไรกับผม บัดนี้ ผมต้องบันทึกเสี้ยวจันทร์ผนึกไว้ ในหัว ผมเคยพบหญิงอื่นก่อนจะคบกับคูมิโกะ แน่นอนที่สุด สตรีแต่ละนาง ก็ล้วนมีรอบเดือนประดับตัว บางคนก็ง่ายสบายตัว บางคนก็ปวดสาหัส บ้าง กินเวลาเพียงสามวัน ในขณะที่อีกคนหลั่งเลือดทอดระยะยาวนานเป็นสิบวัน ท�ำให้ผมหวาดกลัวแทบขาดใจ หญิงบางคนอารมณ์เสีย ส่วนหนึง่ ไม่มผี ลกระทบ แต่อย่างใด ทว่า ก่อนผมจะแต่งงาน ผมไม่เคยใช้ชวี ติ ร่วมกับสตรีใด ก่อนหน้า นั้น วัฏจักรของธรรมชาติเป็นแต่เพียงฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ฤดูหนาวผมดึงเอา เสือ้ โค้ตออกจากกล่อง ฤดูรอ้ นเป็นเวลาสวมรองเท้าแตะ ชีวติ แต่งงานไม่เพียง แค่การอาศัยใช้ชีวิตร่วมกับอีกคนบนโลกใบนี้ หากแต่เป็นการสดับแนวคิดใหม่ ของวัฏจักรดิถดี วงจันทร์ มีเพียงคราวเดียวทีร่ อบเดือนของเธอไม่มา นานหลาย เดือน คราวนั้นเธอตั้งท้อง “ฉันขอโทษ” เธอเงยหน้าขึน้ “...ฉันไม่ได้คดิ จะพาลคุณ ฉันเหนือ่ ย แล้วก็ อารมณ์ ไม่ดี” “ไม่เป็นไร” ผมตอบ “อย่าปล่อยให้เรือ่ งราวมากวนใจให้ขนุ่ หมอง เหนือ่ ยนัก ก็หวดใครสักคน หากนั่นจะท�ำให้คุณรู้สึกดีขึ้น” คูมิโกะผ่อนลมหายใจยาวเชื่องช้า กลั้นนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะระบายพรู ออกมา “แล้วคุณล่ะ?” เธอถาม “ผมท�ำไม?” “คุณไม่ได้พาลใส่คนอื่นเวลาคุณเหนื่อย ฉันมักท�ำเช่นนั้น ท�ำไม?” ผมสั่นหัว “ไม่เคยสังเกต...แปลกดี” “อาจเป็นไปได้วา่ คุณมีบอ่ ลึกอยู่ในตัว หงุดหงิดขึน้ มาเมือ่ ไหร่ คุณก็ตะโกน ลงไปในบ่อว่า ‘พระราชามีหูลา’ สิ้นเสียง ทุกอย่างก็ปลอดโปร่งโล่งใจ” ผมน�ำมาคิดอีกครู่ใหญ่ “อาจเป็นอย่างนั้น” คูมิโกะเหม่อจ้องขวดเบียร์ว่างเปล่าอีกครั้ง เพ่งจ้องตราข้างขวด เพ่ง นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

45


มองปากขวด ปลายนิ้วจับคอขวดหมุน “ประจ�ำเดือนจะมา” เธอบอก “...คงเป็นเพราะเหตุนี้ที่ฉันอารมณ์เสีย” “ผมทราบ อย่าปล่อยให้เรื่องนั้นมากวนให้ขุ่นใจ คุณไม่ใช่คนเดียวที่เป็น แบบนี้ ม้าหลายร้อยหลายพันตัวล้มตายตอนพระจันทร์เต็มดวง” เธอละปลายนิ้วจากคอขวด อ้าปาก เบิ่งตาจ้องหน้าผม “เฮ้ย, เรื่องนั้นโผล่พรวดพราดมาจากไหน?” ผมอ่านเจอในหนังสือพิมพ์เมือ่ หลายวันก่อน ตัง้ ใจจะเล่าให้ฟงั แต่กล็ มื ไป เสียได้ บทสัมภาษณ์นายสัตวแพทย์ ยืนยันแน่ชดั เลยนะว่าดิถดี วงจันทร์มอี ทิ ธิพล ต่อม้า ทั้งในเชิงกายภาพและอารมณ์ คลื่นสมองของม้าจะกระเจิงบ้าคลั่ง เมื่อใกล้จันทร์เต็มดวง ม้าจะออกอาการเหมือนมีโรคภัยไข้เจ็บทางร่างกาย และแล้ว ในคืนจันทร์เต็มดวง ม้าจะล้มป่วย จ�ำนวนไม่นอ้ ยทีเ่ สียชีวติ ไม่มผี ู้ ใด ทราบว่าท�ำไมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ แต่สถิติก็ยืนยันจนปราศจากข้อสงสัย สัตวแพทย์ม้าๆ ไม่เคยได้หลับได้นอนในคืนจันทร์เต็มดวง ต้องเตรียมพร้อม งานเต็มมือ” “น่าสนใจ” คูมิโกะตอบรับ “ยิ่งเป็นสุริยคราสนะ เลวร้ายสุดขีดเลยละ เรียกได้ว่าทุกข์ระทมขมขื่น ส�ำหรับมวลม้าทั้งปวง คุณไม่มีทางเดาได้เลยว่าม้าล้มตายมากแค่ไหนในวัน คราสจับเต็มดวง ว่าไปแล้ว ผมกล้ายืนยันว่า ในนาทีนี้ ม้าขาดใจตายตัวแล้ว ตัวเล่าที่ ไหนสักแห่งบนโลกนี้ เปรียบเทียบกับเรือ่ งนัน้ แล้ว ไม่ใช่เรือ่ งใหญ่อะไร หากคุณจะอารมณ์เสีย พาลใส่ใครสักคน อย่าได้ปล่อยให้เรื่องขี้ปะติ๋วกวนใจ เพ่งไปทีก่ ารตายของม้า วาดภาพม้านอนขาชีบ้ นกองฟางในโรงม้าที่ ไหนสักแห่ง ในคืนจันทร์เต็มดวง น�ำ้ ลายฟูมปาก ชักแหง็กๆ ๆ ๆ ก่อนลมหายใจจะขาดห้วง” ดูเหมือนว่าเธอจะวาดภาพความทุกข์ทรมานของม้าบนกองฟาง “ฉันต้องยอมรับ...” เธอกล่าวในท้ายที่สุด “...ว่าคุณขายสินค้าอะไรให้ ใครก็ ได้” “ยอดไปเลย ถ้าอย่างนัน้ เปลีย่ นเสือ้ ผ้าได้แล้ว เราจะออกไปหาพิซซากิน” k

คืนนั้น ในห้องนอนมืดสลัว ผมนอนเคียงข้างคูมิโกะ เบิ่งตาโพลงจ้อง 46

บันทึกนกไขลาน


เพดานห้อง ถามตัวเองว่ารูจ้ กั สตรีผนู้ ดี้ แี ค่ไหน นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาตีสอง คูมโิ กะหลับใหลไปแล้ว ในความมืด ผมคิดถึงกระดาษเช็ดหน้าสีฟา้ กระดาษช�ำระ ลายดอกไม้ และผัดเนือ้ ใส่พริกหวาน ผมใช้ชวี ติ อยูร่ ว่ มกับเธอ ไม่เคยทราบเลย ว่าเธอเกลียดเรื่องพวกนี้ ในแง่วัตถุ ก็แค่สิ่งของไร้สาระโง่เง่า เรื่องเล็กน้อย ที่จะหัวเราะให้เห็นข�ำ เรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องขัดแย้งเล็กน้อยที่จะลืมเลือน ไปสิ้นในอีกไม่กี่วัน แต่คราวนี้ต่างไป ก่อกวนคุกคามตามวิถีใหม่ ทิ่มต�ำยอกแสยงเหมือน ก้างปลาต�ำคอ อาจเป็นได้...เป็นไปได้มากทีเดียวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ส�ำคัญ เกินกว่าที่จะมองเห็นผาดเผิน นี่เลย, อาจเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย หรือ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องคอขาดบาดตาย ผมอาจไปยืนอยู่หน้าปากทางเข้า ของห้องโถงใหญ่ ภายในเปิดสู่โลกกว้างที่มีแต่คูมิโกะเพียงคนเดียวสังกัดอยู่ โลกไพศาลที่ผมไม่เคยรู้จัก ผมมองเห็นเป็นแต่เพียงห้องใหญ่มืดมิด ผมยืน อยู่ที่ทวารประตู ในมือถือเพียงไลเตอร์ เปลวเรื่อเรียวเล็ก ส่องวงแสงให้เห็น แต่เพียงเศษเสี้ยวของห้องนั้น ผมจะได้เห็นส่วนที่เหลือไหมหนอ? หรือผมจะแก่ชราและตายไปในที่สุด โดยไม่มโี อกาสได้รจู้ กั เธอ? หากนัน่ เป็นสิง่ ทีร่ อท่าในอนาคตข้างหน้า การแต่งงาน ใช้ชีวิตร่วมกันจะมีประโยชน์ ใดกัน? ผมใช้ชีวิตอยู่สืบไปเพื่อประโยชน์ ใดกัน ในเมื่อต้องใช้เวลาร่วมเรียงเคียงหมอนกับคู่ชีวิตที่ผมไม่รู้จัก? k

นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดในค�่ำคืนนั้น และเก็บมาคิดอีกหลายคืนนานแสนนาน หลังจากนั้น เวลาผ่านไปนานโขก่อนที่ผมจะตระหนักได้ว่า ผมค้นพบวิธีที่จะ เจาะเข้าไปหาแก่นกลางของปัญหา

นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

47


3 หมวกของมอลตา คะโน เชอร์เบ็ตโทนและแอลเลน กินสเบิร์ก กับเดอะ ครูเซเดอร์ ผมอยู่ระหว่างเตรียมอาหารกลางวันในตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้น ผมหั่น ขนมปังออกมาสองแผ่น ป้ายเนยและมัสตาร์ดไว้แล้ว วางทับด้วยชิน้ มะเขือเทศ กับเนยแข็ง วางปิดอีกแผ่นทาบทับอยู่บนเขียง ก�ำลังจะตัดเป็นสองซีกเมื่อ กริ่งโทรศัพท์ส่งเสียงกรีดกรอ ผมปล่อยให้ โทรศัพท์ดงั อีกสามกริง่ ตัดแซนด์วชิ แนวทแยงเป็นสองเสีย่ ง ผมยอมพ่าย หยิบโทรศัพท์มารับสาย อาจเป็นโทรศัพท์จากคูมิโกะก็เป็นได้ “เฮลโหล” เสียงสตรีอีกเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่ใช่เสียงของ คูมิโกะ และไม่ใช่เสียงของสตรีประหลาดไม่มีเสื้อผ้าติดตัวในตอนที่ผมต้ม เส้นสปาเกตตี “ดิฉนั สงสัยว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ทจี่ ะขอสายท่านโทรุ โอกาดะ” เสียงราบเรียบต่อเนื่องเหมือนอ่านจากบทที่จดบันทึกไว้ “พูดอยู่ครับ” “สามีของคูมิโกะ โอกาดะ?” “ไม่ผิด, คูมิโกะ โอกาดะ ผู้เป็นภริยาของผม” “และคุณนายคูมิโกะ โอกาดะ เป็นน้องสาวของท่านโนโบรุ วาทายะ?” “ถูกต้องอีกครัง้ ” ผมตอบ ชืน่ ชมไปกับการสะกดข่มเสียงให้เป็นปกติของ ตนเอง “โนโบรุ วาทายะ เป็นพี่ชายของภรรยาของผม” “ท่านคะ, ดิฉันชื่อ คะโน” 48

บันทึกนกไขลาน


ผมรอคอยให้เธอกล่าวต่อ ชื่อของพี่เมียโผล่พรวดเข้ามา ท�ำให้ผมตื่นตัว ระแวงภัย ผมใช้ดา้ นทูข่ องดินสอวางข้างโทรศัพท์ เกาท้ายทอย ห้าหรือหกวินาที ผ่านไป สาวนั้นไม่เปล่งเสียงใด ไม่มีเสียงฉากหลังลอดผ่านโทรศัพท์ ประหนึ่ง ว่าสาวเจ้าใช้อุ้งมือปิดโทรศัพท์ หันไปคุยกับใครสักคน “เฮลโหล” ผมชักจะเป็นกังวล “ได้ โปรดให้อภัยค่ะท่าน” เสียงนั้นพรวดกลับมา “หากเป็นเช่นนั้น ดิฉัน ขออนุญาตที่จะโทรศัพท์มาหาท่านใหม่ในภายหลัง” “เฮ้, รอเดี๋ยวซี นี่...” เสียงขาดหายไปทันควัน ผมถลึงตาจ้องโทรศัพท์ ยกขึน้ มาแนบหู ไม่ตอ้ ง สงสัย สาวผู้นั้นวางหูไปแล้ว ผมอึดอัดขัดข้องใจ หันกลับมาที่โต๊ะอาหาร ดืม่ กาแฟ กินแซนด์วชิ วินาที ก่อนหน้าที่โทรศัพท์จะดังขึ้น ผมคิดอะไรขึ้นมาได้สักอย่าง ตอนนี้จ�ำไม่ได้แล้ว มีดในมือถือค้างกลางอากาศก่อนจะตัดแซนด์วิชเป็นสองเสี่ยง ผมมั่นใจว่า ผมคิดอะไรอยูส่ กั อย่าง คิดเรือ่ งส�ำคัญเสียด้วย เรือ่ งราวทีผ่ มพยายามเค้นสมอง คิดอยูเ่ ป็นนานไม่เคยประสบความส�ำเร็จเสียที ค�ำตอบผุดเข้ามาในสมองของผม ในตอนทีจ่ ะตัดแซนด์วชิ เป็นสองเสีย่ ง บัดนี้ หายวับไปสิน้ แล้ว ผมเคีย้ วแซนด์วชิ พยายามดึงเค้าเงื่อนให้หวนกลับมา ไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว ค�ำตอบนั้นหายลับ คืนกลับไปอยู่ในซอกมุมมืดของความคิดมีชีวิตผุดโผล่มาให้เห็นเมื่อวินาทีก่อน หน้านั้น k

ผมกินอาหารเสร็จสิ้น เก็บโต๊ะอาหารในตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผมรับโทรศัพท์ทันควัน อีกครั้งที่เป็นเสียงสตรี “เฮลโหล” แต่ก็เป็นเสียงของคูมิโกะ “เป็นไงบ้าง? คุณกินอาหารกลางวันแล้วสินะ” “แล้ว, เที่ยงนี้คุณกินอะไรล่ะ?” “ยังเลย” เธอตอบ “...งานยุ่ง อาจจะหาแซนด์วิชสักอันตอนบ่ายๆ คุณ ท�ำอะไรกิน?” ผมบรรยายแซนด์วิชสองเสี่ยง “อืม” น�ำ้ เสียงนัน้ ไม่มสี ำ� เนียงอิจฉา “...ฉัน นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

49


ลืมบอกคุณตอนเช้า จะมีผู้หญิงโทรมาหาคุณ โทรศัพท์จากคุณคะโน” “โทรมาแล้ว” ผมบอก “...เมือ่ ครู่ใหญ่ เธอเอาแต่รายงานชือ่ ชือ่ ของผม ชือ่ ของคุณ ชือ่ ของพีช่ ายของคุณ แล้ววางหูไปเลย ไม่ได้บอกว่าต้องการอะไร นี่มันเรื่องอะไรกัน?” “เธอวางหู?” “บอกว่าจะโทรกลับมาใหม่” “ถ้างัน้ หากเธอโทรมา ฉันอยากให้คณ ุ ท�ำตามทุกอย่างทีเ่ ธอแนะน�ำ เรือ่ งนี้ ส�ำคัญมากนะ ฉันคิดว่าคุณน่าจะไปพบเธอ” “เมื่อไหร่? วันนี้?” “มีอะไรหรือ? คุณมีนัดท�ำอย่างอื่นหรือไง? นัดกับใครไว้หรือเปล่า?” “ไม่มีใคร ไม่มนี ดั หมาย” ไม่ใช่วนั วาน ไม่ใช่วนั นี้ พรุง่ นีก้ ็ ไม่มี ไม่มแี ผนการ ไม่มนี ดั หมายใดๆ ทัง้ นัน้ “แล้วหญิงคะโนคนนีเ้ ป็นใครกัน? เธอต้องการอะไรจาก ผม? ผมอยากทราบเรือ่ งเบือ้ งต้นก่อนเธอจะโทรมา ถ้าเป็นเรือ่ งงานทีเ่ กีย่ วข้อง กับพีช่ ายของคุณ ลืมไปได้เลย ผมไม่อยากยุง่ เกีย่ วกับไอ้หมอนัน่ คุณก็รอู้ ยูแ่ ล้ว” “ไม่ค่ะ, ไม่ใช่เรื่องงาน” คูมิโกะตอบ น�้ำเสียงร�ำคาญใจ “...เรื่องแมว” “แมว?” “โอ, ขอโทษด้วย ต้องไปแล้วละ มีคนรออยู่ ฉันไม่นา่ แวบมาโทรเลย อย่างที่ฉันบอก ฉันยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง จะรังเกียจไหมถ้าฉันจะวางหู? ฉันจะ โทรมาใหม่ตอนที่ปลีกตัวมาได้นะ” “ฟังนะ, ผมทราบว่าคุณยุ่ง แต่จะบอกให้รู้ตัวหน่อยไม่ได้หรือว่ามันเรื่อง อะไรกัน เกี่ยวกับแมวที่ตรงไหน? แล้วหญิงคะโนคนนี้...” “ท�ำตามที่เธอบอกก็แล้วกัน นะ, ได้ โปรด เข้าใจนะคะ เรื่องนี้ส�ำคัญ ยิ่งยวด ฉันอยากให้คุณอยู่บ้าน รอรับโทรศัพท์จากเธอ ต้องไปแล้วละ” เสียงสั่งขาดหายเพียงนั้น k

ตอนทีโ่ ทรศัพท์ดงั อีกครัง้ เวลาบ่ายสองครึง่ ผมนอนบนโซฟา แรกสุด คิดว่า เป็นเสียงนาฬิกาปลุก มือเอือ้ มไปหาปุม่ ปิด แต่นาฬิกาไม่อยูท่ นี่ นั่ ผมไม่ได้นอน บนเตียงหากแต่เป็นโซฟา ไม่ใช่รุ่งสางหากแต่เป็นตอนบ่าย ผมลุกขึ้น เดินไป 50

บันทึกนกไขลาน


รับโทรศัพท์ “เฮลโหล” “เฮลโหล” เสียงสตรี หญิงคนที่โทรมาในตอนเช้า “ท่านโทรุ โอกาดะ?” “หนึ่งเดียว, โทรุ โอกาดะ” “ท่านคะ, ดิฉันชื่อ คะโน” “สุภาพสตรีที่โทรมาก่อนหน้านี้” “ถูกต้องค่ะ ดิฉันเกรงว่าจะหยาบคายเสียมารยาท ได้ โปรด, เป็นไปได้ หรือไม่ที่ท่านจะว่างบ่ายวันนี้” “เป็นได้” “หากเป็นเช่นนั้น ดิฉันทราบว่าด่วนกะทันหันเกินไป ท่านคิดว่าจะเป็นไป ได้ไหมที่เราจะพบกัน” “เมื่อไหร่? วันนี้? เดี๋ยวนี้?” “ค่ะ” ผมดูเวลาบนข้อมือ ไม่มคี วามจ�ำเป็นต้องดูเวลา เพราะผมเพิง่ ดูเวลาเมือ่ สามสิบวินาทีก่อน เวลาก็ยังคงเป็นบ่ายสองสามสิบ “จะนานไหม?” ผมถาม “ไม่นานเท่าไหร่ค่ะ คิดว่านะคะ ดิฉันอาจคาดผิดก็เป็นได้ ยากที่จะบอก ให้แม่นย�ำได้ ในห้วงนาทีนี้ของเวลา ดิฉันขออภัยด้วย” ไม่ว่าจะกินเวลานานสักแค่ไหน ผมไม่มีทางเลือกเป็นอื่น คูมิโกะบอกไว้ แล้วว่าจะต้องท�ำทุกอย่างตามทีส่ ตรีนางนีส้ งั่ เรือ่ งส�ำคัญคอขาดบาดตาย หาก เธอบอกว่าเป็นเรื่องส�ำคัญ ก็ต้องเป็นเรื่องส�ำคัญ ผมจักต้องท�ำตามที่ ได้รับ ค�ำบัญชา “เข้าใจละ เราจะพบกันที่ ไหน?” “จะเป็นไปได้ไหมทีท่ า่ นจะรูจ้ กั โรงแรมแปซิฟกิ หน้าสถานีรถไฟชินะงาวะ?” “เป็นไปแล้ว” “มีห้องน�้ำชาชั้นล่าง ดิฉันจะคอยอยู่ที่นั่น เวลาสิบหกนาฬิกา หากท่าน ไม่ขัดข้อง” “ได้ครับ” นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

51


“ดิฉันอายุสามสิบเอ็ดปี ดิฉันจะสวมหมวกพลาสติกสีแดง” เยีย่ มเลย ดูเหมือนว่าสตรีนางนีจ้ ะพูดจาเพีย้ นพิลกึ ท�ำให้ผมสับสนว้าวุน่ ใจ ไปชัว่ ครู่ ผมไม่อาจชีช้ ดั ระบุได้วา่ เพีย้ นไปทีจ่ ดุ ใด แต่ก็ ไม่มกี ฎหมายห้ามสตรีอายุ สามสิบเอ็ดปีสวมหมวกพลาสติกสีแดง “เข้าใจละ ผมแน่ใจว่าคงหาตัวคุณพบ” “ดิฉันไม่แน่ใจนัก ท่านจะกรุณาบ่งชี้ลักษณะโดดเด่นที่ปรากฏต่อสายตา ให้ทราบได้หรือไม่?” ผมพยายามคิดว่าผมมี ‘ลักษณะโดดเด่นที่ปรากฏต่อสายตา’ ประการใด บ้าง “ผมอายุสามสิบปี สูง 172 เซนติเมตร 63 กิโลกรัม ผมตัดสั้นเกรียน หน้าตรง ไม่สวมแว่น” ผมเพิ่งตระหนักว่าสิ่งที่ผมเพิ่งบรรยายไปนั้น ไม่อาจ เรียกได้ว่าเป็นลักษณะโดดเด่นที่ปรากฏต่อสายตา อาจมีบุรุษลักษณะเช่นนี้ ห้าสิบคนในห้องน�ำ้ ชาโรงแรมแปซิฟกิ ผมเคยไปทีน่ นั่ ห้องน�ำ้ ชากว้างใหญ่ เธอ ควรจะได้รับค�ำบอกกล่าวอะไรสักอย่างที่จะแยกผมออกจากฝูงชนได้ ผมคิด แต่ก็ ไม่มีค�ำตอบใดพอให้หยิบฉวยมาใช้ได้ ซึ่งก็ ไม่ได้หมายความว่าผมขาดไร้ ลักษณะโดดเด่นเอาเสียเลย...ผมมีหลายข้อเชียวนะ ผมมีแผ่นเสียงพร้อมลายเซ็น ของไมล์ส เดวิส สเก็ตเชส ออฟ สเปน ชีพจรเชือ่ งช้า ช่วงผ่อนคลายหัวใจเต้น สี่สิบเจ็ดครั้งต่อนาที ไม่สูงเกินกว่าเจ็ดสิบยามมีไข้ ผมว่างงาน ผมรู้จักชื่อ พี่น้องคารามาซอฟทุกคน เหอะ, เรื่องราวพวกนี้ ไม่ถือเป็นลักษณะโดดเด่นที่ จะปรากฏต่อสายตาผู้พบเห็น “ท่านจะสวมเสื้อผ้าอย่างไร?” เธอถาม “ไม่รู้ซี...” ผมตอบ “...ยังไม่ได้ตัดสินใจ นัดด่วนกะทันหัน ยังไม่ได้เลือก เสื้อผ้า” “เช่นนั้น ได้ โปรดผูกเน็กไทลายจุด” เธอยืนยันเสียงหนักแน่น “น่าจะมี เน็กไทลายจุดกระมังคะ?” “คิดว่ามีครับ” ผมตอบรับ ผมมีเน็กไทสีนำ�้ เงินเข้ม ลายจุดสีครีม คูมโิ กะ ซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้เมื่อสองหรือสามปีก่อน “ได้ โปรด กรุณาผูกเน็กไทเส้นนั้น” เธอบอก “...ขอขอบพระคุณที่ท่าน ตกลงจะพบดิฉันเวลาสิบหกนาฬิกา” และแล้ว เธอวางหู 52

บันทึกนกไขลาน


k

ผมเปิดตู้เสื้อผ้ามองหาเน็กไทลายจุด ไม่มีแม้แต่เงาบนราวแขวนเน็กไท ผมลากลิน้ ชัก คุย้ เข้าไปในกล่องเสือ้ ผ้าในตู้ ไม่มเี น็กไทลายจุด ไม่มที างทีเ่ น็กไท ลายจุดที่อยู่ในบ้านจะลอดหูลอดตาผมไปได้ คูมิโกะเป็นมนุษย์เคร่งระเบียบ สมบูรณ์แบบ หากเป็นเรือ่ งการจัดเสือ้ ผ้า เน็กไทจะไม่อยู่ในทีอ่ นื่ นอกเหนือจาก ที่เก็บเน็กไท จะว่าไปแล้ว ผมค้นพบสรรพสิ่ง...เสื้อผ้าของเธอและของผม จัดเรียงไว้ ในอันดับเหมาะควรตามศักดิ์ของเสื้อผ้าแต่ละประเภท เสื้อเชิ้ต ของผมพับเรียบร้อยอยู่ในลิน้ ชัก เสือ้ สเวตเตอร์อยู่ในกล่อง ลูกเหม็นคลุง้ ปะทะ ใบหน้าจนน�้ำตาเล็ดเมื่อเปิดฝากล่อง กล่องหนึ่งบรรจุเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เมื่อ ครั้งยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย เครื่องแบบนักเรียนชุดกะลาสีสีน�้ำเงิน มินสิ เกิรต์ ลายดอกไม้ เก็บรักษาไว้อย่างดีเหมือนรูปถ่ายในอัลบัม มีประโยชน์ใด ที่จะเก็บข้าวของพวกนี้ ไว้? อาจเป็นไปได้ว่าเธอถือติดมือมาด้วยเพราะยังหา โอกาสเหมาะที่จะก�ำจัดไม่ได้ หรืออาจเป็นไปได้ว่าเธอวางแผนจะส่งไปยัง บังกลาเทศ หรือไม่กค็ งรอเวลาว่าสักวันจะบริจาคเป็นโบราณวัตถุเชิงวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด เน็กไทลายจุดไม่อยู่ในบ้าน มือวางทาบทับประตูตู้เสื้อผ้า ผมพยายามนึกทบทวนว่าผูกเน็กไทเส้นนี้ ครัง้ ท้ายสุดเมือ่ ใด เน็กไทสวยรสนิยมหรู แต่กเ็ ปรีย้ วเกินกว่าจะผูกไปท�ำงาน หาก ผมผูกเน็กไทเส้นนี้ ไปยังส�ำนักงาน ในยามพักเที่ยงจะต้องมีใครสักคนแซ่ซ้อง เยินยอความโดดเด่นสะดุดตาหรือสีสันสดใส ซึ่งแปลความได้ว่าเป็นค�ำเตือน ในส�ำนักงานกฎหมายที่ผมท�ำงานอยู่ ค�ำยกย่องชมเชยการคัดสรรเน็กไทไม่ถือ เป็นเรื่องดีนัก ดังนั้น ผมจึงไม่ผูกเน็กไทเส้นนี้ ไปท�ำงาน ใช้เพียงโอกาสที่ต้อง แต่งตัวเป็นทางการ ไปดูคอนเสิรต์ ดินเนอร์ในภัตตาคาร หรือในยามทีค่ มู โิ กะ ก�ำชับว่า ‘ควรแต่งกายให้เหมาะสม’ (ไม่ใคร่มโี อกาสเช่นว่าบ่อยครัง้ นัก) เน็กไท ลายจุดเข้ากับสูทสีน�้ำเงินเข้ม เธอโปรดชุดนี้เป็นที่สุด กระนั้น ผมก็ยังคิดไม่ ออกว่าผูกเน็กไทเส้นนี้ครั้งท้ายสุดเมื่อใด ผมเปิดตูเ้ สือ้ ผ้า กวาดสายตาไล่เรียงไปทุกจุดก่อนจะยอมพ่าย ด้วยเหตุผล เรื่องใดหรือเรื่องหนึ่ง เน็กไทลายจุดหายไปแล้ว โอ, ท�ำไงได้? ผมสวมสูท สีนำ�้ เงิน เชิต้ สีฟา้ และเน็กไทลายแถบ ผมไม่กงั วลนัก เธออาจจะมองไม่เห็นผม นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

53


ไม่มีปัญหา ผมเพียงกวาดตามองหาสตรีวัยสามสิบสวมหมวกพลาสติกสีแดง แต่งตัวพร้อมจะออกไปข้างนอกแล้ว ผมนั่งบนโซฟา เหม่อค้างมองผนัง นานแสนนานมาแล้วทีผ่ มสวมสูท โดยปกติแล้ว สูทสามฤดูสนี ำ�้ เงินตัวนีอ้ าจจะ หนาไปหน่อยส�ำหรับฤดูร้อน แต่วันนี้ฝนตก อากาศเย็นเยือก และสูทตัวนี้เอง ทีผ่ มสวมไปท�ำงานวันสุดท้าย (ในเดือนเมษายน) ผมเพิง่ นึกขึน้ มาได้วา่ อาจจะมี อะไรสักอย่างตกค้างอยู่ในกระเป๋าเสือ้ สูท ผมค้นทุกกระเป๋า ในกระเป๋าอกเสือ้ มี ใบรับ ลงวันที่ในฤดูใบไม้รว่ ง หากเป็นใบรับค่าแท็กซี่ จะน�ำไปเบิกเงินทดรองจ่าย จากฝ่ายบัญชีตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว ผมขย�ำเป็นก้อน ทิ้งลงถังขยะ ผมไม่ได้สวมสูทตัวนี้นับแต่วันออกจากงานเมื่อสองเดือนก่อน บัดนี้ ห่างหายจากการสวมสูทไปท�ำงานทุกวัน ผมรู้สึกเหมือนพลัดหลุดเข้าไปใน ดินแดนแปลกถิน่ ผิดที่ สูทหนาหนักแข็งโด่เด่ ไม่สอดรับเค้าโครงล�ำตัวอีกต่อไป แล้ว ผมลุกขึน้ เดินไปรอบห้อง ไปหยุดยืนอยูห่ น้ากระจกเงา ดึงแขนเสือ้ และ ชายเสื้อให้สูทเกาะกอดล�ำตัว ผมเหยียดกางแขน สูดลมหายใจยาวเข้าปอด ก้มค้อมหัวจนถึงระดับเอว ตรวจดูว่าร่างกายของผมเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ในสองเดือน ย้อนกลับมานั่งบนโซฟา แต่ก็ยังอึดอัดไม่สบายตัว ก่อนหน้านีจ้ นถึงฤดูใบไม้ผลิ ผมออกจากบ้าน สวมสูทไปท�ำงานทุกวันโดย ไม่รู้สึกแปลกพิลึก ส�ำนักงานกฎหมายมีนโยบายเรื่องการแต่งกายเข้มงวด แม้แต่เสมียนธุรการระดับผมก็ต้องสวมสูทไปท�ำงาน ผมไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่อง ประหลาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นั่งอยู่บนโซฟาในเสื้อสูท ให้ความรู้สึกอุจาดชั่วช้า เลวทราม เหมือนการแก้คะแนนในประวัตกิ ารศึกษา หรือเบีย่ งเบนถึงขัน้ แต่งหน้า ทาปาก สวมยกทรงยัดฟองน�้ำ สิ่งที่คล้ายความรู้สึกผิดติดใจท่วมทับจนผม หายใจไม่ออก ผมเดินไปที่โถงหน้า หยิบรองเท้าหนังสีนำ�้ ตาลจากชัน้ วาง สอดเท้าลงไป โดยใช้ช้อนรองเท้า ฝุ่นขาวเคลือบเป็นชั้นบางจนไม่เห็นความมันวาว k

เรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่จ�ำเป็นต้องมองหาสตรีผู้นั้น เธอเป็นผู้พบผม เมื่อ เดินเข้าไปในห้องน�้ำชา ผมหยุดยืนกวาดสายตาไปรอบห้อง มองหาสตรีสวม 54

บันทึกนกไขลาน


หมวกพลาสติกสีแดง ไม่มีสตรีสวมหมวกแดง นาฬิกาข้อมือบ่งบอกว่าเหลือ เวลาอีกสิบนาทีกอ่ นสี่โมงเย็น ผมนัง่ ที่โต๊ะ จิบน�ำ้ เย็นทีบ่ ริกรน�ำมาวางให้ ผมสัง่ กาแฟ ก่อนทีบ่ ริกรจะทันได้เดินจากไป เสียงสตรีดงั จากข้างหลัง “ท่านน่าจะเป็น ท่านโทรุ โอกาดะ?” ผมประหลาดใจ หันขวับกลับไปมอง ผมกวาดสายตามอง รอบห้อง เพิ่งผ่านพ้นไปไม่ถึงสามนาที ใต้เสื้อสูทขาวสวมเบลาส์ ไหมสีเหลือง บนศีรษะมีหมวกพลาสติกสีแดง โดยไม่ต้องคิด ผมลุกขึ้นยืนหันไปหาเธอ ‘งาม’ เป็นค�ำแรกที่ผุดเข้ามานิยาม ตัวเธอ อย่างน้อยทีส่ ดุ เธอก็สวยเกินกว่าเสียงทีผ่ มได้ยนิ ทางโทรศัพท์ ร่างระหง สูงโปร่ง แทบไม่มีเครื่องส�ำอางบนใบหน้า เธอฉลาดเลือกเสื้อผ้า...เว้นแต่ หมวกอุบาทว์ใบนั้น เสื้อสูทและเบลาส์ตัดเย็บประณีตรับสัดส่วน ปกเสื้อสูทมี เข็มกลัดทองรูปขนนก หมดจดพริ้มเพราพอจะเป็นเลขานุการิณี ในบรรษัท ขนาดใหญ่ได้ แต่ทำ� ไมนะ? ผมไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าหลังจากเลือกเฟ้นอาภรณ์ หมดจดมีระดับ การวางหมวกพลาสติกสีแดงโปะทับเกินสติปัญญาที่ผมจะ คาดเดาได้ หรืออาจเป็นว่าเธอจงใจสวมหมวกพิลึกเพื่อให้เป็นจุดสังเกตเห็นได้ ชัด หากเป็นกรณีนี้ ถือเป็นไอเดียไม่เลว ถ้าประสงค์จะโดดเด่นเป็นหนึ่งเดียว ในห้องเต็มไปด้วยคนแปลกหน้า หมวกพลาสติกสีแดงท�ำงานได้เต็มก�ำลัง เธอนั่งลงตรงข้าม ผมนั่งกลับลงไปอีกครั้ง “ผมประหลาดใจทีค่ ณ ุ ทราบว่าเป็นผม” ผมเอ่ยขึน้ “...ผมหาเน็กไทลายจุด ไม่เจอ ผมรูว้ า่ อยูท่ ี่ ไหนสักแห่ง ค้นทุกซอกทุกมุม ไม่โผล่มาให้เห็น เพราะเหตุนี้ ผมถึงเลือกลายแถบ ผมคิดว่าผมน่าจะเป็นฝ่ายมองหาคุณ แต่คุณทราบได้ อย่างไรว่าเป็นผม?” “แน่นอนค่ะ ดิฉันทราบว่าเป็นท่าน” เธอตอบ วางหมวกพลาสติกสีแดง ทับกระเป๋าถือหนังสีขาวมันวาว ปิดคลุมโดยสิ้นเชิง ผมเกิดความรู้สึกว่าเธอ จะแสดงมายากลในวินาทีข้างหน้านี้ เมื่อใดที่ยกหมวกขึ้น กระเป๋าถือสีขาวจะ หายไปโดยไม่มีร่องรอย “แต่ผมผูกเน็กไทผิดเส้น?” ผมประท้วง “เน็กไท?” เธอเหลือบมองเน็กไทของผมประหนึ่งว่ามนุษย์เพี้ยนที่นั่งอยู่ ต่อหน้าพูดถึงเรื่องใดกัน จากนั้น เธอผงกศีรษะ “ไม่ใช่สาระส�ำคัญ อย่าได้ นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

55


เป็นกังวล, ได้ โปรด” ดวงตา...ดวงตาของเธอแปลกพิลึกสิ้นดี ขาดไร้ความลึกอย่างน่าพิศวง ตาสวยแต่ดูเหมือนจะไม่มองสิ่งใด แววตาผิวพื้นคล้ายตาลูกแก้ว แต่แน่นอน อยู่แล้ว ไม่ใช่ตาปลอม ลูกตากลอกเคลื่อนไหว หนังตากะพริบ เธอแยกผมออกจากกลุ่มคนแออัดในห้องน�้ำชานี้ ได้อย่างไร? เก้าอี้แทบ ทุกตัวมีผู้นั่งจับจอง หลายตัวเป็นชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม ผมอยาก ไถ่ถาม ขอค�ำอธิบาย แต่ก็สะกดตนเองไว้ ไม่บังควรยกเรื่องนอกประเด็นมา พูดจากัน เธอเรียกบริกรที่เดินผ่านมา ขอน�้ำแร่เปริเอร์ ไม่มีน�้ำแร่เปริเอร์ แต่ก็ พอจะน�ำเอาน�้ำโทนิกมาให้ได้ เธอคิดเพียงชั่วครู่ ยอมรับข้อเสนอของบริกร ในระหว่างที่รอคอยน�้ำดื่มของเธอ เธอนั่งนิ่งไม่พูดจา ผมไม่อ้าปากพูด นิง่ งันชัว่ ขณะ เธอยกหมวกพลาสติกสีแดงขึน้ หยิบกระเป๋าถือสีขาวออก จากใต้หมวก บิดสปริงล็อก หยิบซองหนังสีดำ� ขนาดเล็กกว่าม้วนเทปคาสเซ็ตต์ ซองบรรจุนามบัตร เหมือนเช่นกระเป๋าถือ มีสปริงล็อกเช่นกัน ผมไม่เคยเห็น ซองนามบัตรมีสปริงล็อกมาก่อน เธอหยิบนามบัตรจากซองหนังยื่นส่งให้ผม ผมล้วงปลายนิ้วเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อหยิบนามบัตร เพิ่งรู้ตัวว่าไม่มี นามบัตรติดกระเป๋าอีกแล้ว นามบัตรของเธอท�ำจากแผ่นพลาสติก ดูคล้ายจะมีกลิน่ ธูปโชยออกมา พอ ยกมาใกล้จมูก ใช่เลย, กลิน่ ธูปไม่ผดิ ไปได้ นามบัตรมีอกั ขระแถวเดียว พิมพ์ดว้ ย สีด�ำเข้มเด่นชัด

มอลตา คะโน

มอลตา? ผมพลิกนามบัตร ด้านหลังว่างเปล่า ในระหว่างทีผ่ มนัง่ พิศวงงงงวยไปกับความหมายของนามบัตร บริกรวาง 56

บันทึกนกไขลาน


แก้วบรรจุน�้ำแข็งลงต่อหน้าเธอ รินน�้ำโทนิกลงไป มีชิ้นเลมอนฝานบางเสียบที่ ขอบแก้ว สาวเสิร์ฟถือกากาแฟสีเงินมาบนถาด วางถ้วยลงข้างหน้าผม ริน กาแฟให้ จากนั้น ด้วยท่าร่างของคนโล่งอกโล่งใจผลักไสโชคร้ายไปใส่มือผู้อื่น ได้ส�ำเร็จ เธอวางบิลลงบนโต๊ะก่อนเดินจากไป “ว่างเปล่า” มอลตา คะโน บอกผม ผมยังเหม่อจ้องด้านหลังนามบัตร “มีเพียงชื่อของดิฉัน ไม่มีความจ�ำเป็นที่จะต้องใส่ที่อยู่หรือหมายเลข โทรศัพท์ ไม่เคยมีใครโทรมาหา ดิฉันเป็นฝ่ายโทรไปในทุกคราว” “เข้าใจละ” ผมตอบ การตอบสนองไร้สาระลอยฟ่องอยู่กลางอากาศ เหมือนเกาะกลางฟ้าในกัลลิเวอร์ผจญภัย ถือด้วยมือสองข้าง เธอยกแก้วโทนิกขึ้นจิบผ่านหลอดดูด หัวคิ้วหยักย่น นิ่วหน้าก่อนจะวางแก้วคืนกลับบนโต๊ะ สิ้นความสนใจในแก้วนั้นไปโดยสิ้นเชิง “มอลตาไม่ใช่ชอื่ จริงของดิฉนั ” มอลตา คะโน กล่าว “...คะโนน่ะจริง แต่ มอลตาเป็นชือ่ อาชีพ ดิฉนั ได้ชอื่ นีจ้ ากเกาะมอลตา ท่านเคยไปเยือนเกาะมอลตา หรือไม่?” ผมตอบว่าไม่เคย ไม่เคยเดินทางไปทีม่ อลตาและไม่คดิ จะไปทีน่ นั่ ในอนาคต อันใกล้นี้ ทัง้ มวลทีเ่ กีย่ วกับมอลตามีเพียงเพลง เดอะ มอลทีส เมโลดี้ ของเฮิรบ์ อัลเพิร์ต เป่ากันได้มันสะบัดช่อ “ดิฉันเคยอาศัยอยู่บนเกาะมอลตา” เธอบอก “...สามปีเต็มๆ น�้ำรสเลว ดื่มกินไม่ได้ น�้ำกร่อย น�้ำจืดเจือด้วยน�้ำทะเล ขนมปังเค็ม ใช่ว่าจะเติมเกลือ นวดเคล้ากับแป้ง แต่เค็มเพราะน�ำ้ ขนมปังไม่เลวเลย ดิฉนั ชอบขนมปังมอลตา” ผมผงกหัวรับจิบกาแฟ “แม้น�้ำรสเลว แต่จากแหล่งหนึ่งบนมอลตาจะมีน�้ำกล่อมธาตุร่างกายได้ อย่างน่าอัศจรรย์ น�ำ้ สุดพิเศษ ดุจเสกเป่าด้วยมนตรา มีเพียงแหล่งเดียวบนเกาะ ตาน�ำ้ พุบนยอดเขา จะต้องปีนไต่เขาจากหมูบ่ า้ นเชิงเขานานหลายชัว่ โมงกว่าจะ ไปถึงที่นั่น น�้ำไม่อาจขนส่งเคลื่อนย้ายออกจากน�้ำพุ หากพาไปที่อื่น ก็สิ้นสูญ พลังเวท หนทางเดียวที่จะดื่มได้ จะต้องเดินไปดื่มที่นั่น เรื่องเล่าบันทึกไว้ ในเอกสารประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงสมัยสงครามครูเสด เรียกขานกันว่า นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

57


น�ำ้ ศักดิส์ ทิ ธิ์ แอลเลน กินสเบิรก์ เคยไปดืม่ ทีน่ นั่ หนหนึง่ เช่นเดียวกับคีธ ริชาร์ดส ดิฉันอาศัยอยู่ที่นั่นสามปี ในหมู่บ้านเล็กๆ เชิงเขา ปลูกผัก ศึกษาการทอผ้า ดิฉันขึ้นเขาไปดื่มน�้ำพุศักดิ์สิทธิ์ทุกวันไม่เคยขาด นับจากปี 1976 ถึง 1979 ครั้งหนึ่ง ตลอดทั้งสัปดาห์ ดิฉันจะดื่มน�้ำศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอาหารอื่น จะต้อง ไม่มีสิ่งใดเข้าปากเว้นแต่น�้ำศักดิ์สิทธิ์ตลอดสัปดาห์นั้น นี่คือ การเคี่ยวกร�ำ อันเป็นข้อก�ำหนดประจ�ำสถานทีน่ นั้ ดิฉนั เชือ่ ว่า จะเรียกเป็นการถือศีลอดก็ ไม่ ผิดไกลนัก ช่วยก�ำจัดสิ่งเศร้าหมอง ฟอกร่างกายให้สะอาดโล่งเบา นับเป็น ประสบการณ์มหัศจรรย์ส�ำหรับดิฉัน เพราะเหตุนี้ ดิฉันจึงได้เลือกชื่อมอลตา มาเป็นชื่ออาชีพในตอนที่ดิฉันย้อนกลับมาญี่ปุ่น” “ขออนุญาตถามว่าเป็นอาชีพใด?” เธอสั่นศีรษะปฏิเสธ “เรียกว่าอาชีพคงไม่ถนัดนัก กล่าวโดยจ�ำเพาะ เจาะจง เนื่องเพราะดิฉันมิได้รับเงินทองเป็นค่าตอบแทน ดิฉันเป็นที่ปรึกษา ดิฉันพูดคุยกับผู้คนเรื่ององค์ประกอบของร่างกาย ดิฉันยังเรียนรู้เพิ่มเติม เรือ่ งพลังของน�ำ้ ทีส่ ง่ อิทธิพล เอือ้ ประโยชน์ตอ่ องค์ประกอบของร่างกาย การ ท�ำมาหากินมิใช่ปัญหาส�ำหรับดิฉัน เงินทองทรัพย์สินมีพอประทังชีวิตไม่ให้ ขัดสน บิดาดิฉันเป็นนายแพทย์ มอบหุ้นและอสังหาริมทรัพย์แก่ดิฉันและ น้องสาว จัดเตรียมไว้ ในรูปกองทุนเลีย้ งชีพ มีผจู้ ดั การบัญชีเฝ้าดูแลให้งอกเงย ให้เงินปันผลเป็นเงินรายปี ดิฉันเองเขียนหนังสือหลายเล่มให้รายได้เพิ่มเติม อีกส่วนหนึง่ งานศึกษาเรือ่ งองค์ประกอบของชีวติ เป็นกิจกรรมที่ ไม่ได้มงุ่ แสวง ผลก�ำไร เพราะเหตุนี้ นามบัตรของดิฉันจึงไม่มีที่อยู่ ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ ดิฉันเป็นฝ่ายโทรศัพท์ติดต่อผู้อื่น” ผมผงกหัว อาการเคลือ่ นไหวเชิงกายภาพขยับศีรษะให้เคลือ่ น ผมงวยงง มืดแปดด้าน ไม่ทราบว่าเธอพูดถึงเรื่องใดกัน ผมเข้าใจค�ำพูดของเธอได้ทุกค�ำ แต่ไม่อาจซับซาบความหมายของเรื่องราว องค์ประกอบของร่างกาย? แอลเลน กินสเบิร์ก? ผมอึดอัดกระสับกระส่าย ผมมิใช่มนุษย์ที่มีสังหรณ์สัมผัสพิเศษ แต่ยิ่ง ใช้เวลาร่วมกับสตรีผู้นี้นานไป ก็ยิ่งได้กลิ่นเรื่องไม่ชอบมาพากลเข้มข้นทุกขณะ 58

บันทึกนกไขลาน


“ได้ โปรดให้อภัย” ผมกล่าว “ผมสงสัยว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า คุณจะ อธิบายเรื่องทั้งหมดใหม่ เรียงล�ำดับตั้งแต่ต้น ผมคุยกับภรรยาเมื่อไม่กี่ชั่วโมง ที่ผ่านมานี้ เธอบอกเพียงว่าให้ผมเดินทางมาพบคุณ พูดคุยเรื่องแมวที่หายไป กล่าวโดยสัตย์จริง ผมไม่เข้าใจเรือ่ งราวใดเลยทีค่ ณ ุ เล่าให้ฟงั เกีย่ วข้องกับแมว ที่ตรงไหน?” “นั่น, จริงแท้” เธอเอ่ย “...ก่อนเล่าในรายละเอียด ดิฉันมีอะไรสักอย่าง จะให้ท่านดู” เธอเปิดสปริงล็อกของกระเป๋าถืออีกครั้ง ดึงเอาซองจดหมายสีขาว ออกมา ในซองมีรูปถ่าย เธอยื่นส่งให้ผม “น้องสาวของดิฉันเอง” เธอบอก รูปสีพนี่ อ้ งสองสาว หนึง่ นัน้ คือมอลตา คะโน ในรูปถ่าย อีกครัง้ ทีเ่ ธอสวมหมวก หมวกไหมพรมถักสีเหลือง อีกครั้งที่ขัดกับเสื้อผ้าได้อุจาดตา น้องสาวผู้ที่เธอ กล่าวถึง สวมสูทสีพาสเทล หมวกสีเดียวกัน อาภรณ์ยอดนิยมต้นยุคหกศูนย์ ผมยังจ�ำได้ ในยุคนัน้ เรียกสีเฉดนีว้ า่ ‘เชอร์เบ็ตโทน’ เรือ่ งหนึง่ ยืนยันได้ น้องสาว ก็หลงใหลหมวกดุจเดียวกัน ทรงผมของน้องสาวสไตล์เดียวกับแจ๊กกี เคนเนดี เมือ่ ครัง้ ยังเป็นสตรีหมายเลขหนึง่ ในท�ำเนียบขาว ปัดยกกระบัง ฉีดสเปรย์ ไม่ให้ กระดิก ใบหน้าแต่งเข้ม แต่กย็ งั พอจะเรียกได้วา่ สวย น้องสาวอยู่ในช่วงต้นวัย ยีส่ บิ ผมยืน่ คืนรูปถ่าย เธอเก็บลงซองจดหมาย ซองจดหมายเก็บลงกระเป๋าถือ สปริงล็อกลั่นฉับอีกครั้ง “น้องสาวอายุอ่อนกว่าดิฉันห้าปี” เธอกล่าวบอก “...เธอถูกท่านโนโบรุ วาทายะ ข่มขืนช�ำเรา” ยอดไปเลย ผมอยากจะหนีหน้าออกจากที่นั่นทันใด แต่จะให้ลุกขึ้นยืน เดินหนีได้เชียวหรือ? ผมควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับริมฝีปาก เก็บกลับลงกระเป๋า เช่นเดิม กระแอมกระไอก่อนจะกล่าว “เลวร้ายที่สุด” ผมพูดขึ้น “...ผมไม่ทราบเรื่องนี้ หากมันจะย�่ำยีน้องสาว ของคุณให้เศร้าหมอง ขอแสดงความเสียใจด้วย ขอให้ผมบอกอะไรสักอย่าง ผมกับพี่เมียไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ระหว่างกัน หากคุณคิดว่าผมควรจะ...” “ไม่เลยค่ะ, ท่านโอกาดะ” เธอกล่าวขัด “...ดิฉันไม่ถือว่าท่านต้อง รับผิดชอบ ไม่ว่าจะในแง่ไหน หากจะมีใครสักคนต้องรับผิดในเรื่องนี้ ก็เป็น นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

59


ตัวดิฉนั เองที่ ไม่ใส่ใจ ไม่คอยเฝ้าดูแลน้องสาว มิได้ปกป้องคุม้ ครองเธอมากเท่า ที่ควร โชคร้ายที่สภาวการณ์ ไม่เปิดให้ดิฉันได้ท�ำเช่นนั้น เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้ อย่างที่ท่านทราบ เราอาศัยอยู่ในโลกโกลาหล ข่มเหงเบียดเบียนกัน ชั่วช้า เลวทราม และในโลกนี้ยังมีซอกมุมบางแห่งที่วุ่นวายชั่วร้ายยิ่งไปกว่านั้น ท่านพอจะเข้าใจทีด่ ฉิ นั พูดหรือไม่, ท่านโอกาดะ? เรือ่ งทีเ่ กิดขึน้ ต้องเกิดอยูแ่ ล้ว น้องสาวของดิฉนั จักต้องฟืน้ จากการย�ำ่ ยีชวั่ ร้าย ไม่มที างเลือกเป็นอืน่ ไปได้ ควร ถือว่าโชคยังดีที่ ไม่เป็นภัยแก่ชีวิต ดิฉันบอกน้องสาวไปเช่นนั้น องค์ประกอบ เรื่องนั้นพร้อมจะระเบิดเรื่องเลวร้ายแสนสาหัสกว่านั้นหลายเท่าตัวนัก เรื่อง เดียวที่ดิฉันเป็นกังวลจะเป็นองค์ประกอบของร่างกายของเธอ” “องค์ประกอบของร่างกาย?” ผมครางออกมา ดูเหมือน ‘องค์ประกอบ ของร่างกาย’ จะเป็นแก่นเรื่องที่เธอยึดไว้เหนียวแน่น “ดิฉันไม่อาจให้ค�ำอธิบายในรายละเอียดว่า สภาวการณ์เกี่ยวพันกันได้ อย่างไร เรือ่ งยาวซับซ้อนยิง่ นัก โปรดเข้าใจว่าดิฉนั ไม่ได้หยามหยาบดูหมิน่ ท่าน แต่อย่างใด เพราะเรือ่ งนีท้ า่ นไม่มที างเข้าใจได้ ในระยะนี้ ไม่อาจเข้าใจได้แจ่มชัด ถึงความหมายถ่องแท้ของเรื่องราวซึ่งเกี่ยวพันกับโลกใบใหญ่ที่เรารับมือใน ระดับอาชีพ ดิฉันมิได้เชื้อเชิญท่านมาในวันนี้ เพื่อให้มารับทราบเสียงประท้วง แน่นอนที่สุด ท่านไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในเรื่องนี้ ดิฉันเพียงประสงค์จะให้ ท่านทราบว่า แม้จะเป็นสภาวการณ์ชั่วคราว องค์ประกอบของร่างกายของ น้องสาวของดิฉนั ถูกย�ำ่ ยีโดยท่านวาทายะ ท่านกับน้องสาวของดิฉนั จะผูกเกีย่ ว สัมผัสกันในอนาคต เธอเป็นผูช้ ว่ ยของดิฉนั ดัง่ ทีด่ ฉิ นั กล่าวไว้ ในเบือ้ งต้น ในห้วง เวลานัน้ จะเป็นการดีทสี่ ดุ ส�ำหรับท่านทีจ่ ะตระหนักถึงเรือ่ งราวทีเ่ กิดขึน้ ระหว่าง เธอกับท่านวาทายะ ทราบเป็นพื้นฐานไว้ก่อนว่า เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นได้” ความเงียบงันตามมา มอลตา คะโน จ้องหน้าผมด้วยสายตาประหนึ่ง จะบอกว่า ได้ โปรดเก็บเรือ่ งนี้ ไปครุน่ คิด ต้องการให้คดิ ผมก็คดิ เออวะ, โนโบรุ วาทายะ ไปข่มขืนน้องสาวของมอลตา คะโน การข่มขืนเป็นการย�ำ่ ยีองค์ประกอบ ของร่างกายของสาวเจ้า และการข่มขืนย�ำ่ ยีนนั้ จะมีสว่ นเกีย่ วโยงกับการหายตัว ของไอ้เหมียว “ผมเข้าใจถูกหรือไม่...” ผมกล่าว “...ว่าคุณกับน้องสาวไม่มีความคิดที่ 60

บันทึกนกไขลาน


จะแจ้งความเรื่องนี้ต่อ...” “ไม่, ไม่เลย เราจะไม่ท�ำเรื่องเช่นนั้น” มอลตา คะโน ตอบ ใบหน้าไม่มี ความรู้สึกใดๆ “กล่าวให้แน่ชัด เราไม่ถือว่าใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ เราเพียงแต่ต้องการค้นคว้าหาต้นตอว่าเรื่องใดเป็นต้นเหตุ ก่อนที่เราจะ ไขปริศนานั้นได้ มีความเป็นไปได้ว่าเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่านี้จะเกิดขึ้น” ผมโล่งใจไปได้หน่อย มิได้เกีย่ วกับโนโบรุ วาทายะ ผูร้ อดพ้นการคร่ากุมตัว ไปลงโทษในคดีข่มขืนกระท�ำช�ำเรา ในแง่นี้ หาไอ้บ้ากามเหมาะสมกว่านี้ ไม่ได้ แล้ว ความโล่งอกจะเป็นเพราะพี่ชายของคูมิโกะเป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวง การเมือง หากถูกจับกุมคุมขัง จะต้องเป็นข่าวพาดหัว และน่าจะท�ำให้คูมิโกะ สะเทือนใจ เพือ่ ประโยชน์แห่งสุขภาพจิตของผม ผมก็ใคร่ให้เรือ่ งนีจ้ บสิน้ ไปเสีย “ขอให้แน่ใจได้เลย...” มอลตา คะโน กล่าวต่อ “...ทีด่ ฉิ นั ขอพบท่านในวันนี้ เป็นเรื่องแมวที่หายไปแต่เพียงอย่างเดียว นั่นเป็นเรื่องที่ท่านโนโบรุ วาทายะ เดินทางไปพบและขอความช่วยเหลือจากดิฉัน ภรรยาของท่านไปปรึกษา ขอความเห็นจากเขา และเขาก็ติดต่อดิฉันให้ช่วยเหลือ” นั่นปะไร มอลตา คะโน เป็นร่างทรงหรือพวกตาทิพย์หรืออะไรสักอย่าง พี่ชายกับน้องสาวไปหาแม่หมอเพื่อให้เสาะหาไอ้เหมียว ครอบครัววาทายะเชื่อ เรื่องพรรค์นี้ เรื่องทรงเจ้าเข้าผี โหงวเฮ้งฮวงจุ้ย ผมไม่ข้องขัด ใครเห็นดี เห็นงามอย่างไรก็ท�ำตามความเชื่อของตนได้เต็มที่ หวา, แล้วท�ำไมไอ้ง่าวนั่น ถึงได้ไปข่มขืนน้องสาวของเจ้าแม่พลังจิต? ท�ำอย่างนั้นไม่แส่ไปก่อเรื่องวุ่นวาย ขึ้นดอกหรือ? “นั่นหรือเป็นความเชี่ยวชาญพิเศษของคุณ...ช่วยเหลือค้นหาข้าวของที่ หายไป?” ผมถาม เธอเบิ่งตาจ้องผมด้วยสายตาว่างเปล่า ดวงตาทอดมองเหมือนการ เหม่อจ้องมองผ่านหน้าต่างของบ้านร้าง จากสีหน้าของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอ ไม่ได้รับซับซาบความหมายในค�ำถามของผม เธอไม่ได้ตอบค�ำถามของผม กล่าวต่อไปว่า “ท่านอาศัยอยู่ในบ้านพิลึก ใช่ไหม, ท่านโอกาดะ?” “จริงหรือนี่? พิลึกในแง่ไหน?” นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

61


แทนค� ำ ตอบ เธอเลื่ อ นแก้ ว โทนิ ก ที่ แ ทบไม่ ไ ด้ แ ตะให้ ห ่ า งตั ว ราวสิ บ เซนติเมตร “แมวเป็นสัตว์ ไวความรู้สึก, รู้ไหม?” อีกครั้งที่ความเงียบงันแผ่มาปกคลุม “บ้านของเราเป็นบ้านพิลึก แมวเป็นสัตว์ ไวความรู้สึก” ผมตอบ “พอ ฟังได้ แต่เราก็อยู่มานานแล้ว เราสองคนกับแมวอีกตัว ท�ำไมต้องเกิดเรื่อง ปัจจุบันทันด่วนในตอนนี้? แมวตัดสินใจหนีหายไป ท�ำไมไม่ตัดสินใจเดินทาง หนีออกจากบ้านก่อนหน้านี้?” “เรื่องนั้นดิฉันไม่อาจระบุได้ อาจเป็นเพราะพลังปราณเปลี่ยนไป หรือ เป็นเพราะมีอะไรสักอย่างมาขวางกั้นพลังปราณ” “พลังปราณ?” “ดิฉันยังไม่อาจบอกได้ว่าแมวยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่แน่ใจได้เรื่องเดียว แมวจะไม่อยู่ในละแวกนั้นอีกต่อไปแล้ว ท่านจะไม่มีทางพบแมวในละแวกบ้าน ย่านนั้น” ผมยกถ้วย จิบกาแฟอุ่นจืดชืด นอกหน้าต่าง ฝนโปรยปรายเป็นม่าน ละอองบางเบา ฟ้ า ปิ ด เมฆด� ำ เรี่ ย ใกล้ พื้ น ขบวนแห่ ข องผู ้ ค นหน้ า หมอง มือถือร่มพร้อมเพรียงกัน เดินเป็นสายขึ้นสะพานลอยข้ามถนน “ขอมือของท่าน” ผมวางมือขวาพลิกหงายบนโต๊ะ ผมคิดเอาว่าเธอคงอยากดูลายมือ ไม่เลย, เธอยื่นมือของเธอมาวางทาบทับ จากนั้น เธอพริ้มตาหลับ นั่งตัวตรงแน่วนิ่ง เหมือนการปรามกล่าวโทษคู่รักนอกใจ สาวเสิร์ฟเดินผ่านโต๊ะ รินเติมกาแฟ ลงในถ้วย แสร้งท�ำเป็นไม่เห็นว่าผมกับมอลตา คะโน ท�ำอะไรกันอยู่ ผู้คน โต๊ะข้างเคียงเหลือกตามอง ผมได้แต่ภาวนาในใจ ขออย่าให้เพื่อนพ้องคนรู้จัก เดินเฉียดผ่านมาในตอนนี้ “ดิฉันอยากให้ท่านวาดภาพหนึ่งซึ่งเพิ่งมองเห็นก่อนเดินทางมาที่นี่” มอลตา คะโน บอก “ภาพหนึ่ง?” ผมทานซ�้ำ “ภาพเดียว” ผมคิดถึงชุดแส็กลายดอกของคูมิโกะในกล่องเก็บ ภาพหลากหลายที่ 62

บันทึกนกไขลาน


ผ่านตา ท�ำไมต้องเป็นภาพชุดสั้นเต่อตัวนั้น ผมไม่อาจหยั่งทราบได้ ผุดเข้ามา ในหัวเสียเฉยๆ อย่างนั้น เรานั่งประสานมือกันอยู่นานสักห้านาทีเห็นจะได้...ห้านาทีนานเนิ่นแทบ ไม่มีที่สิ้นสุดส�ำหรับผม มิใช่เพราะสายตาประหลาดใจที่คนเหลียวมาจ้อง หาก แต่เป็นมือของเธอทีท่ ำ� ให้ผมว้าวุน่ ใจ มือเรียวเล็ก ไม่อนุ่ ไม่เย็น ไม่มสี มั ผัสปลุก ไออุ่นในอกเหมือนมือคู่รัก ไม่มีสัมผัสเสาะส�ำรวจเหมือนมือหมอ สัมผัสจาก มือเรียวไม่ตา่ งไปจากตาไร้ความลึกของเธอ เปลีย่ นผมให้กลายเป็นบ้านว่างเปล่า ไม่มีเครื่องเรือน ไม่มีม่าน ไม่มีพรมปูพื้น เป็นแต่เพียงเปลือกกลวงว่างเปล่า ท้ายที่สุด มอลตา คะโน ดึงมือกลับไป สูดลมหายใจยาวเข้าปอดหลายครั้ง ผงกศีรษะถี่ “ท่านโอกาดะ ดิฉนั เชือ่ ว่าท่านเคลือ่ นผ่านเข้ามาในช่วงชีวติ ทีจ่ ะมีเรือ่ งราว หลากหลายเกิดขึ้น การหายไปของแมวเป็นแต่เพียงจุดเริ่มต้น” “เรื่องราวหลากหลาย” ผมถาม “...ดีหรือเลว?” เธอเอียงหน้าครุน่ คิด “เรือ่ งดีและเรือ่ งเลว เรือ่ งเลวร้ายซึง่ ดูเหมือนจะดี ในตอนแรก และเรื่องดีที่ดูคล้ายจะเลวเมื่อแรกประสบ” “ฟังดูแล้วเลอะเลือนเลือ่ นลอยนะครับ” ผมโพล่งออกไป “...ไม่มคี ำ� ท�ำนาย ยืนยันชัดๆ เลยหรือ?” “จริงอย่างที่ท่านพูด ฟังดูเลื่อนลอย” มอลตา คะโน สนองรับ “เมื่อใด ทีเ่ ราพูดถึงแก่นของเรือ่ ง, ท่านโอกาดะ บ่อยครัง้ ทีเ่ ราจะเลาะเลียบไปได้เพียงแค่ เรือ่ งทัว่ ไป เมือ่ ใดทีพ่ บเรือ่ งระบุยนื ยันได้แน่ชดั นัน่ ก็เป็นเรือ่ งใหญ่ทตี่ อ้ งทุม่ เท รับมือ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแต่เพียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เป็นเพียงทางเบี่ยง ยิ่งมองไกลไปในอนาคต ภาพที่เห็นก็ยิ่งเลอะเลือนเลื่อนลอย” ผมผงกหัวรับนิ่งเงียบ...ไม่รู้เหนือรู้ ใต้ว่าเธอพูดถึงเรื่องใดกัน “ดิฉันได้รับอนุญาตให้ติดต่อท่านอีกครั้งหรือไม่?” “แน่นอนครับ” ผมตอบรับแม้ ในใจไม่ประสงค์จะรับการติดต่อจากใคร ‘แน่นอนครับ’ เป็นค�ำตอบเดียวที่ผมจะเปล่งเสียงออกมาได้ เธอคว้าหมวกพลาสติกสีแดง หยิบกระเป๋าหนังสีขาวที่ซ่อนอยู่ในนั้น ลุกขึ้นยืน ผมไม่แน่ใจว่าควรตอบสนองเยี่ยงไร ได้แต่นั่งจ่อมติดเก้าอี้ นพดล-จินตนา เวชสวัสดิ์

63


“ดิฉนั มีขอ้ ระบุชชี้ ดั อย่างหนึง่ ทีจ่ ะแบ่งปันกับท่านได้” มอลตา คะโน กล่าว ก้มลงมองผม วางหมวกพลาสติกสีแดงสวมหัว “...ท่านจะพบเน็กไทลายจุด... แต่ไม่ใช่ในบ้าน”

64

บันทึกนกไขลาน


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.